[CR] ฺรีวิว ลำโพง Bose Soundlink III vs Bose Soundlink II vs Bose Soundlink Mini

[ภาพรวม ลำโพง Bose Soundlink III]



ลำโพง Bose Soundlink III นับว่าเป็นลำโพงบลูทูธที่ทาง Bose ได้ผลิตออกมาเป็นรุ่น ที่ 4 ตามหลัง Bose Soundlink I , Bose Soundlink II, และ Bose Soundlink Mini ตามลำดับ ตัวลำโพงเปิดตัว ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดย Bose Soundlink III ราคาค่าตัวนั้นเท่ากับ Bose Soundlink II จึงนับว่าเป็นลำโพงที่ออกมาแทน ซีรี่เก่าก็ว่าได้



ครั้งแรกที่ผมเห็นลำโพง Bose Soundlink 3 รู้สึกว่า คราวนี้ Design Concept ของทาง Bose นั้นต้องการสื่อย้อนยุคไปสมัยยุคที่คนฮิตวิทยุพกพาสมัยก่อน หรือออกแนว Retro ตัวลำโพงออกแบบเน้นความเรียบง่าย เรียกว่าเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา มีแค่โค้งมุมตามขอบลำโพง ซึ่งแตกต่างกับ Bose Soundlink II ที่มีฝาพับมาให้

ตัววัสดุลำโพง Bose Soundlink 3 นั้นทำมาจากพลาสติกชั้นดี โดยถ้ามองจากมุมด้านหน้า จะมีคำว่าลำโพง Bose แกะสลักอยู่ ในส่วนตะแกรงลำโพงสีเงินนั้น ทำจากโลหะ ถัดมาที่ด้านหลังตัวลำโพง จะมีพื้นที่ตะแกรงอยู่ครึ่งนึงเพื่อให้ลมจากเสียงเบสสามารถพุ่งผ่านออกมาได้ โดยมี จุดเชื่อมต่ออยู่ 3 จุด เรียงจากซ้ายไปขวาดังนี้



1) ช่อง Aux In สำหรับการใช้สาย Aux หรือ Mini to Mini เชื่อมต่อ Bose Soundlink III กับเครื่องเล่นอื่นๆเช่น iPad, iPod, Android และอื่นๆ ผ่านสาย
2) ช่อง Service ผ่าน Micro USB ไว้สำหรับ การ Update Firmware ในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นเพราะ Firmware ของ Soundlink III เรียกว่าล่าสุดก็ว่าได้
3) ช่อง Power สำหรับการเสียบชาร์จไฟตามปกติ

มองมาที่ด้านบน จะมีปุ่มอยู่ 6 ปุ่ม โดยวัสดุที่ใช้เป็นยางเหนียว ไว้สำหรับกดปุ่ม โดยปุ่มกด เวลากดรุ้สึกยวบเล็กน้อย จึงไม่แน่ใจว่าจะทนทานได้แค่ไหน โดยปุ่มกดทั้ง 6 เรียงจากซ้ายไปขวาดังนี้



1) ปุ่มเปิด/ปิด Bose Soundlink III
2) ปุ่ม เชื่อมต่อ Bluetooth
3) ปุ่มเปลี่ยนการเชื่อมต่อเป็น AUX
4) ปุ่ม mute เปิดปิดเสียง
5) ปุ่มลดเสียง
6) ปุ่มเพิ่มเสียง

ในขณะที่ฐานลำโพงจะมี ขั้วไฟสหรับชาร์จไฟลำโพง สำหรับคนที่ซื้อฐานแยกชิ้น ซึ่งจะสามารถวาง Bose Soundlink III และชาร์จไฟบนแท่นได้เช่นกัน



[แบตเตอรี่]

จะเรียกว่าเป็นพระเอกของ ลำโพง Bose Soundlink III ก็ว่าได้เพราะ Bose Soundlink III ที่ทาง Bose ระบุสเป็คว่า Bose Soundlink III เล่นได้นานถึง 14 ชม ซึ่งมากกว่า Soundlink II ที่เล่นได้ 8 ชม เรียกว่าเพิ่มขึ้นมาเกือบ 2 เท่าเลย ซึ่งจากการทดสอบจริง ก็เรียกว่าทำได้สมน้ำสมเนื้อเพราะ ถ้าเล่นเพลงไปเรื่อยๆด้วยการเปิดที่ดังพอประมาณแบตเตอรี่ จะสามารถเล่นได้นานถึง 13 ชั่วโมงนิดๆ ส่วนการชาร์จก็เสียบชาร์จราวๆ 4 ชม แบตเตอรี่ก็จะเต็มครับ

[อุปกรณ์ใน ลำโพง Bose Soundlink III]



อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องเรียกว่ารอบนี้ ทาง Bose ให้มาแบบพอดีจริงๆ เนื่องจากมีแค่ 2 ชิ้นคือ
1) Adapter ปลั๊กไฟซึ่งเป็นไฟ Universal หรือสามารถใช้ได้ทั่วโลก
2) ตัวลำโพง

[การเชื่อมต่อ Bose Soundlink III]

จะเรียกว่าเป็น pattern ก็ว่าได้ การเชื่อมต่อ Bose Soundlink III นั้นเรียบง่าย เพียงแค่กดปุ่ม Bluetooth ที่เครื่อง จะมีไฟกะพริบสีฟ้า ซึ่งแปลว่ารอการเชื่อมต่อ เมื่อเราเปิด Device และเปิด Bluetooth จะมีคำให้เลือกว่า “Bose SLIII” ซึ่งเมื่อเลือกเสร็จจะมีคำว่า Connected และ ตัวลำโพง Bose Soundlink III จะมีเสียงดัง ตึดตึ๊ด พร้อมกับเปลี่ยนไฟ Bluetooth เป็นสีขาว ซึ่งแปลว่าเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว นั่นเอง

[เสียงของ Bose Soundlink III]



แว่บแรกที่เปิดฟัง Bose Soundlink III ต้องเรียกว่า แอบสะดุ้งเบาๆเล็กน้อย เพราะตัวผมเองก็ฟัง Bose Soundlink II และ Bose Soundlink Mini จนชินก็ว่าได้ เสียงที่เปิดฟังถึงแม้จะยังไม่เบิร์นสัมผัสได้ถึง ความโปร่ง และกว้างของเสียง ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากลำโพงพกพาได้ แต่อย่างไรก็ดี เพื่อความแน่ใจผมจึงเบิร์นลำโพงไป ราวๆ 130 ชม เห็นจะได้ (เวลาไม่พอ 200 ชม) แล้วมาเริ่มฟังกันจริงๆจัง โดยมีเพลงที่ฟังดังนี้ Jazz at the Pawn Shop, Wei Lan อัลบั้ม Morning, Turn up the Love จาก Far East Movement และ Spanish Harlem ของ Rebecca Pidgeon

[เสียงสูง] -- เรียกว่าเป็นจุดเด่นของ ลำโพง Bose Soundlink III ที่เรียกว่าสำหรับลำโพงพกขนาดเล็กแล้ว เรียกว่าน่าจะทำได้ดีเป็นอันดันต้นๆ เท่าที่ผมเคยฟังเลยก็ว่าได้ เสียงสูงปลายแหลมไปได้ไกล ตัวโน๊ตหรือเสียงร้องมีความคมชัด แต่ไม่บาด เสียงรายละเอียดถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงสายกีตาร์ที่ได้ยินจังหวะสัมผัสสายในบางเพลง หรือ เสียงตัวกำกับจังหวะ ที่เรียกว่าคมชัด ซึ่งใน Album Jazz at Pawn Shop ตัว Bose Soundlink III สามารถ่ายทอดบรรยากาศและเสียงกระทบของเครื่องครัวได้ชัดเจนอีกด้วย



[เสียงกลาง] -- เป็นเสียงมีมวล แต่ไม่หนาจนเกินไป ซึ่งถ้าเทียบกับ Soundlink II เสียง Soundlink III จะบางกว่าแต่มีความคมชัดของนักเรียกชัดเจน การถ่ายทอดความเป็นดนตรีทำได้นุ่มนวบกว่า เนื่องจากเสียงร้องจะถูกแบ่งแยกจากชิ้นดนตรีได้ ซึ่งแตกต่างกับ ลำโพง Bose Soundlink II ที่มีการกลบกันระหว่าง ดนตรีและเสียงร้อง นอกจากนี้ Image เสียงหรือ ความใหญ่ของเสียง จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า ลำโพง Bose Soundlink Mini มากทีเดียวแต่ความพุ่งของเสียงจะน้อยกว่า ซึ่งทำให้ เสียงที่ได้ออกมามีความเป็นธรรมชาติมากกว่า ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าจึงทำให้การสร้างเสียงกลางดีกว่าชัดเจน

[เสียงเบส] -- ตัวเบส เรียกว่า ลำโพง Bose Soundlink III อยู่ระหว่างกลาง Bose Soundlink II และ คือความหนักของเสียงเบสเรียกว่า Bose Soundlink Mini หนักที่สุด แต่ Bose Soundlink II จะใหญ่ที่สุด แต่ Bose Soundlink III จะมีเสียงเบสที่กระชัดที่สุด และมีขนาดใหญ่และหนักอยู่ตรงกลาง ตัวเบสจะมีความลึก ทีไปได้ลึก แต่ไม่ไปกลบเสียงย่านอื่นเรียกว่าพอเหมาะก็ว่าได้ครับ

อันนี้เป็นคลิปวีดีโอรีวิวเปรียบเทียบ ลำโพง Bose Soundlink III กับ Bose Soundlink Mini ครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

[จุดเด่นของ Bose Soundlink III]
-    ชัดๆว่าคือเรื่องเสียงเลย เรียกว่าดีกว่า Bose Soundlink Mini ชัดเจน หรือดีที่สุดในลำโพงบลูทูธก็ว่าได้
-    แบตเตอรี่ที่เล่นได้นานถึง 14 ชม
-    วัสดุแข็งแรงทนทาน

[จุดด้อยของ Bose Soundlink III]
-    หน้าตาที่ออกจะรีเรียบและดูย้อนยุคไปนิด
-    ปุ่มกดที่ยวบเล็กน้อยและดูบางไปนิด
-    พกพาไม่ดีเท่า Bose Soundlink Mini



[สรุป]
สำหรับใครที่หาลำโพงพกพา ที่เน้นการพกพาไปนอกสถานที่ ที่มีเสียงดัง และต้องการใช้ยาวนาน เรียกว่าลำโพง Bose Soundlink III ต้องตอบโจทย์อย่างแน่นอน ด้วยคุณภาพเสียงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างชัดเจนจาก Bose Soundlink II และความแตกต่างด้านเสียงจาก Bose Soundlink Mini เลยสรุปได้ว่า Bose Soundlink III ที่กำลังจะเข้าในไทยจะเป็นลำโพง Bluetooth พกพาชั้นแนวหน้าได้อย่างแน่นอนครับ

สำหรับท่านที่ต้องการทราบว่าผมซื้อมาจากไหน หลังไมค์มาได้ครับเด๋วผมชี้เป้าให้ =)
ชื่อสินค้า:   Bose Soundlink III
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่