บ้างก็ว่า..ดีสิ จะได้เป็นแรงจูงใจให้คนรักษาสุขภาพ เทียบกับ 1000 บาทเล็กน้อยมาก
ไหนจะช่วยให้แพทย์ พยาบาล งานน้อยลดโหลดลงไปได้มากอีก
บ้างก็ว่า..ดีสิ คนเจ็บป่วยน้อยๆจะได้ไม่ต้องไปโรงพยาบาล ไปคลีนิคดีกว่า ยอมเสียเงิน 200-300 เองตอนนี้
เดี๋ยวปลายปีก็ได้ 1000 บาทคืนจาก กทม. เพราะไม่มีประวัติไปใช้ 30 บาท ที่โรงพยาบาล
บ้างก็ว่า..ไม่ดีซิ ประชาชนดูแลสุขภาพ ประชาชนก็ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ทำไมต้องเอาเงินไปแจกอีก
บ้างก็ว่า..ไม่ดีซิ เจ็บป่วยอะไรแทนที่จะรีบมาหาหมอกัน สุดท้ายเงินแก่เงิน 1000 บาทที่จะได้เลยไม่ไปหาเลย
บ้างก็ว่า.. เอาเงินส่วนนี้ไปพัฒนาโรงพยาบาลให้ใหญ่ขึ้นรองรับได้มากขึ้นดีกว่าไหม
บ้างก็ว่า.. ถ้าไม่มีแรงจูงใจ คนไทยไม่ทำกันหรอก ยอมเสียแค่นี้ ผลประโยชน์ที่คนดูแลสุขภาพหรือลดภาระของโรงพยาบาลมันเทียบกันไม่ได้เลย
สีลม... ประชาชนคนทำงาน
สินธร..มุมมองนักเศรษฐศาสตร์
สวนลุม..โรงพยาบาล
ปล.โปรดวิเคราะห์ด้วยผลประโยชน์ของประเทศชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของการเมือง กราบขอบพระคุณ
การที่ กทม. จะแจกเงินให้กับคนที่ไม่ป่วยเลยทั้งปี 1000 บาท ว่าไงกันบ้างครับ
ไหนจะช่วยให้แพทย์ พยาบาล งานน้อยลดโหลดลงไปได้มากอีก
บ้างก็ว่า..ดีสิ คนเจ็บป่วยน้อยๆจะได้ไม่ต้องไปโรงพยาบาล ไปคลีนิคดีกว่า ยอมเสียเงิน 200-300 เองตอนนี้
เดี๋ยวปลายปีก็ได้ 1000 บาทคืนจาก กทม. เพราะไม่มีประวัติไปใช้ 30 บาท ที่โรงพยาบาล
บ้างก็ว่า..ไม่ดีซิ ประชาชนดูแลสุขภาพ ประชาชนก็ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ทำไมต้องเอาเงินไปแจกอีก
บ้างก็ว่า..ไม่ดีซิ เจ็บป่วยอะไรแทนที่จะรีบมาหาหมอกัน สุดท้ายเงินแก่เงิน 1000 บาทที่จะได้เลยไม่ไปหาเลย
บ้างก็ว่า.. เอาเงินส่วนนี้ไปพัฒนาโรงพยาบาลให้ใหญ่ขึ้นรองรับได้มากขึ้นดีกว่าไหม
บ้างก็ว่า.. ถ้าไม่มีแรงจูงใจ คนไทยไม่ทำกันหรอก ยอมเสียแค่นี้ ผลประโยชน์ที่คนดูแลสุขภาพหรือลดภาระของโรงพยาบาลมันเทียบกันไม่ได้เลย
สีลม... ประชาชนคนทำงาน
สินธร..มุมมองนักเศรษฐศาสตร์
สวนลุม..โรงพยาบาล
ปล.โปรดวิเคราะห์ด้วยผลประโยชน์ของประเทศชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของการเมือง กราบขอบพระคุณ