วันที่ 23 กุมภาพันธ์ เช้าวันที่อากาศสดใส วันที่อาการปวดเข่าเริ่มทุเลา เช้าวันนี้ก็แค่อยากหาสนามแข่งให้ตัวเอง
แล้วจะเริ่มอย่างไรดีล่ะ
"สะพานพุทธ" คำตอบอยู่ที่นั่น ผมเคยไปที่นั่นเมื่อนานมาแล้ว
“ไปดูพระอาทิตย์ยามเช้าที่นั่น” ชอบมากเลยกับการที่มีความตั้งใจจะทำมัน วิ่งไปเรื่อยๆไปดูพระอาทิตย์กำลังพาดผ่านสถาปัตยกรรมด้วยความตั้งใจ ในวันที่ไม่ใช่นั่งรถไปทำงาน ไม่ใช่วันที่ตื่นสายและพระอาทิตย์อยู่ตรงหน้า
03:00 ตื่นขึ้นมายามเช้า อาบน้ำแปรงฟัน ต้มน้ำกินกาแฟ ขนมปัง นมอีก อิ่มท้องพอสำหรับการเดินทางเช้านี่
รองเท้าคู่โปรดถูกจับมาวาง หูฟัง โทรศัพท์ นาฬิกาและบัตรประชาชน พร้อมกับเข้าห้องน้ำเสร็จสรรพ
04:00 เวลาการเดินทางก็เริ่มขึ้น อาการหวั่นๆก็เกิด “จะวิ่งไปจริงเหรอ ยังไม่เคยวิ่งคนเดียวไกลขนาดนี้เลย”
04:18 ก้าวแรกสำหรับเช้านี้ก็เริ่มขึ้น วิ่งเรื่อยๆเลียบถนนรามคำแหงไปแยกคลองตัน ลัดเลาะเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มาครบ 10 กิโลเมตร แถวๆอาคารชาญอิสระ เวลาเช้านี้ดีทีเดียวสำหรับผม หรือว่า GPS กำลังหลอกให้ดีใจเล่นล่ะนี่
การวิ่งก็ยังคงไปเรื่อยๆ
-ผ่านแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนที่เริ่มทยอยปิด
-ผ่านร้านค้าที่เริ่มทยอยเปิดต่อเพื่อทำมาหากิน
-ผ่านวงเหล้าวงแล้ววงเล่า ที่มีการสนทนาจนถึงป่านนี้คงมีอะไรที่น่าสนุก ผมแทบอยากเข้าไปนั่งร่วมวงกับพวกเขาด้วย
-ผ่านฝูงหมาที่มันคงคอยทำหน้าที่ของมัน ใช่ทำหน้าที่ของมัน แต่ทำไมต้องไล่ผมแต่เช้าด้วย
-ผ่าน รปภ ของอาคารหนึ่งที่กำลังออกกำลังกาย ด้วยชุดเต็มยศ “ไปวิ่งกันหน่อยไหมครับ” การทักทายกับบุคคลคนแรกของเช้านี้ “ผมวิ่งเสร็จแล้วครับ” รปภ. หนุ่มตอบภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเขา ผมวิ่งผ่านด้วยรอยยิ้มและคำทักทาย
-วิ่งตรงไปยังประตูน้ำ วิ่งไปเรื่อยๆ บรรยากาศเริ่มวังเวง คนเริ่มน้อยลง แต่แล้วอย่างไรล่ะ “แวะกินน้ำก่อนดีกว่า” ใช่ครับตอนนี้ผมหิวน้ำ หลังจากวิ่งมาได้ 20 กิโลเมตร(ถ้า GPS ไม่โกงผมนะครับ) การวิ่งแบบนี้ต้องมีตังก์ติดตัวครับ เพราะสนามนี้ไม่มีโต๊ะตั้งน้ำให้ดื่ม ไม่มีพยาบาล มันต้องใจจริงๆครับ
- วิ่งเรื่อยๆเข้ามาทางแยกอุรุพงษ์ บรรยากาศยามเช้านี่มันเงียบดีจริงๆ ผ่านเข้าทางถนนหลานหลวง เจอตลาด ใช่มันคือตลาดสะพานขาว ผมดีใจมาก เจอคนแล้ว ผมเดินลัดเลาะตามหลังผู้คนที่มาจับจ่ายตลาดยามเช้า ดูบรรยากาศที่นานๆจะได้เจอสักครั้งนึง
-วิ่งยาวมาตามถนนหลานหลวง กำลังจะถึงถนนราชดำเนินกลางก็มาเจอกลุ่ม คปท ก่อน “ผมขอวิ่งผ่านได้มั้ยครับ” ผมบอกออกไปยังคนที่เฝ้าประตู “ได้ครับ แต่ผมเกรงว่าควรจะเดินผ่านดีกว่านะครับ เขายังนอนกันอยู่เลยครับ”คนเฝ้าประตูบอกผ่านออกมา ผมยิ้มให้พร้อมกับเดินไปต่อ แต่ก็นั่นล่ะครับ เข้ามาได้กว่าจะหาทางออกได้ก็เล่นเอานานอยู่
-ผ่านถนนราชดำเนินกลาง วิ่งไปเรื่อยๆท่ามกลางคอหวยที่ออกมาจัดเรียงแผงขายลอตเตอรี่แต่เช้า ผมเลาะๆออกมาจนถึงสนามหลวง ยิ้มครับ อาการเหนื่อยเริ่มหมดไปเส้นชัยของผมอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผ่านมาจุดนี้ผมเริ่มเจอหลายๆคนที่กำลังวิ่งยามเช้าเหมือนกันแล้ว
-ผมไปต่อตามถนนสนามไชย ผ่านวัดพระแก้ว ผ่านกองรักษาดินแดน มุ่งไปยังปากคลองตลาด
-สุดท้ายก็มาถึงที่หมาย “ใช่ครับที่นี่ไม่มีรางวัลอะไรให้ผมเลย
กับรางวัลของเช้านี้
แต่นานเท่าไรแล้วล่ะนี่ ไม่ได้ตื่นเช้าแล้วลองทำอะไรใหม่ๆ
วันนี้ทำแล้วสิน่ะ สนามแข่งนี้ไม่มีเส้นชัย ไม่มีรางวัล ครั้งแรกสิน่ะ วิ่งมาเรื่อยๆมาดูพระอาทิตย์กำลังพาดผ่านสถาปัตยกรรม นี่แหละรางวัลของเช้านี่
“คุณจะลองตื่นเช้ามาวิ่งกับผมมั้ยครับ”
เพราะชีวิตคือการวิ่งมาราธอน เราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามทางที่คนอื่นลากไว้
แล้วจะเริ่มอย่างไรดีล่ะ
"สะพานพุทธ" คำตอบอยู่ที่นั่น ผมเคยไปที่นั่นเมื่อนานมาแล้ว
“ไปดูพระอาทิตย์ยามเช้าที่นั่น” ชอบมากเลยกับการที่มีความตั้งใจจะทำมัน วิ่งไปเรื่อยๆไปดูพระอาทิตย์กำลังพาดผ่านสถาปัตยกรรมด้วยความตั้งใจ ในวันที่ไม่ใช่นั่งรถไปทำงาน ไม่ใช่วันที่ตื่นสายและพระอาทิตย์อยู่ตรงหน้า
03:00 ตื่นขึ้นมายามเช้า อาบน้ำแปรงฟัน ต้มน้ำกินกาแฟ ขนมปัง นมอีก อิ่มท้องพอสำหรับการเดินทางเช้านี่
รองเท้าคู่โปรดถูกจับมาวาง หูฟัง โทรศัพท์ นาฬิกาและบัตรประชาชน พร้อมกับเข้าห้องน้ำเสร็จสรรพ
04:00 เวลาการเดินทางก็เริ่มขึ้น อาการหวั่นๆก็เกิด “จะวิ่งไปจริงเหรอ ยังไม่เคยวิ่งคนเดียวไกลขนาดนี้เลย”
04:18 ก้าวแรกสำหรับเช้านี้ก็เริ่มขึ้น วิ่งเรื่อยๆเลียบถนนรามคำแหงไปแยกคลองตัน ลัดเลาะเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มาครบ 10 กิโลเมตร แถวๆอาคารชาญอิสระ เวลาเช้านี้ดีทีเดียวสำหรับผม หรือว่า GPS กำลังหลอกให้ดีใจเล่นล่ะนี่
การวิ่งก็ยังคงไปเรื่อยๆ
-ผ่านแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนที่เริ่มทยอยปิด
-ผ่านร้านค้าที่เริ่มทยอยเปิดต่อเพื่อทำมาหากิน
-ผ่านวงเหล้าวงแล้ววงเล่า ที่มีการสนทนาจนถึงป่านนี้คงมีอะไรที่น่าสนุก ผมแทบอยากเข้าไปนั่งร่วมวงกับพวกเขาด้วย
-ผ่านฝูงหมาที่มันคงคอยทำหน้าที่ของมัน ใช่ทำหน้าที่ของมัน แต่ทำไมต้องไล่ผมแต่เช้าด้วย
-ผ่าน รปภ ของอาคารหนึ่งที่กำลังออกกำลังกาย ด้วยชุดเต็มยศ “ไปวิ่งกันหน่อยไหมครับ” การทักทายกับบุคคลคนแรกของเช้านี้ “ผมวิ่งเสร็จแล้วครับ” รปภ. หนุ่มตอบภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเขา ผมวิ่งผ่านด้วยรอยยิ้มและคำทักทาย
-วิ่งตรงไปยังประตูน้ำ วิ่งไปเรื่อยๆ บรรยากาศเริ่มวังเวง คนเริ่มน้อยลง แต่แล้วอย่างไรล่ะ “แวะกินน้ำก่อนดีกว่า” ใช่ครับตอนนี้ผมหิวน้ำ หลังจากวิ่งมาได้ 20 กิโลเมตร(ถ้า GPS ไม่โกงผมนะครับ) การวิ่งแบบนี้ต้องมีตังก์ติดตัวครับ เพราะสนามนี้ไม่มีโต๊ะตั้งน้ำให้ดื่ม ไม่มีพยาบาล มันต้องใจจริงๆครับ
- วิ่งเรื่อยๆเข้ามาทางแยกอุรุพงษ์ บรรยากาศยามเช้านี่มันเงียบดีจริงๆ ผ่านเข้าทางถนนหลานหลวง เจอตลาด ใช่มันคือตลาดสะพานขาว ผมดีใจมาก เจอคนแล้ว ผมเดินลัดเลาะตามหลังผู้คนที่มาจับจ่ายตลาดยามเช้า ดูบรรยากาศที่นานๆจะได้เจอสักครั้งนึง
-วิ่งยาวมาตามถนนหลานหลวง กำลังจะถึงถนนราชดำเนินกลางก็มาเจอกลุ่ม คปท ก่อน “ผมขอวิ่งผ่านได้มั้ยครับ” ผมบอกออกไปยังคนที่เฝ้าประตู “ได้ครับ แต่ผมเกรงว่าควรจะเดินผ่านดีกว่านะครับ เขายังนอนกันอยู่เลยครับ”คนเฝ้าประตูบอกผ่านออกมา ผมยิ้มให้พร้อมกับเดินไปต่อ แต่ก็นั่นล่ะครับ เข้ามาได้กว่าจะหาทางออกได้ก็เล่นเอานานอยู่
-ผ่านถนนราชดำเนินกลาง วิ่งไปเรื่อยๆท่ามกลางคอหวยที่ออกมาจัดเรียงแผงขายลอตเตอรี่แต่เช้า ผมเลาะๆออกมาจนถึงสนามหลวง ยิ้มครับ อาการเหนื่อยเริ่มหมดไปเส้นชัยของผมอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผ่านมาจุดนี้ผมเริ่มเจอหลายๆคนที่กำลังวิ่งยามเช้าเหมือนกันแล้ว
-ผมไปต่อตามถนนสนามไชย ผ่านวัดพระแก้ว ผ่านกองรักษาดินแดน มุ่งไปยังปากคลองตลาด
-สุดท้ายก็มาถึงที่หมาย “ใช่ครับที่นี่ไม่มีรางวัลอะไรให้ผมเลย
กับรางวัลของเช้านี้
แต่นานเท่าไรแล้วล่ะนี่ ไม่ได้ตื่นเช้าแล้วลองทำอะไรใหม่ๆ
วันนี้ทำแล้วสิน่ะ สนามแข่งนี้ไม่มีเส้นชัย ไม่มีรางวัล ครั้งแรกสิน่ะ วิ่งมาเรื่อยๆมาดูพระอาทิตย์กำลังพาดผ่านสถาปัตยกรรม นี่แหละรางวัลของเช้านี่
“คุณจะลองตื่นเช้ามาวิ่งกับผมมั้ยครับ”