วันพระ

กระทู้สนทนา
พระอริยะเมื่อแสดงธรรม ตั้งสติ ๓ ประการ(จึงเป็นผู้ควรสั่งสอนผู้อื่น)



[๖๓๓]   ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า  และพึงทราบการตั้งสติ ๓ ประการที่พระอริยะเสพ   ซึ่งเมื่อเสพชื่อว่า   
เป็นศาสดาควรเพื่อสั่งสอนหมู่   นั้น   เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว.

[๖๓๔]  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    ศาสดาเป็นผู้อนุเคราะห์    แสวงประ-
โยชน์เกื้อกูล   อาศัยความเอ็นดูแสดงธรรมแก่สาวกทั้งหลายว่า  นี้เพื่อประโยชน์
เกื้อกูลแก่พวกเธอ   นี่เพื่อความสุขแก่พวกเธอ.  เหล่าสาวกของศาสดานั้น   ย่อม
ไม่ฟังด้วยดี   ไม่เงี่ยโสตสดับ    ไม่ตั้งจิตรับรู้    และประพฤติหลีกเลี่ยงคำสอน
ของศาสดา.  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ในข้อนั้น  ตถาคตไม่เป็นผู้ชื่นชม  ไม่เสวย
ความชื่นชม  และไม่ระคายเคือง   ย่อมมีสติสัมปชัญญะอยู่  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
นี้    เราเรียกว่าการตั้งสติประการที่  ๑  ที่พระอริยะเสพ  ซึ่งเมื่อเสพ  ชื่อว่าเป็น  ศาสดาควรเพื่อสั่งสอนหมู่.

[๖๓๕]  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ประการอื่นยังมีอีก    ศาสดาเป็นผู้อนุ-
เคราะห์     แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล     อาศัยความเอ็นดูแสดงธรรมแก่สาวกทั้ง
หลายว่า  นี่เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่พวกเธอ  นี่เพื่อความสุขแก่พวกเธอ.  เหล่า
สาวกของศาสดานั้น  บางพวกย่อมไม่ฟังด้วยดี  ไม่เงี่ยโสตสดับ   ไม่ตั้งจิตรับรู้
และประพฤติหลีกเลี่ยงคำสอนของศาสดา.  บางพวกย่อมฟังด้วยดี   เงี่ยโสตสดับ
ตั้งจิตรับรู้  ไม่ประพฤติหลีกเลี่ยงคำสอนของศาสดา.  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ใน
ข้อนั้น    ตถาคตไม่เป็นผู้ชื่นชม    ไม่เสวยความชื่นชม    ทั้งไม่เป็นผู้ไม่ชื่นชม
ไม่เสวยความไม่ชื่นชม    เว้นทั้งความชื่นชมและความไม่ชื่นชมทั้งสองอย่างนั้น
แล้ว   เป็นผู้วางเฉย   ย่อมมีสติสัมปชัญญะอยู่   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   นี้เราเรียก
ว่าการตั้งสติประการที่ ๒ ที่พระอริยะเสพ    ซึ่งเมื่อเสพชื่อว่า    เป็นศาสดาควร
เพื่อสั่งสอนหมู่.

[๖๓๖]  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    ประการอื่นยังมีอีก    ศาสดาเป็นผู้
อนุเคราะห์แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล         อาศัยความเอ็นดูแสดงธรรมแก่สาวก
ทั้งหลายว่า    นี่เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่พวกเธอ    นี่เพื่อความสุขแก่พวกเธอ.
เหล่าสาวกของศาสดานั้น  ย่อมฟังด้วยดี  เงี่ยโสตสดับ   ตั้งจิตรับรู้  ไม่ประพฤติ
หลีกเลี่ยงคำสอนของศาสดา.   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   ในข้อนั้น     ตถาคตเป็นผู้
ชื่นชม  เสวยความชื่นชม  และไม่ระคายเคือง  ย่อมมีสติสัมปชัญญะอยู่  ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย  นี้เราเรียกว่าการตั้งสติประการที่  ๓  ที่พระอริยะเสพ  ซึ่งเมื่อเสพ
ชื่อว่า    เป็นศาสดาควรเพื่อสั่งสอนหมู่.    ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า    และพึงทราบ
การตั้งสติ ๓ ประการที่พระอริยะเสพ       ซึ่งเมื่อเสพชื่อว่าเป็นศาสดาควรเพื่อ
สั่งสอนหมู่   นั้นเราอาศัยเหตุนี้    กล่าวแล้ว

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 293 (ฉบับมหามกุฏฯ)
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาพุทธ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่