ออกตัวว่าเราดูบอลไม่เยอะ
แต่ก็นานมาประมาณนึง แต่ดูแบบไม่ซีเรียส ไม่เข้าเส้น
ไม่น่าจะเรียกว่าตัวจริง เพราะมันมีช่วงชีวิตที่ไม่ได้ดูบอลสดเลย
ตามแค่ไลฟ์สกอร์กับข่าวในทีวี
สำหรับสถานการณ์ของยูไนเต็ดตอนนี้ ในฐานะที่เติบโตมาพร้อมกับแฟนยูไนเต็ด
ตอนมัธยมเพื่อนสนิทก็เชียร์แต่ยูไนเต็ด
เล่นเกมออนไลน์ เจอเพื่อนในเกม ก็ยัง...อุตส่าห์เป็นแฟนยูไนเต็ดแบบเข้าเส้น
ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ก็ยังคงเจอแต่แฟนยูไนเต็ด
และตอนทำงาน ... ยังคงตามมาหลอกหลอนกันเหมือนเดิม คือ เจอแต่แฟนยูไนเต็ด
คือ ดวงคงสมพงศ์กันพอสมควร แต่น่าแปลกคือ
เราไม่เคยเปลี่ยนใจจากลิเวอร์พูลเลย
เรามาเชียร์ทีม ตอนที่ทีมมีโอเว่น มันก็จริงอยู่ว่า ทีมยังมีดาราให้เชียร์
แต่ขอโทษ ทีมไม่มีแชมป์ให้ยึดติด เราเองก็ไม่อินกับอดีต .. เพราะเกิดไม่ัทันพอจะไปอินอะไรกับมัน
ไม่ว่าจะยุคขุนพลเอียน รัช ผู้เกรียงไกร หรือ บิ๊กเอียร์ 4 สมัย
เราก็เฉยๆ ภูมิใจ แต่ไม่ได้อิน ..
เพราะตอนเรามาเชียร์ ทีมก็ไม่มีแชมป์อะไรอยู่แล้ว
และ ร้างการคว้าแชมป์ถ้วยหลักมานานพอสมควร (แชมป์ลีกและแชมป์เปียนลีก)
ย้อนไปดูประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายตอนปี 1990 สมัยที่ยังเป็นแค่ ดิวิชั่น 1
ตอนนั้นเราพึ่ง 2 ขวบเอง นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า
ไม่เห็นต้องได้แชมป์ เราก็ยังเชียร์
ตอนที่ดิวิชั่น 1 เปลี่ยนมาเป็น พรีเมียลีกในปีแรกตอนฤดูกาล 1992-93
แชมป์แรกเป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และพวกเขายังคว้าได้ 2 สมัยติดอีกด้วย
และตอน 1994-95 ถูกเบรคด้วยกุหลาบไฟ แบล็ดเบิร์น
แต่หลังจากนั้น ก็เป็นแชมป์รวดของยูไนเต็ดอีกครั้ง
1997-98 อาร์เซนอล คว้าแชมป์ลีก ขึ้นมาเบรคแมนฯยูได้อีกทีม และ ทั้ง 2 ทีมนี้ ก็ผลัดกันชิงแชมป์เรื่อยมา
จนถึงฤดูกาล 2004-05 แชมป์หน้าใหม่ ณ ตอนนั้นแบบ เชลซี ขึ้นมาครองแชมป์พรีเมียร์ครั้งแรก
และ ผู้จัดการทีมคนที่พาเชลซีขึ้นมาจับถ้วยพรีเมียร์หนแรกไม่ใช่ใคร เขาคือ โจเซ่ มูริญโญ่ ..
มูริญโญ่ อยู่เชลซีได้เพียง 3 ซีซั่น เขาก็จากไป พร้อมสถิติ คว้าแชมป์ลีก 2 สมัยรวดให้เชลซี
2007-08 อเล็ก เฟอร์กูสัน กลับมาทวงแค้นได้ในที่สุด และทำทีมคว้าแชมป์ได้ติดต่อกัน
จนกระทั่ง คาเล็ตโต เข้ามาคุมเชลซีตอนฤดูกาล 2009-10 พวกเขาก็เบรคแชมป์ของเฟอร์กี้ได้อีกครั้ง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อนร่วมเมืองแมนเชสเตอร์ ขึ้นมาเถลิงแชมป์ตอนฤดูกาล 2011-12
เป็นอีกความพ่ายแพ้ ที่อเล็ก เฟอร์กูสัน และ แฟนยูไนเต็ดทุกคน คงจำได้ไม่ลืม
วันนั้น ยูไนเต็ดแข่งกับซันเดอร์แลนด์ ขณะที่ ซิตี้แข่งกับควีนพาร์ค 2 สนามแข่งเหลื่อมเวลากันเล็กน้อย
แต่เป็นยูไนเต็ดที่แข่งเสร็จก่อน พวกเขาควรฉลองแชมป์ เพราะ ซิตี้กำลังจะจบด้วยสกอร์เสมอ
การออกอากาศในวันสุดท้าย ได้ตัดภาพของทั้ง 2 สนามมาเทียบกัน
เราจำได้ว่าช่องแรก เป็นภาพป๋ากำลังมองนาฬิกา และยกมือเฮไปแล้ว
เพราะแม้ซิตี้ยังแข่งไม่เสร็จ แต่พวกเขาก็อยู่ที่สกอร์เสมอ
เราจำได้ว่า วินาทีนั้นมันเร็วมาก เราจำตอนยิงไม่ได้ แต่เราจำตอนฉลองชัยได้
กุน อเกวโร่ นักเตะที่พึ่งมาอยู่กับซิตี้ฤดูกาลแรก ยิงประตูชัยให้ทีมในวินาทีสุดท้าย
พาทีม คว้าแชมป์พรีเมียลีกเป็นหนแรก
อีกสนาม เป็นภาพป๋าหน้าโกรธจัด คือ หน้ามึน งง และ เฉยชาอย่างที่สุด
ขณะที่อีกสนาม ทั้งสนามกลายเป็นสีฟ้าไปหมดแล้ว
แล้วปีต่อมา ป๋าก็ คว้าแชมป์ให้ยูไนเต็ดอีกครั้ง และ เป็นแชมป์สุดท้ายของป๋ากับยูไนเต็ด
เฟอร์กี้อำลา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในปีนี้ และ ส่งไม้ต่อให้กับ เดวิด มอยส์ ...
23 ปีมานี้สำหรับทีมยักษ์ใหญ่หลายๆทีม เป็นช่วงเวลาที่ลุ้นแชมป์กันสนุกจริงๆ ..
แต่ตลอด 23 ปีในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูลไม่เคยมีชื่อในฐานะทีมลุ้นชิงแชมป์ลีกเลย
แม้ตอน ปี 2002 จะทำอันดับได้มีลุ้นที่สุดคือ เป็นทีมรองแชมป์ แต่ก็มีแต้มห่างแชมป์พอสมควร
หลังจากนั้น ก็ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าลุ้นแชมป์ สุดท้ายยังไม่ได้ไปเล่น แชมเปียนลีกส์
และสุดท้าย จากลุ้นแชมป์ต้องกลายมาเป็น ลุ้นชิงพื้นที่ไปเล่นบอลยุโรป
แม้ทีมตกต่ำ แต่เราก็ยังเหมือนเดิม คือ เรายังคงเชียร์อยู่เหมือนเดิม
แต่อย่างหนึ่งที่นับวันยิ่งพอกพูน คือ ความรู้สึกมีความสุข ที่เลือกเชียร์ถูกทีม
เวลาเราเจอแฟนทีมอื่น หลังจากคุยกันได้สักพัก เราจะบอกคนอื่นเสมอ
ว่าเราโชคดี ที่ตอนนั้นเลือกเชียร์ลิเวอร์พูล แม้ตอนนี้เราจะไม่มีอะไรให้อวดใคร
แต่เราก็รู้สึกโชคดีจริงๆที่ได้เชียร์ทีมนี้ เชื่อว่าแฟนลิเวอร์พูลคนอื่นก็คิดแบบเดียวกัน
เราเลยอยู่กันมาได้ มันเป็นอะไรที่แปลก และอธิบายใครไม่ได้นอกจากจะต้องบอกว่า
ลองมาเชียร์แล้วจะเข้าใจ
เราเคยถามพ่อเราทำไม พ่อถึงเชียร์ ยูไนเต็ด
พ่อบอกว่า จริงๆยุคที่พ่อเริ่มดูบอล เป็นยุคที่ไม่มีใครดังเท่า เอียน รัช ของลิเวอร์พูล
แต่ที่เชียร์แมนฯยูเพราะชอบสไตล์การเล่น ตอนสมัยที่ไปลองเชียร์ ยังเป็นยุคของ บิ๊กรอน อยู่เลย
เชียร์ได้ไม่กี่ปี อเล็ก เฟอร์กูสัน ก็มา แล้วพ่อเราก็กลายเป็น
เด็กผี ,วัยรุ่นผี, ผู้ใหญ่ผี , แก่ผี จนถึงปัจจุบัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สำหรับพ่อ เป็นทีมที่มีสเน่ห์จริงๆ
ตอนมอยส์มา พ่อเราด่านะ แต่ไม่ได้เลิกดู เราจำได้ว่า พ่อเราแม้ไม่ได้ตามดูสด
แต่ก็ตามเช็คสกอร์ตลอด จากข่าวทีวี
พอเรากลับบ้านไปจะถามเราตลอด เวลาเราดูบอลว่า แมนฯยูเตะวันไหน
ให้เราเปิดจากอินเตอร์เนตให้ดู
เวลาดู FA หรือ UCL บางครั้งก็ถามฟอร์มนักเตะเราว่า ไอ้นั่นเป็นไง ไอ้นี่เ็ป็นใคร
เราก็นั่งบอก ยังนึกขำอยู่เลย เมื่อก่อนเราถามพ่อ เดี๋ยวนี้พ่อถามเรา
เราถามว่าเมื่อก่อนแมนฯยูเป็นไง เดี๋ยวนี้พ่อเราถามว่าแมนฯยูเป็นไง
เราเองคงเหมือนพ่อ คือ เลือกเชียร์ทีมในวันที่ทีมอยู่แค่ตรงกลางตาราง
เป็นทีมที่กำลังไต่เต้าสู่แชมป์ เพียงแต่ตอนเราเชียร์ลิเวอร์พูล ทีมเคยเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่
แต่วันนี้ไม่ใช่อีกต่อไป .. คือ เราต้องแยกว่า คำว่า ยิ่งใหญ่ กับ คำว่าเกียรติยศ นะมันต่างกัน
เราไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่เรามีเกียรติเสมอ และเราก็คงรู้สึกแบบพ่อ
คือ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีสเน่ห์จริงๆ ..
และ ยังคงเชื่อเสมอว่าตัวเองจะเป็น
เด็กหงส์,วัยรุ่นหงส์ และต่อไปคงเป็น ผู้ใหญ่หงส์ และ แก่หงส์ต่อไป
รุ่นน้องเด็กผีคนนึงบอกว่า โชคดีที่มาเชียร์ยูไนเต็ด ทัน
ก่อนที่จะมาถึงแมตชิงแชมบิ๊กเอียร์กับ บาร์เยิร์นมิวนิค
ประตูชัยของ โซลชาร์ อันน่าจดจำ
เป็นเกมที่ถูกยกให้เป็นเกมฟุตบอลนัดชิงที่ดีที่สุดในยุคหนึ่ง
และอาจจะในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
แต่สำหรับเรา เราก็ดีใจที่มาเชียร์ลิเวอร์พูลทันนัดชชิงบิ๊กเอียร์กับเอซี มิลาน
คืนนั้น เราอยู่ตรงนั้นนะ หน้าทีวี บนเตียง ไฟปิดมืด นั่งกอดหมอนแน่น
วินาีทีนั้น เป็นวินาทีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับเราเหมือนกัน
เราว่าความรู้สึกนี้ มันคงเป็นความรู้สึกของแฟนบอลทุกคน และ ทุกทีมนะ ..
เราอธิบายไม่ได้ว่าำทำไมยังเชียร์อยู่ เราบอกได้แค่ว่า
"ต้องลองมาเชียร์ แล้วจะเข้าใจ"
ปล. พึ่งสังเกตุว่า ตั้งแต่เราเกิดมา ลิเวอร์พูลก็เริ่มตกต่ำเลย
55555555555555555555
ฝากกระูทู้แนะนำตัวป๊ะป๋าค่ะ
มีเรื่อง ป๋า จะมาเล่าให้ฟัง ...
http://ppantip.com/topic/30467135
แฟนผี และ แฟนหงส์ และ แฟนอื่นๆ
แต่ก็นานมาประมาณนึง แต่ดูแบบไม่ซีเรียส ไม่เข้าเส้น
ไม่น่าจะเรียกว่าตัวจริง เพราะมันมีช่วงชีวิตที่ไม่ได้ดูบอลสดเลย
ตามแค่ไลฟ์สกอร์กับข่าวในทีวี
สำหรับสถานการณ์ของยูไนเต็ดตอนนี้ ในฐานะที่เติบโตมาพร้อมกับแฟนยูไนเต็ด
ตอนมัธยมเพื่อนสนิทก็เชียร์แต่ยูไนเต็ด
เล่นเกมออนไลน์ เจอเพื่อนในเกม ก็ยัง...อุตส่าห์เป็นแฟนยูไนเต็ดแบบเข้าเส้น
ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ก็ยังคงเจอแต่แฟนยูไนเต็ด
และตอนทำงาน ... ยังคงตามมาหลอกหลอนกันเหมือนเดิม คือ เจอแต่แฟนยูไนเต็ด
คือ ดวงคงสมพงศ์กันพอสมควร แต่น่าแปลกคือ
เราไม่เคยเปลี่ยนใจจากลิเวอร์พูลเลย
เรามาเชียร์ทีม ตอนที่ทีมมีโอเว่น มันก็จริงอยู่ว่า ทีมยังมีดาราให้เชียร์
แต่ขอโทษ ทีมไม่มีแชมป์ให้ยึดติด เราเองก็ไม่อินกับอดีต .. เพราะเกิดไม่ัทันพอจะไปอินอะไรกับมัน
ไม่ว่าจะยุคขุนพลเอียน รัช ผู้เกรียงไกร หรือ บิ๊กเอียร์ 4 สมัย
เราก็เฉยๆ ภูมิใจ แต่ไม่ได้อิน ..
เพราะตอนเรามาเชียร์ ทีมก็ไม่มีแชมป์อะไรอยู่แล้ว
และ ร้างการคว้าแชมป์ถ้วยหลักมานานพอสมควร (แชมป์ลีกและแชมป์เปียนลีก)
ย้อนไปดูประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายตอนปี 1990 สมัยที่ยังเป็นแค่ ดิวิชั่น 1
ตอนนั้นเราพึ่ง 2 ขวบเอง นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า
ไม่เห็นต้องได้แชมป์ เราก็ยังเชียร์
ตอนที่ดิวิชั่น 1 เปลี่ยนมาเป็น พรีเมียลีกในปีแรกตอนฤดูกาล 1992-93
แชมป์แรกเป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และพวกเขายังคว้าได้ 2 สมัยติดอีกด้วย
และตอน 1994-95 ถูกเบรคด้วยกุหลาบไฟ แบล็ดเบิร์น
แต่หลังจากนั้น ก็เป็นแชมป์รวดของยูไนเต็ดอีกครั้ง
1997-98 อาร์เซนอล คว้าแชมป์ลีก ขึ้นมาเบรคแมนฯยูได้อีกทีม และ ทั้ง 2 ทีมนี้ ก็ผลัดกันชิงแชมป์เรื่อยมา
จนถึงฤดูกาล 2004-05 แชมป์หน้าใหม่ ณ ตอนนั้นแบบ เชลซี ขึ้นมาครองแชมป์พรีเมียร์ครั้งแรก
และ ผู้จัดการทีมคนที่พาเชลซีขึ้นมาจับถ้วยพรีเมียร์หนแรกไม่ใช่ใคร เขาคือ โจเซ่ มูริญโญ่ ..
มูริญโญ่ อยู่เชลซีได้เพียง 3 ซีซั่น เขาก็จากไป พร้อมสถิติ คว้าแชมป์ลีก 2 สมัยรวดให้เชลซี
2007-08 อเล็ก เฟอร์กูสัน กลับมาทวงแค้นได้ในที่สุด และทำทีมคว้าแชมป์ได้ติดต่อกัน
จนกระทั่ง คาเล็ตโต เข้ามาคุมเชลซีตอนฤดูกาล 2009-10 พวกเขาก็เบรคแชมป์ของเฟอร์กี้ได้อีกครั้ง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อนร่วมเมืองแมนเชสเตอร์ ขึ้นมาเถลิงแชมป์ตอนฤดูกาล 2011-12
เป็นอีกความพ่ายแพ้ ที่อเล็ก เฟอร์กูสัน และ แฟนยูไนเต็ดทุกคน คงจำได้ไม่ลืม
วันนั้น ยูไนเต็ดแข่งกับซันเดอร์แลนด์ ขณะที่ ซิตี้แข่งกับควีนพาร์ค 2 สนามแข่งเหลื่อมเวลากันเล็กน้อย
แต่เป็นยูไนเต็ดที่แข่งเสร็จก่อน พวกเขาควรฉลองแชมป์ เพราะ ซิตี้กำลังจะจบด้วยสกอร์เสมอ
การออกอากาศในวันสุดท้าย ได้ตัดภาพของทั้ง 2 สนามมาเทียบกัน
เราจำได้ว่าช่องแรก เป็นภาพป๋ากำลังมองนาฬิกา และยกมือเฮไปแล้ว
เพราะแม้ซิตี้ยังแข่งไม่เสร็จ แต่พวกเขาก็อยู่ที่สกอร์เสมอ
เราจำได้ว่า วินาทีนั้นมันเร็วมาก เราจำตอนยิงไม่ได้ แต่เราจำตอนฉลองชัยได้
กุน อเกวโร่ นักเตะที่พึ่งมาอยู่กับซิตี้ฤดูกาลแรก ยิงประตูชัยให้ทีมในวินาทีสุดท้าย
พาทีม คว้าแชมป์พรีเมียลีกเป็นหนแรก
อีกสนาม เป็นภาพป๋าหน้าโกรธจัด คือ หน้ามึน งง และ เฉยชาอย่างที่สุด
ขณะที่อีกสนาม ทั้งสนามกลายเป็นสีฟ้าไปหมดแล้ว
แล้วปีต่อมา ป๋าก็ คว้าแชมป์ให้ยูไนเต็ดอีกครั้ง และ เป็นแชมป์สุดท้ายของป๋ากับยูไนเต็ด
เฟอร์กี้อำลา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในปีนี้ และ ส่งไม้ต่อให้กับ เดวิด มอยส์ ...
23 ปีมานี้สำหรับทีมยักษ์ใหญ่หลายๆทีม เป็นช่วงเวลาที่ลุ้นแชมป์กันสนุกจริงๆ ..
แต่ตลอด 23 ปีในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูลไม่เคยมีชื่อในฐานะทีมลุ้นชิงแชมป์ลีกเลย
แม้ตอน ปี 2002 จะทำอันดับได้มีลุ้นที่สุดคือ เป็นทีมรองแชมป์ แต่ก็มีแต้มห่างแชมป์พอสมควร
หลังจากนั้น ก็ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าลุ้นแชมป์ สุดท้ายยังไม่ได้ไปเล่น แชมเปียนลีกส์
และสุดท้าย จากลุ้นแชมป์ต้องกลายมาเป็น ลุ้นชิงพื้นที่ไปเล่นบอลยุโรป
แม้ทีมตกต่ำ แต่เราก็ยังเหมือนเดิม คือ เรายังคงเชียร์อยู่เหมือนเดิม
แต่อย่างหนึ่งที่นับวันยิ่งพอกพูน คือ ความรู้สึกมีความสุข ที่เลือกเชียร์ถูกทีม
เวลาเราเจอแฟนทีมอื่น หลังจากคุยกันได้สักพัก เราจะบอกคนอื่นเสมอ
ว่าเราโชคดี ที่ตอนนั้นเลือกเชียร์ลิเวอร์พูล แม้ตอนนี้เราจะไม่มีอะไรให้อวดใคร
แต่เราก็รู้สึกโชคดีจริงๆที่ได้เชียร์ทีมนี้ เชื่อว่าแฟนลิเวอร์พูลคนอื่นก็คิดแบบเดียวกัน
เราเลยอยู่กันมาได้ มันเป็นอะไรที่แปลก และอธิบายใครไม่ได้นอกจากจะต้องบอกว่า
ลองมาเชียร์แล้วจะเข้าใจ
เราเคยถามพ่อเราทำไม พ่อถึงเชียร์ ยูไนเต็ด
พ่อบอกว่า จริงๆยุคที่พ่อเริ่มดูบอล เป็นยุคที่ไม่มีใครดังเท่า เอียน รัช ของลิเวอร์พูล
แต่ที่เชียร์แมนฯยูเพราะชอบสไตล์การเล่น ตอนสมัยที่ไปลองเชียร์ ยังเป็นยุคของ บิ๊กรอน อยู่เลย
เชียร์ได้ไม่กี่ปี อเล็ก เฟอร์กูสัน ก็มา แล้วพ่อเราก็กลายเป็น
เด็กผี ,วัยรุ่นผี, ผู้ใหญ่ผี , แก่ผี จนถึงปัจจุบัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สำหรับพ่อ เป็นทีมที่มีสเน่ห์จริงๆ
ตอนมอยส์มา พ่อเราด่านะ แต่ไม่ได้เลิกดู เราจำได้ว่า พ่อเราแม้ไม่ได้ตามดูสด
แต่ก็ตามเช็คสกอร์ตลอด จากข่าวทีวี
พอเรากลับบ้านไปจะถามเราตลอด เวลาเราดูบอลว่า แมนฯยูเตะวันไหน
ให้เราเปิดจากอินเตอร์เนตให้ดู
เวลาดู FA หรือ UCL บางครั้งก็ถามฟอร์มนักเตะเราว่า ไอ้นั่นเป็นไง ไอ้นี่เ็ป็นใคร
เราก็นั่งบอก ยังนึกขำอยู่เลย เมื่อก่อนเราถามพ่อ เดี๋ยวนี้พ่อถามเรา
เราถามว่าเมื่อก่อนแมนฯยูเป็นไง เดี๋ยวนี้พ่อเราถามว่าแมนฯยูเป็นไง
เราเองคงเหมือนพ่อ คือ เลือกเชียร์ทีมในวันที่ทีมอยู่แค่ตรงกลางตาราง
เป็นทีมที่กำลังไต่เต้าสู่แชมป์ เพียงแต่ตอนเราเชียร์ลิเวอร์พูล ทีมเคยเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่
แต่วันนี้ไม่ใช่อีกต่อไป .. คือ เราต้องแยกว่า คำว่า ยิ่งใหญ่ กับ คำว่าเกียรติยศ นะมันต่างกัน
เราไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่เรามีเกียรติเสมอ และเราก็คงรู้สึกแบบพ่อ
คือ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีสเน่ห์จริงๆ ..
และ ยังคงเชื่อเสมอว่าตัวเองจะเป็น
เด็กหงส์,วัยรุ่นหงส์ และต่อไปคงเป็น ผู้ใหญ่หงส์ และ แก่หงส์ต่อไป
ก่อนที่จะมาถึงแมตชิงแชมบิ๊กเอียร์กับ บาร์เยิร์นมิวนิค
ประตูชัยของ โซลชาร์ อันน่าจดจำ
เป็นเกมที่ถูกยกให้เป็นเกมฟุตบอลนัดชิงที่ดีที่สุดในยุคหนึ่ง
และอาจจะในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
แต่สำหรับเรา เราก็ดีใจที่มาเชียร์ลิเวอร์พูลทันนัดชชิงบิ๊กเอียร์กับเอซี มิลาน
คืนนั้น เราอยู่ตรงนั้นนะ หน้าทีวี บนเตียง ไฟปิดมืด นั่งกอดหมอนแน่น
วินาีทีนั้น เป็นวินาทีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับเราเหมือนกัน
เราว่าความรู้สึกนี้ มันคงเป็นความรู้สึกของแฟนบอลทุกคน และ ทุกทีมนะ ..
เราอธิบายไม่ได้ว่าำทำไมยังเชียร์อยู่ เราบอกได้แค่ว่า
"ต้องลองมาเชียร์ แล้วจะเข้าใจ"
ปล. พึ่งสังเกตุว่า ตั้งแต่เราเกิดมา ลิเวอร์พูลก็เริ่มตกต่ำเลย
55555555555555555555
ฝากกระูทู้แนะนำตัวป๊ะป๋าค่ะ
มีเรื่อง ป๋า จะมาเล่าให้ฟัง ...
http://ppantip.com/topic/30467135