ห้ามพุทธแต่งมุสลิม !
พม่าโหมโรงนำพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ
โดยมิต้องให้พระออกไปนำหน้าม็อบ
อา..พวกนักการเมืองผู้ "รักชาติ-รักศาสนา" แต่ปาก หรือพวกดีแต่พูดในไทยแลนด์ เห็นแล้วคงอายม้วน เพราะพม่าเขามิได้หาเสียง แต่เขาทำโดยมิต้องพูด ดังนั้น จึงมิน่าแปลกใจอันใดว่า แค่พม่าเปิดประตูที่ปิดมานานตั้ง 40 ปี ก็มีทั้งทุนทั้งคนจากทั่วโลกหลั่งไหลไปพม่า เพราะเขารู้ว่า ถ้าพม่าเข้าสนามเมื่อไหร่ ไทยหรือภูมิภาคนี้ก็ต้องแพ้ให้แก่พม่า เพราะพม่าเป็นระดับ "อภิมหาอำนาจ" ในอดีต เคยยึดครองกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้นมายาวนาน วันนี้ พม่ากำลังจะกลับมาทวงตำแหน่ง "แชมป์" คืนจากเวทีเอเชียนเกมแล้ว เฮ้อ พม่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ทันเสร็จก็วิ่งเข้ามาหายใจรดต้นคอไทยแลนด์แล้ว ไม่ต้องเร่งเครื่อง แค่วิ่งผ่อนเท้าก็คงเข้าเส้นชัยไปก่อนไทยในอีก 10 ปี ข้างหน้า ขณะที่ไทยก็ลงแข่งกีฬาระดับโลก ว่าด้วยการ "มีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลก" และใช้ระบบ "คุณธรรม" ปกครองประเทศ โดยไม่มีใครสนใจจะปฏิรูปการพระศาสนาเหมือนรัฐบาลพม่าเลย
'เต็ง เส่ง' หนุนห้ามหญิงพุทธแต่งชายมุสลิม
'ผู้นำเมียนมาร์' หนุนผ่านร่างกฎหมาย จำกัดสิทธิหญิงพุทธแต่งข้ามศาสนา คาดเข้าสภาต้นเดือนหน้า
27 ก.พ. 57 ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง แห่งเมียนมาร์ แสดงท่าทีสนับสนุนร่างกฎหมายเกี่ยวกับศาสนา 4 ฉบับ ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา รวมถึงฉบับหนึ่งที่จำกัดการแต่งงานระหว่างสตรีพุทธกับผู้นับถือศาสนาอื่น
โฆษกสภาเมียนมาร์ เปิดเผยเมื่อวันนี้ (27 ก.พ.) ว่า
ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ส่งจดหมายถึง ส.ส. เรียกร้องให้ผ่านร่างกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ปกป้องพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาหลักของประชากรส่วนใหญ่ในเมียนมาร์ แม้ว่าหนึ่งในนั้น เป็นร่างกฎหมายว่าด้วยการแต่งงานข้ามศาสนา ที่บังคับให้ชายศาสนาอื่นที่ต้องการแต่งงานกับสตรีชาวพุทธ จะต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาของฝ่ายหญิงก่อน หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกถึง 10 ปี แต่กฎหมายฉบับเดียวกัน กลับไม่ได้ตั้งเงื่อนไขการแต่งงานระหว่างชายพุทธกับสตรีศาสนาอื่น
ร่างกฎหมายอื้อฉาว มาจากการเสนอของพระวีรสุ พระสงฆ์ผู้นำขบวนการ 969 ที่ถูกกล่าวโทษว่ามีบทบาทสำคัญในการยุยงสร้างความเกลียดชังชาวมุสลิม จนนำไปสู่การเข่นฆ่าระหว่างศาสนา ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่าแสนคนในช่วงปี 2555-2556
พระวีรสุ อ้างว่า กฎหมายนี้มีความจำเป็นเพื่อปกป้องชาติพันธุ์และศาสนา หลังจากพบว่าในเกือบทุกเมือง มีสตรีถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนาก่อนแต่งงาน ข้อเสนอของพระรูปนี้ จุดกระแสวิจารณ์จากทุกฝ่ายในสังคมและองค์กรสิทธิมนุษยชน เพราะละเมิดสิทธิ์และเลือกปฏิบัติกับสตรี
ทั้งยังจุดคำถามเรื่องการแทรกแซงทางการเมืองของสถาบันสงฆ์ในเมียนมาร์ อย่างไรก็ดี ขบวนการ 969 รณรงค์หาเสียงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากประชาชนในชนบท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพุทธ และยังเคารพเกรงใจพระสงฆ์อยู่มาก และเมื่อเดือนที่แล้ว พระวีรสุอ้างว่ามีผู้ลงชื่อสนับสนุน 4 ล้านคน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้อาจเข้าสู่การลงมติของรัฐสภาในต้นเดือนหน้านี้
http://www.alittlebuddha.com/
'เต็ง เส่ง' หนุนห้ามหญิงพุทธแต่งชายมุสลิม เมืองไทย น่าจะมีแบบนี้บ้างเหมือนกันนะ
พม่าโหมโรงนำพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ
โดยมิต้องให้พระออกไปนำหน้าม็อบ
อา..พวกนักการเมืองผู้ "รักชาติ-รักศาสนา" แต่ปาก หรือพวกดีแต่พูดในไทยแลนด์ เห็นแล้วคงอายม้วน เพราะพม่าเขามิได้หาเสียง แต่เขาทำโดยมิต้องพูด ดังนั้น จึงมิน่าแปลกใจอันใดว่า แค่พม่าเปิดประตูที่ปิดมานานตั้ง 40 ปี ก็มีทั้งทุนทั้งคนจากทั่วโลกหลั่งไหลไปพม่า เพราะเขารู้ว่า ถ้าพม่าเข้าสนามเมื่อไหร่ ไทยหรือภูมิภาคนี้ก็ต้องแพ้ให้แก่พม่า เพราะพม่าเป็นระดับ "อภิมหาอำนาจ" ในอดีต เคยยึดครองกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้นมายาวนาน วันนี้ พม่ากำลังจะกลับมาทวงตำแหน่ง "แชมป์" คืนจากเวทีเอเชียนเกมแล้ว เฮ้อ พม่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ทันเสร็จก็วิ่งเข้ามาหายใจรดต้นคอไทยแลนด์แล้ว ไม่ต้องเร่งเครื่อง แค่วิ่งผ่อนเท้าก็คงเข้าเส้นชัยไปก่อนไทยในอีก 10 ปี ข้างหน้า ขณะที่ไทยก็ลงแข่งกีฬาระดับโลก ว่าด้วยการ "มีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลก" และใช้ระบบ "คุณธรรม" ปกครองประเทศ โดยไม่มีใครสนใจจะปฏิรูปการพระศาสนาเหมือนรัฐบาลพม่าเลย
'เต็ง เส่ง' หนุนห้ามหญิงพุทธแต่งชายมุสลิม
'ผู้นำเมียนมาร์' หนุนผ่านร่างกฎหมาย จำกัดสิทธิหญิงพุทธแต่งข้ามศาสนา คาดเข้าสภาต้นเดือนหน้า
27 ก.พ. 57 ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง แห่งเมียนมาร์ แสดงท่าทีสนับสนุนร่างกฎหมายเกี่ยวกับศาสนา 4 ฉบับ ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา รวมถึงฉบับหนึ่งที่จำกัดการแต่งงานระหว่างสตรีพุทธกับผู้นับถือศาสนาอื่น
โฆษกสภาเมียนมาร์ เปิดเผยเมื่อวันนี้ (27 ก.พ.) ว่า ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ส่งจดหมายถึง ส.ส. เรียกร้องให้ผ่านร่างกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ปกป้องพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาหลักของประชากรส่วนใหญ่ในเมียนมาร์ แม้ว่าหนึ่งในนั้น เป็นร่างกฎหมายว่าด้วยการแต่งงานข้ามศาสนา ที่บังคับให้ชายศาสนาอื่นที่ต้องการแต่งงานกับสตรีชาวพุทธ จะต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาของฝ่ายหญิงก่อน หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกถึง 10 ปี แต่กฎหมายฉบับเดียวกัน กลับไม่ได้ตั้งเงื่อนไขการแต่งงานระหว่างชายพุทธกับสตรีศาสนาอื่น
ร่างกฎหมายอื้อฉาว มาจากการเสนอของพระวีรสุ พระสงฆ์ผู้นำขบวนการ 969 ที่ถูกกล่าวโทษว่ามีบทบาทสำคัญในการยุยงสร้างความเกลียดชังชาวมุสลิม จนนำไปสู่การเข่นฆ่าระหว่างศาสนา ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่าแสนคนในช่วงปี 2555-2556
พระวีรสุ อ้างว่า กฎหมายนี้มีความจำเป็นเพื่อปกป้องชาติพันธุ์และศาสนา หลังจากพบว่าในเกือบทุกเมือง มีสตรีถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนาก่อนแต่งงาน ข้อเสนอของพระรูปนี้ จุดกระแสวิจารณ์จากทุกฝ่ายในสังคมและองค์กรสิทธิมนุษยชน เพราะละเมิดสิทธิ์และเลือกปฏิบัติกับสตรี
ทั้งยังจุดคำถามเรื่องการแทรกแซงทางการเมืองของสถาบันสงฆ์ในเมียนมาร์ อย่างไรก็ดี ขบวนการ 969 รณรงค์หาเสียงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากประชาชนในชนบท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพุทธ และยังเคารพเกรงใจพระสงฆ์อยู่มาก และเมื่อเดือนที่แล้ว พระวีรสุอ้างว่ามีผู้ลงชื่อสนับสนุน 4 ล้านคน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้อาจเข้าสู่การลงมติของรัฐสภาในต้นเดือนหน้านี้
http://www.alittlebuddha.com/