วันนี้ (3 มี.ค.) รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงแจ้งว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ต้องการแบ่งแยกประเทศนั้น มีกระบวนการปลุกปั่นกระแสมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อปี 2553 เป็นต้นมา โดยเฉพาะการจัดตั้งหมู่บ้านคนเสื้อแดง ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงมวลชน และง่ายต่อการยุยงปลุกปั่น ซึ่งโดยมากจะเน้นในพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือและภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่ โดยในภาคเหนือมีจังหวัดหลักๆ คือ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.พะเยา ส่วนภาคอีสานมีจังหวัดหลักๆ คือ จ.นครราชสีมา และ จ.อุดรธานี โดยจะมีตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อแดงที่แตกสาขาย่อยเป็นกลุ่มในพื้นที่คอยชักจูงให้ประชาชนคล้อยตาม
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จุดประเด็นขึ้นมาในช่วงนี้ก็เพื่อต้องการย้อนศรความเคลื่อนไหวของ กปปส.ที่มุ่งเชิญชวนคนในพื้นที่ กทม.และภาคใต้ไม่ให้ออกมาต่อต้านรัฐบาล ทำให้แกนนำคนเสื้อแดงต้องการใช้ข้อแตกต่างจุดนี้ในการปลุกระดมมวลชนให้คล้อยตามกับแนวคิดการแบ่งแยกประเทศ โดยผ่านเวทีเคลื่อนพล หรือแรลลี่ประชาธิปไตยของกลุ่ม นปช.ในพื้นที่ภาคอีสานในช่วงนี้ในการปลุกปั่นกระแส แต่กลับมีการเผยแพร่คลิป และการให้สัมภาษณ์ของนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่พูดถึงการแบ่งแย่งเป็นประเทศล้านนา หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา (สปป.ล้านนา) อย่างชัดเจน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง รวมไปถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่สั่งการให้ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อมอบหมายให้มณฑลจังหวัดทหารบกเชียงใหม่ และมณฑลทหารบกพะเยา ไปดำเนินการแจ้งความตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา 113-114 ทำให้แกนนำคนเสื้อแดงมีการหารือถึงการทบทวนท่าทีในเรื่องนี้ เพราะไม่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีท่าทีที่แข็งกร้าวขนาดนี้
“เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัด ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนในจังหวัดต่างๆ และเมื่อแม่ทัพภาค 3 ดำเนินการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ขึ้นป้าย สปป.ล้านนา ในข้อหากบฏแบ่งแยกดินแดน บรรดากลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดที่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดนจริงๆ อย่างกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นำไปเป็นประเด็นปลุกเร้ามวลชนเพิ่มเข้าไปอีก ส่วนความเคลื่อนไหวของ นปช.ใหญ่เริ่มจะถอยห่างออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้เชื่อมโยงกัน เพราะ นปช.ยังติดภาพของรัฐบาลอยู่ หากมีภาพการแบ่งแยกดินแดนจะส่งผลเสียต่อรัฐบาล” แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง ระบุ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000024587
http://www.thaipost.net/news/030314/86872
หน่วยความมั่นคง ชี้ เสื้อแดง นปช. คิดแยกประเทศตั้งแต่ปี 53 การตั้งหมู่บ้านบังหน้าปั่นกระแส
วันนี้ (3 มี.ค.) รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงแจ้งว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ต้องการแบ่งแยกประเทศนั้น มีกระบวนการปลุกปั่นกระแสมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อปี 2553 เป็นต้นมา โดยเฉพาะการจัดตั้งหมู่บ้านคนเสื้อแดง ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงมวลชน และง่ายต่อการยุยงปลุกปั่น ซึ่งโดยมากจะเน้นในพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือและภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่ โดยในภาคเหนือมีจังหวัดหลักๆ คือ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.พะเยา ส่วนภาคอีสานมีจังหวัดหลักๆ คือ จ.นครราชสีมา และ จ.อุดรธานี โดยจะมีตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อแดงที่แตกสาขาย่อยเป็นกลุ่มในพื้นที่คอยชักจูงให้ประชาชนคล้อยตาม
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จุดประเด็นขึ้นมาในช่วงนี้ก็เพื่อต้องการย้อนศรความเคลื่อนไหวของ กปปส.ที่มุ่งเชิญชวนคนในพื้นที่ กทม.และภาคใต้ไม่ให้ออกมาต่อต้านรัฐบาล ทำให้แกนนำคนเสื้อแดงต้องการใช้ข้อแตกต่างจุดนี้ในการปลุกระดมมวลชนให้คล้อยตามกับแนวคิดการแบ่งแยกประเทศ โดยผ่านเวทีเคลื่อนพล หรือแรลลี่ประชาธิปไตยของกลุ่ม นปช.ในพื้นที่ภาคอีสานในช่วงนี้ในการปลุกปั่นกระแส แต่กลับมีการเผยแพร่คลิป และการให้สัมภาษณ์ของนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่พูดถึงการแบ่งแย่งเป็นประเทศล้านนา หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา (สปป.ล้านนา) อย่างชัดเจน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง รวมไปถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่สั่งการให้ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อมอบหมายให้มณฑลจังหวัดทหารบกเชียงใหม่ และมณฑลทหารบกพะเยา ไปดำเนินการแจ้งความตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา 113-114 ทำให้แกนนำคนเสื้อแดงมีการหารือถึงการทบทวนท่าทีในเรื่องนี้ เพราะไม่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีท่าทีที่แข็งกร้าวขนาดนี้
“เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัด ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนในจังหวัดต่างๆ และเมื่อแม่ทัพภาค 3 ดำเนินการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ขึ้นป้าย สปป.ล้านนา ในข้อหากบฏแบ่งแยกดินแดน บรรดากลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดที่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดนจริงๆ อย่างกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นำไปเป็นประเด็นปลุกเร้ามวลชนเพิ่มเข้าไปอีก ส่วนความเคลื่อนไหวของ นปช.ใหญ่เริ่มจะถอยห่างออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้เชื่อมโยงกัน เพราะ นปช.ยังติดภาพของรัฐบาลอยู่ หากมีภาพการแบ่งแยกดินแดนจะส่งผลเสียต่อรัฐบาล” แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง ระบุ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000024587
http://www.thaipost.net/news/030314/86872