เปิดใจ “คุณปลื้ม” ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล แบบตรงไปตรงมา ชัดเจน ทุกประเด็น

กระทู้คำถาม
เปิดใจ “คุณปลื้ม” กับข้อหาสมคบกลุ่มเสื้อแดงและล้มเจ้า?


       
ที่ผ่านมาชื่อของ “หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล” หรือ “คุณปลื้ม” กลายเป็นลูกรักของกลุ่มเสื้อแดง ค่าที่เขามักออกมาวิพากษ์วิจารณ์เข้าข้างกลุ่มเสื้อแดงอยู่บ่อยๆ ในขณะเดียวกัน เขาจึงกลายเป็น “หนามยอกอก” ของฝ่ายตรงข้ามรวมถึงกลุ่มรักสถาบัน เพราะหลายคนมองว่าเขา “ฝักใฝ่เสื้อแดงและสมคบกลุ่มล้มเจ้า”
       
       มาวันนี้ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง เขาติดต่อมาที่หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ เพื่ออยากสะสางข้อกล่าวหาที่เขาได้รับ รวมถึงอยากบอกความในใจหลายๆ เรื่อง
       
       ภายในเวลาพูดคุยกันถึงสองชั่วโมงครึ่งที่เขาเปิดใจกับเรา บางคำถามเขาไม่ตอบ บางคำถามเราถามแรง เพราะต้องการให้คนอ่านหายข้องใจ และเพื่อให้เขาเคลียร์ข้อกล่าวหาทุกข้อ หลังอ่านจบ เราให้ผู้อ่านตัดสินใจเอาเองว่าคุณจะเชื่อเขาหรือไม่ แม้นี่จะไม่ใช่คอลัมน์ผี แต่ก็ต้องบอกก่อนว่า “โปรดใช้วิจารณาญาณในการตัดสินใจ”
       
       เพราะอะไรคุณถึงอยากออกมาชี้แจงกับสังคมตอนนี้
       
       เพราะที่ผ่านมาเวลามีการพูดถึงผมในแง่ลบ ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ชี้แจง หรือพูดคุยกับสื่อมวลชนเลย สังคมไทยมันแย่ตรงที่ว่าพอใครถูกตีตราว่าเป็นอย่างไร สื่อก็อยากที่จะตีตราคนๆ นั้นต่อไป โดยเขาไม่สนหรอกว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับจำนำข้าวหรือเปล่า หรือว่าผมต้องการตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชั่น
       
       แล้วในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คุณพ่อผม (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ออกมาวิจารณ์รัฐบาลในเรื่องโครงการจำนำข้าว และได้แนะนำว่ารักษาการนายกฯ ควรจะลาออกไป หลายคนจึงสรุปว่าปลื้มแยกกับพ่อ เพราะมีอุดมการณ์การเมืองที่ต่างกัน หรือปลื้มไปเชียร์รัฐบาล ในขณะที่คุณพ่อต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะความจริงผมเห็นด้วยกับหลายอย่างที่คุณพ่อผมพูด เช่น โครงการจำนำข้าวที่ได้ผมพูดตลอดว่าผิดตั้งแต่ต้น คือ บิดเบือนกลไกตลาด และทำในสิ่งที่ทะเยอทะยานเกินไป ความล้มเหลวของโครงการนี้จะเป็นสิ่งที่นำมาสู่จุดจบของรัฐบาลนี้ พรรคเพื่อไทยประกาศค่อนข้างชัดเจนว่าจะรับจำนำข้าวต่อ คิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้น รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ควรกลับมาบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
       
       แล้วคิดยังไงที่สังคมมองคุณว่าเป็น “เสื้อแดง”
       
       ผมจะอธิบายทีละประเด็นอย่างนี้ แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องเดียวกัน คือ ผมไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารในปี 2549 ผมมองว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยตั้งแต่ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญในชุดที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดการรัฐประหารในปี 49 รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในแต่ละเรื่องจนถึงปัจจุบัน มันเป็นสิ่งที่ควรวิพากษ์วิจารณ์ เพราะว่ามันเป็นสิ่งก้าวล่วงการทำงานของรัฐสภา
       
       ทีนี้พอผมไปวิจารณ์ในเรื่องที่สื่อส่วนใหญ่ไม่ได้แตะ คือการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ พูดในสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับการทำรัฐประหาร และกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ตั้งแต่ปี 2549 มาจนถึงปัจจุบันนี้ คนเลยไปสรุปว่าการที่ผมพูดอย่างนั้น เพราะผมรับใช้ระบอบทักษิณ ซึ่งมันไปเข้าทางฝ่ายคุณทักษิณหมด ดังนั้นสิ่งที่ผมพยายามจะบอกก็คือว่า ถ้าผมจะพูดถึงเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ของศาล ผมก็ต้องพูด มันเหมือนว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ของนักการเมือง
       
       ผมยอมรับว่าที่ผ่านมา 6-7 ปี ผมไปมุ่งมั่นกับการตรวจสอบการทุจริตต่อหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ การทำงานขององค์กรอิสระต่างๆ รวมทั้งขบวนการบางส่วนของกองทัพที่เคยยึดอำนาจก่อนปี 49 มาจนถึงปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันผมได้ละเลยที่จะมองเห็นกระบวนการทุจริตคอร์รัปชั่นของข้าราชการการเมืองในฝ่ายที่เป็นรัฐบาล ซึ่งวันนี้ผมมาชั่งน้ำหนักดูว่า ผมให้น้ำหนักกับเรื่องนี้น้อยเกินไป หลังจากนี้ผมจะต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีขึ้น แต่ว่าไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาผมพูดเรื่องนี้ เพราะรับใช้ระบอบทักษิณ มันไม่ใช่ความจริง
       
       พอผมวิพากษ์วิจารณ์การรัฐประหารในปี 2549 คนเลยเริ่มตีตราว่าผมเป็นเสื้อแดง ทั้งที่ผมแค่เห็นใจคนเสื้อแดงที่ออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่แต่งตั้งขึ้นมา ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วโดนกระสุนจริง 99 ศพ พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องการเรียกร้องใช้สิทธิเลือกตั้ง ต้องการให้มีการยุบสภา เขาจึงไม่ควรที่จะเจอกระสุนจริงจากใครทั้งสิ้น ฉะนั้นผมเลยเรียกร้องความเป็นธรรมให้พวกเขามาโดยตลอด การที่ผมออกมาพูดมาเพื่อเสื้อแดง เพราะเห็นใจเค้าจริงๆ แต่มันคนละประเด็นกับที่ผมมองยิ่งลักษณ์ว่าควรหรือไม่ควรเป็นนายกฯ นะครับ
       
       มันน่าแปลกไหมว่าอยู่ดีๆ คุณก็มีความคิดเปลี่ยนไปในตอนนี้
       
       มันเป็นจุดอิ่มตัวทางความคิด คือหมายความว่าวันนี้ถ้าจะให้ผมวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ วิจารณ์กกต. วิจารณ์ทหาร สำหรับผมที่จัดรายการทุกวัน มันไม่มีประเด็นใหม่แล้ว สำหรับผู้ชมที่ดูรายการผม เขารู้แล้วว่าปัญหาที่มีอยู่ใน ป.ป.ช. หรือปัญหาที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญคืออะไร แต่สิ่งที่ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้ชมของผมยังขาดอยู่คือ เค้ายังไม่รู้ว่าปัญหาของระบอบทักษิณ ปัญหาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปัญหาของนโยบายเพื่อไทย และนโยบายประชานิยมที่พรรคเพื่อไทยทำออกมาคืออะไร
       
       ผมคิดว่าตรงนี้ยังขาดอยู่ ดังนั้นผมก็ควรทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่ เหมือนอย่างที่ผมเคยได้ทำกับฝ่ายอื่นๆ มาแล้วอย่างเข้มข้น
       
       ออกมาพูดแบบนี้ ไม่เกรงว่าจะกระทบกับงานที่คุณทำหรือกลุ่มเสื้อแดงเหรอ
       
       ผมไม่ได้ขึ้นเวทีนี่ ถ้าวันนี้ผมไม่พูดกับหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ ถามว่าผมจะสามารถอธิบายตัวเองอย่างนี้ที่ได้ไหน ผมจัดรายการแต่ผมไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ไม่มีสื่อไหนมาให้สัมภาษณ์ ถ้าผมไม่พูดวันนี้ ผมจะพูดวันไหน
       
       ไม่กลัวว่าคนจะมองว่าคุณเป็น “กิ้งก่าเปลี่ยนสี” เหรอ เพราะที่ผ่านมาคุณดูเข้าข้างกลุ่มเสื้อแดงมาตลอด
       
       ไม่ใช่ครับ เนื้อหาแก่นสารไม่ได้เปลี่ยน ที่ผ่านมาสิ่งที่ผมพูด สิ่งที่ผมพยายามตำหนิ เช่น พยายามที่จะตำหนิพันธมิตรอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะผมดราม่าเกินเหตุในสิ่งที่ผมกำลังจะบอก ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้ด่าใคร ผมอยู่ของผมเฉยๆ แต่วาทกรรมต่างๆ ที่ผมเคยพูดไป คนยังจำกันได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่