http://www.cookiecoffee.com/diary/61561/5-steps-to-tyranny-bbc-thailand-civil-war-mob
1,070,000 ศพสำหรับสงครามกลางเมืองรวันดา [Rwanda] ทั้งที่คนคิดว่า “มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้” เลยด้วยซ้ำ
ผมชอบคำว่า “สงครามกลางเมือง” ในภาษาไทยมากกว่าคำแปลภาษาอังกฤษว่า “Civil War” เพราะความหมายของคำๆ นี้คือ “A Civil War is a War between Organized Groups within the Same State or Republic
The Aim of One Side may be to Take Control of the Country or a Region,
To Achieve Independence for a Region or to Change Government Policies”
แปลง่ายๆ ว่า “สงครามกลางเมือง” นั้น อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมากลางใจเมือง, เป็นการฆ่ากันเองของคนในชาติ
สาเหตุของสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นเพราะคนในชาติเดียวกัน ต้องการยึดครองประเทศ / แยกตัวเป็นเอกราชหรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาล, แน่นอนว่ามันเป็นสงครามที่ไม่ได้มีข้าศึกจากภายนอกหรือการบุกยึดชายแดนใดๆ
ผมนั่ง Googling ไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าเมืองไทยเราตอนนี้ก็เข้าใกล้สภาพ “สงครามกลางเมือง” ขึ้นทุกวัน
อาจฟังดูเกินจริงที่จาก Mob ปิดถนนจะกลายเป็นสงครามในกรุงเทพฯ
หรืออาจคิดว่า “ยังไงก็คนไทย” และ “เราเป็นชาติที่จิตใจสูงส่ง” ไม่น่าจะถึงขั้นล้างเผ่าพันธุ์กันได้ แต่หนึ่งคืนก่อนการล้างเผ่าพันธุ์ที่ Rwanda, ทุกคนก็คิดเหมือนกันว่า “มันไม่เกิดขึ้นหรอก”
สุดท้ายผมมาเจอสารคดีของ BBC ชื่อ “5 Steps to Tyranny”
เพียง 5 ขั้น ทุกคนก็เป็นผู้นำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้ และตอนนี้ไทยเรากำลังอยู่ในขั้นที่ 4
1. แยก “พวกเรา” และ “พวกมัน” ออกจากกัน
ใช้สิ่งพื้นฐานบางอย่างเช่น “สีผิว” หรือ “สีผม” รวมไปถึง “ชนชั้น” และ “การศึกษา” เพื่อบอกว่า พวกเราเหนือกว่าคนอีกพวกหนึ่ง, นี่เป็นวิธีง่ายๆ ที่ Hitler ใช้แบ่งแยกชาติเยอรมันที่สูงส่งออกจากชาวยิว
หรือการที่ “คนผิวดำ” ไม่มีสิทธิเลือกตั้งแบบ “คนผิวขาว” ใน USA เมื่อสองร้อยปีก่อน
และ “คนชั้นต่ำ” ไม่สามารถนั่งรถไฟร่วมกับ “คนวรรณะสูง” ใน India สมัย 150 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดคานธี
สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ ด้วยเหตุผลข้อนี้
เมื่อ “พวกมัน” ไม่ใช่ “พวกเรา”
ขั้นที่ 2 ก็จะง่ายขึ้น
บันใด 5 ขั้นสู่สงครามกลางเมือง
1,070,000 ศพสำหรับสงครามกลางเมืองรวันดา [Rwanda] ทั้งที่คนคิดว่า “มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้” เลยด้วยซ้ำ
ผมชอบคำว่า “สงครามกลางเมือง” ในภาษาไทยมากกว่าคำแปลภาษาอังกฤษว่า “Civil War” เพราะความหมายของคำๆ นี้คือ “A Civil War is a War between Organized Groups within the Same State or Republic
The Aim of One Side may be to Take Control of the Country or a Region,
To Achieve Independence for a Region or to Change Government Policies”
แปลง่ายๆ ว่า “สงครามกลางเมือง” นั้น อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมากลางใจเมือง, เป็นการฆ่ากันเองของคนในชาติ
สาเหตุของสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นเพราะคนในชาติเดียวกัน ต้องการยึดครองประเทศ / แยกตัวเป็นเอกราชหรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาล, แน่นอนว่ามันเป็นสงครามที่ไม่ได้มีข้าศึกจากภายนอกหรือการบุกยึดชายแดนใดๆ
ผมนั่ง Googling ไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าเมืองไทยเราตอนนี้ก็เข้าใกล้สภาพ “สงครามกลางเมือง” ขึ้นทุกวัน
อาจฟังดูเกินจริงที่จาก Mob ปิดถนนจะกลายเป็นสงครามในกรุงเทพฯ
หรืออาจคิดว่า “ยังไงก็คนไทย” และ “เราเป็นชาติที่จิตใจสูงส่ง” ไม่น่าจะถึงขั้นล้างเผ่าพันธุ์กันได้ แต่หนึ่งคืนก่อนการล้างเผ่าพันธุ์ที่ Rwanda, ทุกคนก็คิดเหมือนกันว่า “มันไม่เกิดขึ้นหรอก”
สุดท้ายผมมาเจอสารคดีของ BBC ชื่อ “5 Steps to Tyranny”
เพียง 5 ขั้น ทุกคนก็เป็นผู้นำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้ และตอนนี้ไทยเรากำลังอยู่ในขั้นที่ 4
1. แยก “พวกเรา” และ “พวกมัน” ออกจากกัน
ใช้สิ่งพื้นฐานบางอย่างเช่น “สีผิว” หรือ “สีผม” รวมไปถึง “ชนชั้น” และ “การศึกษา” เพื่อบอกว่า พวกเราเหนือกว่าคนอีกพวกหนึ่ง, นี่เป็นวิธีง่ายๆ ที่ Hitler ใช้แบ่งแยกชาติเยอรมันที่สูงส่งออกจากชาวยิว
หรือการที่ “คนผิวดำ” ไม่มีสิทธิเลือกตั้งแบบ “คนผิวขาว” ใน USA เมื่อสองร้อยปีก่อน
และ “คนชั้นต่ำ” ไม่สามารถนั่งรถไฟร่วมกับ “คนวรรณะสูง” ใน India สมัย 150 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดคานธี
สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ ด้วยเหตุผลข้อนี้
เมื่อ “พวกมัน” ไม่ใช่ “พวกเรา”
ขั้นที่ 2 ก็จะง่ายขึ้น