วันนี้จะมารีวิวและพรีวิว เครื่องสำอาง/เครื่องประทิน/เครื่องบำเรอร่าง (แล้วแต่จะเรียกอ่ะนะคะ) ที่ซื้อจากฮ่องกงค่ะ
คือเมื่อต้นปีเราไปเที่ยวฮ่องกงมา 5 วัน ไปแบบแบ็คแพ็คตะลุยเที่ยวเองอะไรเอง.....เหนื่อยมากๆเลยค่ะ ขาลาก ร่างแหลก กันเลยทีเดียว
แต่ถึงจะเหนื่อยขนาดไหน....ผู้หญิงอย่างเราก็ไม่พลาดที่จะช็อปปิ้งแน่นอนค่ะ!!! จริงๆช่วงที่ไปวันแรกๆ เข้า Sasa นะคะ แต่คือยังไม่ช็อป เพราะกลัวเงินจะไม่พอเอาไว้ กิน เที่ยว ใช้จ่าย และเป็นค่าเดินทางระหว่างอยู่ที่นู่น ประกอบกับช่วงแรกวิตกเรื่องสัมภาระตอนกลับว่าจะยัดลงหมดรึเปล่า เลยยังไม่ช็อป
ถึงกระนั้น ระหว่างที่อยู่ที่นู่น 5 วัน เราเข้าร้าน Sasa ไปทั้งหมด 6 รอบนะคะ (6 ครั้งนี้ ไม่ซ้ำสาขาเลย – และมันเป็นข้อดี เพราะสินค้าแต่ละสาขาไม่เหมือนกันค่ะ) และเข้า Bonjour อีก 2 รอบ
ถึงจะเข้าหลายครั้ง แต่ได้ของมาแค่นี้เองค่ะ
เราไปสแกนกรรม.....เอ้ย สแกนดูทีละอันกันดีกว่านะคะ
*ขอใช้รูปจากอินเตอร์เน็ตนะคะ เพราะตอนนั้นไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปร้านละคะ กระสับกระส่ายในการช็อป
**รีวิวของที่ซื้อจากร้าน Sasa ก่อนนะคะ
สิ่งแรกที่พุ่งเข้าไปหาเลย คือ มาส์ก ค่ะ
ต้องยอมรับว่า เราเป็นโรคชอบซื้อมาส์กมากๆค่ะ ที่บ้านมีครึ่งร้อยแผ่นแล้ว ไม่ว่าจะไปที่ไหน (ในไทยด้วย) จะในร้านไหน หรือห้างไหนก็แล้วแต่ ถ้าเราเจอแผ่นมาส์กลดราคา หรือจัดโปรซื้อ1 แถม 1 หรือซื้อ 2 แถม 1 หรือออกใหม่แลดูน่าสนใจ แม้ช่วงนั้นจะเป็นช่วงกรอบที่สุดของเดือน เราก็ทำใจที่จะไม่ซื้อไม่ได้จริงๆค่ะ (ทำไมเป็นคนแบบนี้???ก็ถามตัวเองบ่อยๆเหมือนกันค่ะ) T_T
ยี่ห้อนี้ไม่ได้หรูเลิศเลอ หรือแปลกประหลาดอะไรเลยนะคะ
Beauty Diary ทุกคนรู้จักกันอยู่แล้ว หาซื้อได้ง่ายๆในบ้านเรา (ของโหลๆนั่นแหละ) แต่ที่เราซื้อเนี่ย ก็เพราะว่า มันถูกมากกกกกกกกก จริงๆๆๆ ค่า
1 กล่องมี 10 แผ่น ตีเป็นเงินไทยแล้ว ตกแผ่นละ 23 บาทเอง....โอ้วววมายก็อด รีบคว้าด่วนๆ เราซื้อสูตร Hyaluronic Acid และสูตร Sake Yeast มาอย่างละกล่องค่ะ ^_^
---------------------------------------------
อย่างที่ 2 เราเชื่อว่า ใครไปก็ต้องซื้อมา
มันคือลิปไข่ EOS จริงๆเราก็ไม่เคยใช้หรอกค่ะ เพราะไม่ใช่คนที่จะตามกระแสเท่าไหร่ คิดเองล้วนๆว่าอยากใช้หรือไม่ใช้อะไร
แต่ที่ซื้อมา เพราะว่ามันถูกค่ะ ตกอันละ 158 บาท (เห็นในเน็ตหิ้วมาขายกัน อันละประมาณ 200 บาทเลยนะคะ)
ก็เลยซื้อมาลอง 2 อันค่ะ (ลิปมันที่บ้านหมดพอดีด้วยค่ะ)
----------------------------------------------
อย่างที่ 3 ค่ะ เป็นของที่ไม่ได้ตั้งใจมากๆ
Perfect Cover BB Cream ของ Missha ค่ะ ตอนนั้น ร้าน Sasa จัดโปรอยู่ค่ะ จากราคา 218 HKD เหลือแค่ 69 HKD (โอ้ มายก็อด ถ้าชั้นไม่ซื้อ ชั้นจะบ้าไหมนะ—อุทานในใจกับตัวเองเบาๆ)
เลยจัดไปเลยแบบไม่คิดมากค่ะ ตีราคาเป็นเงินไทย แค่ 280 บาทเองอ่ะ ปริมาณ 50 ml. ถูกจริงๆค่ะ ใช้ได้ 2 ปีเลยนะคะ เยอะขนาดนี้ // ณ จุดนี้ ปลื้มปริ่มในตัวเองมากๆที่ได้ของถูกและดีเลิศประเสริฐศรีเยี่ยงนี้
-----------------------------------------------
อย่างต่อไป เป็นแบรนด์เกาหลี ที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จักในไทยเลยค่ะ (ยังไม่มีช็อปในไทย)
ขอเล่าก่อนแล้วกันนะคะ แบรนด์นั้นคือ Beyond ค่ะ เป็นแบรนด์ที่เค้าเคลมตัวเองว่า เป็น Eco Cosmetics ด้วยการเน้น Eco Values ต่างๆในเรื่องของการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และการช่วยลดมลภาวะของโลกนะคะ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ beyond.co.kr นะคะ
ตอนแรกไม่รู้ว่า Sasa มี Beyond ด้วย เดินไปเจอก็ตกใจเลยค่ะ
**พรีเซ็นเตอร์น่ากินมากค่ะ
จากนั้นเราก็เลือกของที่เคาเตอร์ Beyond นานมาก (ราคาค่อนข้างแพง เลยต้องเลือกดีๆหน่อย)
สรุปว่า เราก็ได้ Avocado Shield Moist Essence Intensive Moisture Therapy มาค่ะ
เป็น 1 ในผลิตภัณฑ์กลุ่มให้ความชุ่มชื้นกับผิว (เราผิวแห้ง ชอบทาครีมเข้มข้นอยู่แล้ว) อ่านๆดู ตัวนี้มีคุณสมบัติมอบและคงความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานค่ะ จัดมาในราคา 160 HKD (ประมาณ 650 บาท) ปริมาณ 45 ml.
อย่างที่ 2 ของ Beyond ได้มาแบบงงๆ เพราะจริงๆอยากได้มาส์กกระปุกอยู่แล้ว (บอกแล้วว่าเราบ้ามาส์ก) แต่อยากได้ Laneige Water Sleeping Pack Ex เพราะเคยใช้แล้วชอบมาก หน้านุ่มมาก
ปรากฏว่า ทุกสาขาของ Sasa ที่เราไป มาส์กลาเนจหมดเกลี้ยง (ขายดีมาก) เลยเริ่มอยากลอง Beyond ค่ะ อ่านจากชื่อแล้ว Whitening Dream Solution One Night Snow Mask มันน่าใช้มากๆเลย ราคาก็ 108 HKD ไม่ถูกเท่าไหร่นะคะ 400 กว่าบาท แต่อยากลอง เลยซื้อมาค่ะ ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้าขาวเนียนขึ้นมานิดนึงค่ะ แต่กลิ่นแรงมาก (แรงไปสำหรับเรา) เนื้อสัมผัสจะฝืดๆ เนื้อไม่ค่อยเกาะกันเท่าไหร่
-----------------------------------------
ต่อไป ปลื้มมากๆเลยเช่นกัน มันเหมือนเป็นของแปลกใหม่สำหรับเรา
Kao Steam Eye Mask
เป็นมาส์กแผ่นแปะตา อุณหภูมิ 40 องศา ไว้ใช้เพื่อผ่อนคลายบริเวณรอบดวงตา
ลักษณะจะเป็นแผ่นกระดาษแห้งๆนิ่มๆ ไม่มีครีมนะคะ ข้างในยัดด้วยแผ่นร้อน (ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง)
จะมีให้เลือกหลายกลิ่น เช่น กุหลาบ ลาเวนเดอร์ ใบไม้ กลิ่นแป้ง และกลิ่นที่เราเลือกมาคือกลิ่นคาโมมายด์ค่ะ
1 กล่องมี 5 แผ่น ราคากล่องละ 36.9 HKD เราใช้แล้วชอบมากๆเลย เอาไว้แปะวันที่รู้สึกตาล้าๆ เพลียๆ แปะแล้วก็นอน หลับสบายเลยค่ะ รู้สึกหายเครียด ตื่นเช้ามา รู้สึกดวงตาสดใส ^_^
ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะใช้ดีอย่างนี้ เลยเสียดายที่ซื้อมากล่องเดียว ถ้าได้ไปฮ่องกงครั้งหน้า เราจะซื้อมาเยอะๆเลยค่ะ
------------------------------------------
ไอเท็มต่อไป เรากรี๊ดมาก เพราะเคยดู และเคยอ่าน เทคนิคแต่งหน้าของดาราเกาหลี จึงได้รู้ว่า เซเล็บเกาหลีหลายคน ติดน้ำแร่ reskin กันมากๆ เราก็อยากได้มากเลย รุดหน้าไปร้าน TSURUHA เห็นราคาแล้วจะเป็นลม กระป๋องละ 950 บาท
อันที่จริงเราเป็นคนชอบสเปรย์น้ำแร่ใส่หน้าหลังอาบน้ำเสร็จ ยี่ห้อที่ใช้ปัจจุบัน (ใกล้หมดแล้ว) คือ Laura Mercier แต่ซื้อต่อไม่ลง แพงมากๆ 1,600 บาท
จึงมองหาน้ำแร่ที่มีคุณสมบัติดีๆหน่อย มาจบที่คิดว่าอยากได้ reskin เพราะเค้าว่ากันว่าดี (เค้าเนี่ยใคร?)
ไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะเจอน้ำแร่ reskin ในร้าน Sasa ราคากระป๋องละ 96 HKD ตีเป็นเงินไทยราวๆ 400 บาท (แอร๊ย ถูกกว่าไทยเกือบครึ่ง) รีบเอาลงตะกร้าแบบไม่คิดชีวิต เสียดายเหลืออันเดียว เลยซื้อมาอันเดียว (บางสาขาไม่มีไอเท็มนี้นะคะ ขอบอก เราเดินหลายสาขามากถึงเจอ ดีใจสุดๆ)
จบการช็อปปิ้งที่ร้าน Sasa
[CR] --- ช็อปปิ้ง ฮ่องกง Sasa และ Bonjour ---
คือเมื่อต้นปีเราไปเที่ยวฮ่องกงมา 5 วัน ไปแบบแบ็คแพ็คตะลุยเที่ยวเองอะไรเอง.....เหนื่อยมากๆเลยค่ะ ขาลาก ร่างแหลก กันเลยทีเดียว
แต่ถึงจะเหนื่อยขนาดไหน....ผู้หญิงอย่างเราก็ไม่พลาดที่จะช็อปปิ้งแน่นอนค่ะ!!! จริงๆช่วงที่ไปวันแรกๆ เข้า Sasa นะคะ แต่คือยังไม่ช็อป เพราะกลัวเงินจะไม่พอเอาไว้ กิน เที่ยว ใช้จ่าย และเป็นค่าเดินทางระหว่างอยู่ที่นู่น ประกอบกับช่วงแรกวิตกเรื่องสัมภาระตอนกลับว่าจะยัดลงหมดรึเปล่า เลยยังไม่ช็อป
ถึงกระนั้น ระหว่างที่อยู่ที่นู่น 5 วัน เราเข้าร้าน Sasa ไปทั้งหมด 6 รอบนะคะ (6 ครั้งนี้ ไม่ซ้ำสาขาเลย – และมันเป็นข้อดี เพราะสินค้าแต่ละสาขาไม่เหมือนกันค่ะ) และเข้า Bonjour อีก 2 รอบ
ถึงจะเข้าหลายครั้ง แต่ได้ของมาแค่นี้เองค่ะ
เราไปสแกนกรรม.....เอ้ย สแกนดูทีละอันกันดีกว่านะคะ
*ขอใช้รูปจากอินเตอร์เน็ตนะคะ เพราะตอนนั้นไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปร้านละคะ กระสับกระส่ายในการช็อป
**รีวิวของที่ซื้อจากร้าน Sasa ก่อนนะคะ
สิ่งแรกที่พุ่งเข้าไปหาเลย คือ มาส์ก ค่ะ
ต้องยอมรับว่า เราเป็นโรคชอบซื้อมาส์กมากๆค่ะ ที่บ้านมีครึ่งร้อยแผ่นแล้ว ไม่ว่าจะไปที่ไหน (ในไทยด้วย) จะในร้านไหน หรือห้างไหนก็แล้วแต่ ถ้าเราเจอแผ่นมาส์กลดราคา หรือจัดโปรซื้อ1 แถม 1 หรือซื้อ 2 แถม 1 หรือออกใหม่แลดูน่าสนใจ แม้ช่วงนั้นจะเป็นช่วงกรอบที่สุดของเดือน เราก็ทำใจที่จะไม่ซื้อไม่ได้จริงๆค่ะ (ทำไมเป็นคนแบบนี้???ก็ถามตัวเองบ่อยๆเหมือนกันค่ะ) T_T
ยี่ห้อนี้ไม่ได้หรูเลิศเลอ หรือแปลกประหลาดอะไรเลยนะคะ
Beauty Diary ทุกคนรู้จักกันอยู่แล้ว หาซื้อได้ง่ายๆในบ้านเรา (ของโหลๆนั่นแหละ) แต่ที่เราซื้อเนี่ย ก็เพราะว่า มันถูกมากกกกกกกกก จริงๆๆๆ ค่า
1 กล่องมี 10 แผ่น ตีเป็นเงินไทยแล้ว ตกแผ่นละ 23 บาทเอง....โอ้วววมายก็อด รีบคว้าด่วนๆ เราซื้อสูตร Hyaluronic Acid และสูตร Sake Yeast มาอย่างละกล่องค่ะ ^_^
---------------------------------------------
อย่างที่ 2 เราเชื่อว่า ใครไปก็ต้องซื้อมา
มันคือลิปไข่ EOS จริงๆเราก็ไม่เคยใช้หรอกค่ะ เพราะไม่ใช่คนที่จะตามกระแสเท่าไหร่ คิดเองล้วนๆว่าอยากใช้หรือไม่ใช้อะไร
แต่ที่ซื้อมา เพราะว่ามันถูกค่ะ ตกอันละ 158 บาท (เห็นในเน็ตหิ้วมาขายกัน อันละประมาณ 200 บาทเลยนะคะ)
ก็เลยซื้อมาลอง 2 อันค่ะ (ลิปมันที่บ้านหมดพอดีด้วยค่ะ)
----------------------------------------------
อย่างที่ 3 ค่ะ เป็นของที่ไม่ได้ตั้งใจมากๆ
Perfect Cover BB Cream ของ Missha ค่ะ ตอนนั้น ร้าน Sasa จัดโปรอยู่ค่ะ จากราคา 218 HKD เหลือแค่ 69 HKD (โอ้ มายก็อด ถ้าชั้นไม่ซื้อ ชั้นจะบ้าไหมนะ—อุทานในใจกับตัวเองเบาๆ)
เลยจัดไปเลยแบบไม่คิดมากค่ะ ตีราคาเป็นเงินไทย แค่ 280 บาทเองอ่ะ ปริมาณ 50 ml. ถูกจริงๆค่ะ ใช้ได้ 2 ปีเลยนะคะ เยอะขนาดนี้ // ณ จุดนี้ ปลื้มปริ่มในตัวเองมากๆที่ได้ของถูกและดีเลิศประเสริฐศรีเยี่ยงนี้
-----------------------------------------------
อย่างต่อไป เป็นแบรนด์เกาหลี ที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จักในไทยเลยค่ะ (ยังไม่มีช็อปในไทย)
ขอเล่าก่อนแล้วกันนะคะ แบรนด์นั้นคือ Beyond ค่ะ เป็นแบรนด์ที่เค้าเคลมตัวเองว่า เป็น Eco Cosmetics ด้วยการเน้น Eco Values ต่างๆในเรื่องของการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และการช่วยลดมลภาวะของโลกนะคะ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ beyond.co.kr นะคะ
ตอนแรกไม่รู้ว่า Sasa มี Beyond ด้วย เดินไปเจอก็ตกใจเลยค่ะ
**พรีเซ็นเตอร์น่ากินมากค่ะ
จากนั้นเราก็เลือกของที่เคาเตอร์ Beyond นานมาก (ราคาค่อนข้างแพง เลยต้องเลือกดีๆหน่อย)
สรุปว่า เราก็ได้ Avocado Shield Moist Essence Intensive Moisture Therapy มาค่ะ
เป็น 1 ในผลิตภัณฑ์กลุ่มให้ความชุ่มชื้นกับผิว (เราผิวแห้ง ชอบทาครีมเข้มข้นอยู่แล้ว) อ่านๆดู ตัวนี้มีคุณสมบัติมอบและคงความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานค่ะ จัดมาในราคา 160 HKD (ประมาณ 650 บาท) ปริมาณ 45 ml.
อย่างที่ 2 ของ Beyond ได้มาแบบงงๆ เพราะจริงๆอยากได้มาส์กกระปุกอยู่แล้ว (บอกแล้วว่าเราบ้ามาส์ก) แต่อยากได้ Laneige Water Sleeping Pack Ex เพราะเคยใช้แล้วชอบมาก หน้านุ่มมาก
ปรากฏว่า ทุกสาขาของ Sasa ที่เราไป มาส์กลาเนจหมดเกลี้ยง (ขายดีมาก) เลยเริ่มอยากลอง Beyond ค่ะ อ่านจากชื่อแล้ว Whitening Dream Solution One Night Snow Mask มันน่าใช้มากๆเลย ราคาก็ 108 HKD ไม่ถูกเท่าไหร่นะคะ 400 กว่าบาท แต่อยากลอง เลยซื้อมาค่ะ ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้าขาวเนียนขึ้นมานิดนึงค่ะ แต่กลิ่นแรงมาก (แรงไปสำหรับเรา) เนื้อสัมผัสจะฝืดๆ เนื้อไม่ค่อยเกาะกันเท่าไหร่
-----------------------------------------
ต่อไป ปลื้มมากๆเลยเช่นกัน มันเหมือนเป็นของแปลกใหม่สำหรับเรา
Kao Steam Eye Mask
เป็นมาส์กแผ่นแปะตา อุณหภูมิ 40 องศา ไว้ใช้เพื่อผ่อนคลายบริเวณรอบดวงตา
ลักษณะจะเป็นแผ่นกระดาษแห้งๆนิ่มๆ ไม่มีครีมนะคะ ข้างในยัดด้วยแผ่นร้อน (ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง)
จะมีให้เลือกหลายกลิ่น เช่น กุหลาบ ลาเวนเดอร์ ใบไม้ กลิ่นแป้ง และกลิ่นที่เราเลือกมาคือกลิ่นคาโมมายด์ค่ะ
1 กล่องมี 5 แผ่น ราคากล่องละ 36.9 HKD เราใช้แล้วชอบมากๆเลย เอาไว้แปะวันที่รู้สึกตาล้าๆ เพลียๆ แปะแล้วก็นอน หลับสบายเลยค่ะ รู้สึกหายเครียด ตื่นเช้ามา รู้สึกดวงตาสดใส ^_^
ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะใช้ดีอย่างนี้ เลยเสียดายที่ซื้อมากล่องเดียว ถ้าได้ไปฮ่องกงครั้งหน้า เราจะซื้อมาเยอะๆเลยค่ะ
------------------------------------------
ไอเท็มต่อไป เรากรี๊ดมาก เพราะเคยดู และเคยอ่าน เทคนิคแต่งหน้าของดาราเกาหลี จึงได้รู้ว่า เซเล็บเกาหลีหลายคน ติดน้ำแร่ reskin กันมากๆ เราก็อยากได้มากเลย รุดหน้าไปร้าน TSURUHA เห็นราคาแล้วจะเป็นลม กระป๋องละ 950 บาท
อันที่จริงเราเป็นคนชอบสเปรย์น้ำแร่ใส่หน้าหลังอาบน้ำเสร็จ ยี่ห้อที่ใช้ปัจจุบัน (ใกล้หมดแล้ว) คือ Laura Mercier แต่ซื้อต่อไม่ลง แพงมากๆ 1,600 บาท
จึงมองหาน้ำแร่ที่มีคุณสมบัติดีๆหน่อย มาจบที่คิดว่าอยากได้ reskin เพราะเค้าว่ากันว่าดี (เค้าเนี่ยใคร?)
ไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะเจอน้ำแร่ reskin ในร้าน Sasa ราคากระป๋องละ 96 HKD ตีเป็นเงินไทยราวๆ 400 บาท (แอร๊ย ถูกกว่าไทยเกือบครึ่ง) รีบเอาลงตะกร้าแบบไม่คิดชีวิต เสียดายเหลืออันเดียว เลยซื้อมาอันเดียว (บางสาขาไม่มีไอเท็มนี้นะคะ ขอบอก เราเดินหลายสาขามากถึงเจอ ดีใจสุดๆ)
จบการช็อปปิ้งที่ร้าน Sasa