การซื้อขายสัตว์เลี้ยงถือว่าเป็นอาชีพที่บาป รึเปล่าคะ?

ด้วยความที่เรา อยากเลี้ยงน้องหมา น้องแมว
(แต่ที่บ้านยังไม่เอื้อ เพราะเรียนต่างจังหวัด ถ้าเลี้ยงจะเป็นภาระที่บ้าน)
ก็เลยคิดว่า เด๊ว ถ้าอันตัวเราโตมาเมื่อใด จิเลี้ยงเป็นกองทัพเลย เหมือนเด็กเก็บกด =..=  
หมาชิสุโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ปอมเมอเรเนียนไซบีเรียนฮัสกี้ชิวาว่าเซนต์เบอร์นาร์ด

ทีนี้พอมีแฟน ก็เคยคุยกันถึงเรื่องที่อยากจะทำ แฟนบอกว่ามีความฝันว่า สักวันพี่แกอยากจะทำฟาร์มน้องหมา
(บังเอิญมาเจอคนรักสัตว์เหมือนกัน แฟนเคยทำครั้งหนึ่งก่อนคบกันค่ะ
นำไปประกวดให้ได้แชมป์ แล้วรับผสมพันธุ์ แต่พอน้องหมาแกถึงแก่กรรมไป แกก็ยังไม่ได้มีโอกาสเลี้ยงต่อ)
เราก็คิดตาม เออ น่าสนเนอะ ใจตรงกันเชียะ อยากเลี้ยงมาก ได้เลี้ยงที เลี้ยงเป็นฟาร์มเลย ดูแลดีๆ ฝึกดีๆ

ส่วนตัว เราจะพยายามสมาทานศีล5 แล้วพยายามรักษาให้ได้ในแต่ละวัน
แบบอย่างน้อย หนึ่งถึงสองชั่วโมง ก็ยังดี จะพยายามไม่ให้ศีลขาด
ซึ่งพอได้เริ่มทำเนี่ย ก็เริ่มรู้ว่า โห การรักษาศีลแต่ละข้อเนี่ย มันยิบย่อยมากมายเต่าเอือม

โดยที่ปกติเป็นคนพูดมากแล้ว เรื่อง โกหกก็พยายามเลี่ยง ไม่พูด แต่สุดท้ายมาตกม้าตาย
ตรงพูดเพ้อเจอ หรือ หยาบบ้าง เวลาเม๊าท์มอยกับเพื่อนสนิท ข้อสอง สาม ไม่ทำอยู่แล้ว ข้อห้าก็เลิกแล้ว

ทีนี้พอมาข้อหนึ่ง ยุง หรือ มด เราก็พยายามไม่ฆ่านะคะ เวลามากัดก็ไล่ๆไป แต่เวลาเผลอเหยียบมด หรือบี้โดยไม่รู้ตัว
ก็ถือว่าศีลขาดไปในวันนั้น เจอหมา แมว สัตว์ตาย ก็แผ่เมตตาให้
ทีนี้วันก่อนก็คิดขึ้นมาว่า เฮ้ย ข้อปาณาฯ เนี่ย มันมีห้ามเบียดเบียนสัตว์ด้วย
การที่เราเอาน้องหมามาเลี้ยงแล้ว จับเค้าไปผสมพันธ์ุเนี่ย ถือว่าเบียดเบียนเขามั้ย???

มาคิดๆดู เหมือนเราไปคลุมถุงชนน้องหมารึเปล่าเนี่ย แล้วพอเค้ามีลูก เราเอาลูกเค้าไปขาย มันก็พรากแม่พรากลูกนี่หว่า
คิดได้อย่างนี้ รู้สึกเหมือนกำลังจะทำอะไร สักอย่างที่ไม่คิดมาก่อนว่ามันจะบาป
เลย ไปหาข้อมูลใน อากู๋ ก็เลยรู้ว่า เราไม่ใช่คนแรกที่คิดว่า มันบาปรึเปล่า เพราะคนถามเต็มเลย
ทีนี้ ก็ได้ข้อมูลมาประมาณว่า

อาชีพที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม ทำแล้วเป็นบาป มี 5 อาชีพ คือ

1. การค้าขายอาวุธ
2. การค้าขายมนุษย์
3. การเลี้ยงสัตว์เพื่อขายเพื่อฆ่า
4. การค้าขายน้ำเมา
5. การค้าขายยาพิษ


แล้วทีนี้ ถ้าเรานำเค้ามาเลี้ยงเพื่อขาย ให้ผู้ที่สนใจจะเลี้ยง โดยที่เรากำหนดคุณสมบัติผู้เลี้ยงเอง
(กลัวเค้านำไปเลี้ยงไม่ดี) แล้วส่วนของตัวที่เราเลี้ยง เราก็ให้อาหาร ดูแลรักษาอย่างดี ก็คล้ายๆทำบุญกับเขาใช่รึเปล่าคะ?

ที่นี้การที่ขายแบบนี้ ถือว่าเป็นบาปด้วยมั้ย ?? เพราะเท่าที่อ่านข้อมูลมา
ก็มีทั้งที่บอกว่า บาป และบอกว่า ไม่บาป เพราะไม่ได้ขายเพื่อกิน (แอบคิดว่าคนที่เพาะ หมู ไก่ ไม่บาปหนักแย่หรอนั้น)
แล้วถ้าอย่างนั้น คนที่ซื้อไปเลี้ยง จะบาปด้วยมั้ยคะ ??

ก็เลยอยากลองมาแลกเปลี่ยนความคิดกับเห็นบเพื่อนๆ สมาชิกดูน่ะค่ะ

Tag
จตุจักร » สัตว์เลี้ยง  » สุนัข
ศาสนา » ปฏิบัติธรรม» ศาสนาพุทธ  เพราะพูดถึงเรื่องรักษาศีล
สีลม » งานขาย เพราะว่า มันเกี่ยวกับการซื้อขายสัตว์ เพื่อจะมีบางท่านในห้องสีลมให้คำแนะนำได้
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ลองเอาไปปรับใช้ดูนะ  อย่า  รีบครั้นคร้าม ถอย เสียหละ

เพราะ ถ้าถอย  มันจะกลายเป็นว่า  เวรกรรมจะตกกับ  ฆารวาส ผู้ที่ยังต้อง ทำมาหากิน เหมือนกัน

งงไหม

อย่า งง

เพราะ คำถามของคุณ คุณ ถามในลักษณะ  การประกอบอาชีพ ค้าชีวิต

หาก มีใครกล่าวธรรม จนคุณ ตกใจ  เลิกประกอบอาชีพ  เกิดความขัดสน  ก็แน่นอนว่า เวรกรรม
จากการแนะนำ แม้จะเป็นธรรมก็จริง  แต่ ฆารวาสเนี่ยะ ต้องประกอบอาชีพ ไม่เหมือน นักบวช
ที่หนทางท่านเปิดกว้าง  อาชีพของท่าน พระพุทธองค์ออกแบบมาให้รองรับ กรรมได้แม้จะแนะนำ
แล้วผลมันผลิกซ้าย ผลิกขวา  นักบวชก็รับผลกรรมนั้นได้  

แต่ฆารวาส หากแนะนำแล้ว  คนที่ได้รับคำแนะนำเกิด ขัดสนในชีวิต  กรรมมันจะ ส่งผลต่อ
ผู้แนะนำเหมือกัน  คือ  ประกอบอาชีพลำบาก ไปด้วย  ตรงนี้เป็น  เรื่องปรกติ ของ กฏแห่งกรรม
ไม่ใช่เพราะ  ใครเป็นตัวการ ใครเป้นต้นเหตุ  ต้นเหตุมีตัวเดียวคือ " ความไม่รู้ "

............

ทีนี้ คุณ อาจหาญจะ ลองเอาไปปรับ  จะปรารภนิพพาน  เอ้อ  อันนี้มันคุ้มอยู่ ที่จะ  แลกด้วยแม้นชีวิต
ถ้ามันจะมีผลกรรมตามมาก็เถอะ

ต่อไป ลองฟังให้ดี

กรรมที่เกิดจากการขายชีวิต  เมื่อเรา ขายหมู่สัตว์ หรือ สัตว์เอาแค่ 1 ตัว    ผลกรรมต้องมีแน่

นั่นก็คือ  คุณจะต้องถูกขาย  เหมือนกัน !!   อย่าตกใจนะ  มันมี  กรรมวิภังค์ องค์ประกอบหลาก
หลาย เช่นว่า  ถูกยกให้ครอบครัวอื่น ไปเป็นสะใภ้  ในเชิงของกรรม ก็คือ การขาย เหมือนกัน
ขายเพื่อไป...นะ  ทำพันธ์  ว่างั้น ( กราบขออภัย  อย่าลืม ปรารภนิพพาน จะช่วยกันและกันได้ )

การขาย  โดนเอาไปขาย ก็จะมีหลากหลาย  ........ในสมัยพุทธกาล  ก็มี ผู้หญิงถูกขายไปให้
กับครอบครัวอื่น  ไปเป็นทาสก็มี  ไปเป็นภรรยาของบุตรก็ดี  หรือ ลำบากมากๆ คือ ขายเข้า
หอขณิกา อันนี้ก็มี แต่ ...............ผู้หญิงในพุทธกาลเหล่านั้น  ตั้งจิตไว้ตรง ไม่เคยโลเล

ผู้หญิงบางคน จึงสำเร็จ โสดาบันทั้งที่ไปเป็น สะใภ้เข้า ต้อง ออกลุก ออกหลาน ตั้ง 200 คน
อันเนื่องกับ ผู้หญิงนางนั้น อันนี้ก็มี  ดังมาก ชื่อ นางวิสาขา

ผู้หญิงที่เป็นทาส  ก็มีเยอะ  แต่ที่ จำได้แม่น เพราะความที่  เธอตั้งจิตไว้ตรง ปรารภนิพพาน
เธอจึง แอบหนีงานมาฟังธรรม ระหว่าง ลัลลาสุขใจ วิ่งกลับบ้าน ปากก็ท่องธรรมะ เป็นอาขยาน
นกแก้วนกขุนทองไปงั้นๆ  บังเอิญว่า ภิกษุในราวป่าได้ยินเสียง ได้ฟังธรรมบทที่เธอร้อยเป็น
อาขยาน เลยทำให้ บรรลุอรหันต์ได้  โดยมี  เธอเป็น พาหนะ นำสาร อันนี้ก็มี  

ส่วนที่เป็น นางขณิกา ถูกขายให้กับ หอขณิกา อันนั้น  ไม่มีการระบุว่าได้ สามัญผล แต่
ได้ภพภูมิที่ดีคือ  เป็น  เทพบุตรในสวรรคิ์  ( ปิด ความเป็น หญิง กลับมาเป็น บุรุษได้
กรรมที่จะมีมาอันเกิดจากความเป็นหญิง ก็สิ้นสุดไปในชาตินั้นๆ )

ดังนั้น

จะเห็นว่า  การตั้งจิตไว้ตรง  ตรงนี้สำคัญมาก   จะช่วยได้แม้กระทั่ง ตัวคุณเอง
และ ผู้อื่น

ส่วนความยาก ลำบาก หรือ ง่าย ในการ  ทำนิพพานให้แจ้ง  อันนี้ ก็ว่ากันไป ตามเวรตามกรรม
ตามวาสนา บารมี  ที่เป็น ปัจจัย  เป็น โคลนตมให้ดอกบัวดอกน้อยๆ เช่นคุณ เติบโต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่