สัมภาษณ์บลจ.กรุงศรีอยุธยา
ผู้จัดการกองทุน ประภาส ตันพิบูลย์ศํกดิ์
KFSDIV กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล
นโยบายลงทุน : บริษัทที่กองทุนไปลงทุนประมาณ 20-25 บริษัทจะมีลักษณะเป็นบริษัทขนาดกลาง เล็ก มากกว่าขนาดใหญ่ การเติบโตของบริษัทต้องดี บริษัทเหล่านี้มักจะจ่ายเงินปันผลสูงแม้จะมีการขยายงานขยายกิจการ เพราะมีกระแสเงินสดสูงมาก หลายบริษัทไม่มีหนี้สินแต่เติบโตได้ต่อเนื่อง เข้าใจว่าการลงทุนขยายกิจการนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก บางครั้งก็ลงทุนบริษัทขนาดใหญ่บ้าง บางครั้งก็ลงทุนในบริษัทที่ปันผลไม่สูง โดยจะปรับน้ำหนักไปลงทุนในหุ้นที่เติบโตสูงแทนก็ได้ ถ้าเห็นว่าผลประกอบการดีในอนาคต
ตั้งแต่เปิดกองทุนมา 5 ปี จ่ายปันผลเกือบทุกปี ถ้าทำได้จะจ่ายทุกไตรมาส เหมาะสำหรับผู้เกษียณที่ต้องการรายได้มาใช้จ่าย ผลตอบแทนบางครั้งไม่สม่ำเสมอขึ้นอยู่กับตลาดหุ้น แต่ละปีจะพยายามเก็บกำไรไว้ไม่จ่ายปันผลทั้งหมด เพื่อให้ NAV เติบโตไปด้วย เผื่อปีที่ไม่ดีจะได้จ่ายปันผลได้ตลอดทุกปี
การปรับพอร์ตลงทุนของกองทุน ผู้จัดการกองทุน จะทำความเข้าใจกับตัวธุรกิจมากกว่า ดูว่าแนวโน้มเติบโตดีต่อไปอย่างไร อย่างหุ้นธนาคารเวลามีกำไรต้องเก็บทุนไว้ลงทุน จะจ่ายปันผลต่ำ หรืออุตสาหกรรมที่ลงทุนหนัก เหล็ก ปิโตรก็จะไม่ค่อยเก็บไว้ในพอร์ต ธุรกิจที่ดี เวลาขยายกิจการลงทุนน้อย กองทุนจะชอบมากกว่า ไม่ค่อยสนใจปัจจัยภายนอกเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำความเข้าใจภาพรวมภายนอก อุตสาหกรรมเหมือนกัน
จุดสำคัญในการลงทุนของกองทุนกรุงศรี คือ “วิสัยทัศน์” ต้องดูทั้งวิสัยทัศน์การลงทุนของทั้งผู้จัดการกองทุน และผู้บริหารด้วย เพราะกิจการจะเติบโตดีก็เพราะผู้บริหารอย่างมาก ดูจากผลการดำเนินงานเป็นสำคัญ กองทุนต้องเข้าใจวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ การวางแผนธุรกิจในการเติบโตจากภายใน ภายนอก ซื้อกิจการ เชิงกว้าง เชิงลึก ต้องเห็นภาพ ศักยภาพของบริษัทที่ลงทุน ถ้าเข้าใจก็จะลงทุน
การลงทุนในกองทุนหุ้นจะต่างกับหุ้น แต่เหมือนกันคือต้องคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว ประโยชน์ คือ กองทุนรวมมีผู้จัดการกองทุนที่ใกล้ชิด โตมา เรียนมากับการลงทุนมากกว่า ท่านสามารถใช้ศักยภาพผู้จัดการกองทุนมาช่วยบริหารเงินแทน สิ่งที่ดีคือต้องลงทุนเรื่อยๆ ลงทุนระยะยาวๆ กอดไว้จะดีกว่ามานั่งซื้อๆขายๆ
เรื่องเก่าเล่าใหม่ วิสัยทัศน์กองทุน KFSDIV เผื่อใครยังไม่ได้อ่านครับ
ผู้จัดการกองทุน ประภาส ตันพิบูลย์ศํกดิ์
KFSDIV กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล
นโยบายลงทุน : บริษัทที่กองทุนไปลงทุนประมาณ 20-25 บริษัทจะมีลักษณะเป็นบริษัทขนาดกลาง เล็ก มากกว่าขนาดใหญ่ การเติบโตของบริษัทต้องดี บริษัทเหล่านี้มักจะจ่ายเงินปันผลสูงแม้จะมีการขยายงานขยายกิจการ เพราะมีกระแสเงินสดสูงมาก หลายบริษัทไม่มีหนี้สินแต่เติบโตได้ต่อเนื่อง เข้าใจว่าการลงทุนขยายกิจการนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก บางครั้งก็ลงทุนบริษัทขนาดใหญ่บ้าง บางครั้งก็ลงทุนในบริษัทที่ปันผลไม่สูง โดยจะปรับน้ำหนักไปลงทุนในหุ้นที่เติบโตสูงแทนก็ได้ ถ้าเห็นว่าผลประกอบการดีในอนาคต
ตั้งแต่เปิดกองทุนมา 5 ปี จ่ายปันผลเกือบทุกปี ถ้าทำได้จะจ่ายทุกไตรมาส เหมาะสำหรับผู้เกษียณที่ต้องการรายได้มาใช้จ่าย ผลตอบแทนบางครั้งไม่สม่ำเสมอขึ้นอยู่กับตลาดหุ้น แต่ละปีจะพยายามเก็บกำไรไว้ไม่จ่ายปันผลทั้งหมด เพื่อให้ NAV เติบโตไปด้วย เผื่อปีที่ไม่ดีจะได้จ่ายปันผลได้ตลอดทุกปี
การปรับพอร์ตลงทุนของกองทุน ผู้จัดการกองทุน จะทำความเข้าใจกับตัวธุรกิจมากกว่า ดูว่าแนวโน้มเติบโตดีต่อไปอย่างไร อย่างหุ้นธนาคารเวลามีกำไรต้องเก็บทุนไว้ลงทุน จะจ่ายปันผลต่ำ หรืออุตสาหกรรมที่ลงทุนหนัก เหล็ก ปิโตรก็จะไม่ค่อยเก็บไว้ในพอร์ต ธุรกิจที่ดี เวลาขยายกิจการลงทุนน้อย กองทุนจะชอบมากกว่า ไม่ค่อยสนใจปัจจัยภายนอกเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำความเข้าใจภาพรวมภายนอก อุตสาหกรรมเหมือนกัน
จุดสำคัญในการลงทุนของกองทุนกรุงศรี คือ “วิสัยทัศน์” ต้องดูทั้งวิสัยทัศน์การลงทุนของทั้งผู้จัดการกองทุน และผู้บริหารด้วย เพราะกิจการจะเติบโตดีก็เพราะผู้บริหารอย่างมาก ดูจากผลการดำเนินงานเป็นสำคัญ กองทุนต้องเข้าใจวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ การวางแผนธุรกิจในการเติบโตจากภายใน ภายนอก ซื้อกิจการ เชิงกว้าง เชิงลึก ต้องเห็นภาพ ศักยภาพของบริษัทที่ลงทุน ถ้าเข้าใจก็จะลงทุน
การลงทุนในกองทุนหุ้นจะต่างกับหุ้น แต่เหมือนกันคือต้องคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว ประโยชน์ คือ กองทุนรวมมีผู้จัดการกองทุนที่ใกล้ชิด โตมา เรียนมากับการลงทุนมากกว่า ท่านสามารถใช้ศักยภาพผู้จัดการกองทุนมาช่วยบริหารเงินแทน สิ่งที่ดีคือต้องลงทุนเรื่อยๆ ลงทุนระยะยาวๆ กอดไว้จะดีกว่ามานั่งซื้อๆขายๆ