ก่อนอื่นเราอยากจะบอกว่า สิ่งเหล่านี้เปนความศรัทธาและความมเชื่อของเราเอง ตัวเรานับถือพุทธ ไปวัดและทำทุกอย่างในวันสำคัญทางศาสนาทุกอย่าง เมื่อก่อนเราจะไม่เคยสนใจศาสนาอื่นนอกจากพุทธ แม้แต่ศาสนาคริสต์ <อันนี้ต้องขอโทษชาวคริสต์ทุกคน>เรามองศาสนานี้ว่าเปนเรื่องที่ประหลาด เชื่อในพระเจ้าพระเยซู ซึ่งมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รุ้ มีเพื่อนๆที่เปนคริสต์ก็พาเราเข้าไปร่วมพิธีของทางศาสนา เราก็ไปนะแต่ก็เฉยๆ มีมาชวนเราก็เฉยๆ เพราะคิดว่าศาสนาเราดีที่สุดแล้ว จนกระทั่งมีเหตุ ทำให้เรารู้ว่ามีบางสิ่งไม่ทอดทิ้งเรา เราตกงานมาเกือบ3เดือน ไปสมัครงานที่ไหนก็ใช้เส้นกันบ้าง คนเต็มบ้าง สิ่งที่เราทำได้ก็คือเปนฟรีแล๊นส์ ซึ่งรายได้ก็ไม่ได้มากมายอะไรแต่พอที่จะมีพอใช้ได้บ้าง เรารู้สึกท้อแท้และเหนื่อย ไปไหว้พระขอพรรู้สึกว่าสิ่งที่เราขอจากท่านมันยากจัง จนกระทั่งวันนี่งเราเดินไปเจอผู้ชายคนนึ่งซึ่งเค้าเปนเจ้าของร้านอาหารในย่านของถิ่นคนรวย ผู้ชายคนนี้คุกเข่าต่อหน้ารูปปั้นผู้หญิง ในมือของผู้ชายคนนี้ถือลักษณะเหมือนสร้อย นั่งคุกเข่านานมาก เราผ่านไปเราก็จะเห็นเสมอ มีอยู่คืนนืงเราก็เดินผ่านตรงนี้แต่ไม่เห็นผู้ชายคนนี้มาคุกเข่าเหมือนเคยเพราะว่าร้านปิดแล้วเวลานั้นประมาณเกือบสี่ทุม เราก็ยืนมองรูปปั้นนั้น คิดในใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้คือใครทำไมหน้าตาใจดีจัง เราก็เลยยกมือไหว้และลองขอดูบ้าง ขอให้เราได้งานและได้งานที่ใกล้บ้าน แล้วเราก็เดินกลับบ้าน ไม่เคยติดใจว่าจะต้องได้ตามที่ตัวเองขอ จนกระทั่งมีโทรศัพท์จากเพื่อน เพื่อนบอกให้เราเข้าไปคุยกับเจ้านายเค้าเรารู้สึกดีใจมากและที่สำคัญมันใกล้บ้านเรา เราดีใจและเราก็ได้ทำงานที่นั่นจนถึงบัดนี้ เรานึกถึงผู้หญิงคนนั้นขี้นมาทันทีและไปเลาให้เพื่อนฟัง เพื่อนเราททำงานแถวนั้นเค้าบอกว่า รูปปั้นนั้นเปนรูปปั้นพระแม่มารีย์ ของคริสต์ เราก็ไม่รู้จักหรอกรู้ก็คือพระเยซูเท่านั้น หลังจากนั้นเราก็ไปเปิดหาข้อมูลในกูเกิ้ล และก็ได้รู้จักกับพระแม่มารีย์เยอะขึ้น เกือบ5ปีหลังจากที่เราขอพรจากท่าน เราตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาเมื่อไม่นานนี้เอง เราเริ่มหาที่เรียนคำสอนเดินเข้าไปถามที่โบสถ์ว่าเรียนที่ไหน เค้าแนะนำให้เรามาเรียนที่อัสสัมชัญ ระยะเวลาเรียนเกือบปี แรกๆเข้าไปเรารู้สึกว่าทำไมเค้าสอนไม่เน้นความ งมงาย มีให้คิดแบบวิทยาศาสตร์ด้วย มีแง่คิดต่างๆ เวลาเข้าโบถส์ก็รู้สึกว่าสงบ ไม่ได้แตกต่างจากพุทธเลย แต่ความศรัทธาในใจเราได้ให้กับศาสนาคริสต์ไปแล้ว เรารู้สึกชื่นชมพระเยซูที่ท่านไม่ได้รู้สึกโกรธคนที่ทำร้ายท่านและตอกตะปูท่านบนไม้กางเขน กลับให้อภัยทุกคน มันไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่จะไม่โกรธเวลาที่ใครมาำทำให้เราเจ็บ รู้สึกรักแม่พระเพราะท่านเปนคนที่จิตใจดีงาม การเปลี่ยนศาสนาของเราจึงเปนสิ่งที่เรารักและศรัทธา จนมาถึงวันนี้เราได้ผ่านการเรียนคำสอนตามที่เค้ากำหนด รู้สึกดีใจที่เราได้เปนลูกแกะของพระองค์ ตอนนี้เรากำลังหาชื่อนักบุญ และพ่อแม่ทูนหัว ชื่อนักบุญคงเปนมารีอา เพราะเราเปนผู้หญิงแต่เราอยากมีนักบุญชายอีกคน เราอยากจะบอกทุกคนที่อยากเปลี่ยนศาสนา ทุกศาสนาดีหมด ไม่มีศาสนาไหน ให้ไปทำร้ายผู้อื่น แต่ความรักและความศรัทธาขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า เราใช้เวลาในการตัดสินใจเกือบ5ปี และเราก็รู้ว่าสิ่งที่เรารักคือพระเจ้า พระเยซู และแม่พระ ถึงแม้ว่าบางคนจะบอกว่า เคยเห็นเหรอ มีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็เหมือนตอนเราเปนพุทธเราก็คิดนะ พระพุทธเจ้ามีจริงเหรอใครเคยเห็นหน้าตาที่แท้จริง คลอดมาเดินได้7เก้าเลยเหรอ แต่นั่นคือความศรัทธา ของแต่ล่ะบุคคล............
ดีใจมากกับการตอบรับของพระเจ้า