:: กระทู้เครื่องเสียง :: เครื่องเสียง .... การถ่ายทอดสุนทรียศาสตร์ทางเสียง

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ ผม Partita ขอเสนอสาระความรู้ในอีกด้านหนึ่ง นอกเหนือจากด้านดาราศาสตร์นะครับ

กระทู้นี้จะขอเสนอเรื่อง "เครื่องเสียง การถ่ายทอดสุนทรียศาสตร์ทางเสียง" ครับ
เครื่องเสียง เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เกือบทุกท่านจะต้องเคยสัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรงคือท่านที่เล่นเครื่องเสียง
แบบจริงจัง และทางอ้อมคือท่านที่ฟังเพลงจากแหล่งทั่วไป เช่น วิทยุ MP3 Smartphone คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
ในกระทู้นี้จะเสนอตั้งแต่แหล่งกำเนิดของเสียงเพลง ประเภทต่าง ๆ ของเครื่องเสียง และความ "อลังการ" ของเครื่องเสียงครับ

การบันทึกเสียง ... จุดเริ่มต้นของเสียงเพลง
   การบันทึกเสียง (Recording) เป็นจุดเริ่มต้นของเสียงเพลงทุกเพลงที่เราฟังกันครับ เป็นขั้นตอนการบันทึกเสียงดนตรี เสียงร้อง
และทำการ mix เข้าด้วยกัน จะดำเนินการในสถานที่เฉพาะที่เรียกว่า Studio ซึ่งเป็นห้องที่ออกแบบสร้างพิเศษ
คือมีคุณสมบัติในการเก็บเสียงด้วยอุปกรณ์เก็บเสียงต่าง ๆ เพื่อขจัดการสะท้อนของเสียงทั้งหมด
หรือ อาจกระทำใน Concert Hall ตามปกติเลยก็ได้ เพื่อความสมจริงในการถ่ายทอดเสียงครับ
เพลงที่บันทึกใน Studio ส่วนมากเป็นดนตรีที่ฟังกันทั่วไป คือ Pop , Rock , Jazz ส่วนที่บันทึกใน concert hall ก็จะเป็น
ประเภทเพลงคลาสสิค ตั้งแต่ Chamber Orchestra ไม่กี่ชิ้นไปจนถึง Symphony Orchestra 40 50 ชิ้นเครื่องดนตรี

   การบันทึกเสียง จะดำเนินการโดย recording engineer หรือ sound engineer เป็นการใช้เครื่องมือบันทึกทั้งหลาย
ทำงานร่วมกับ producer โดยที่ producer จะเป็นผู้กำหนดแนวเพลง การร้อง และอาจให้คำแนะนำกับ engineer ด้วยครับ
ส่วนในการ produce เพลงคลาสสิค นั้น conductor (วาทยากร) จะเป็นผู้กำหนดแนวการบรรเลง การร้อง ทั้งหมดครับ
โดยมี engineer ควบคุมการบันทึกเพียงอย่างเดียว ส่วน producer จะแค่ควบคุมการบันทึกโดยรวม

ภาพ Recording Studio


ภาพการบันทึก Orchestra ใน Studio


การบันทึก Orchestra ใน Concert Hall



อุปกรณ์ใน Recording Studio
อุปกรณ์บันทึกเสียงยุคปัจจุบันจะเป็นระบบรวมลักษณะ All in one มักเรียกว่า Digital audio workstation (DAW)
ประกอบด้วยอุปกรณ์ Input , Mixer , Recoder และมี software ควบคุมเบ็ดเสร็จ ตามภาพล่างนี้ครับ



เครื่องเสียง ... การถ่ายทอดสุนทรียภาพทางดนตรี
   เครื่องเสียง คือชุดของอุปกรณ์สำหรับถ่ายทอดเสียงเพลงจาก Media ใด ๆ ของเรา ซึ่ง media นั้น
ในอดีตก็จะเป็นแผ่นเสียง (Vinyl) , tape cassette , CD และปัจจุบันก็เก็บเป็นไฟล์ใน HDD , Flash drive , memory card

ภาพ tape cassette หลายแบบ ทั้งแบบ normal , High position
และ Metal (ซึ่งตอบสนองความถี่สูงได้ดี) สมัยก่อนนิยมกันมาก
(ภาพนี้นำมาให้รำลึกความหลังโดยเฉพาะ)


ชุดอุปกรณ์ในระบบเครื่องเสียงจะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
1. อุปกรณ์ Playback หรือ Source
2. อุปกรณ์ขยายเสียง Amplifier
3. ลำโพง Speaker

1. อุปกรณ์ Playback หรือ Source
  Source คืออุปกรณ์ทำหน้าที่เล่นกลับ (playback) เสียงจากแหล่ง media เช่น แผ่น CD , DVD , Blu-ray ฯลฯ
Source ในปัจจุบันนี้ ที่เราเห็นและรู้จักกันมานานแล้วก็คือ CD player ต่อมาก็เป็นพวก VCD , DVD และ Blu-ray player
และในปัจจุบันนี้เนื่องจากมีระดับการ "เล่น" เครื่องเสียงที่แตกต่างกัน จึงมีผู้ผลิต source มา 2 แบบหลัก ๆ คือ
DVD/Blu-Ray player   และ   Audio disc player
หากท่านไปเดินตามห้าง ท่านจะเห็นแต่ DVD/Blu-ray player หรือ CD player บางรุ่นเท่านั้น เพราะมีผู้เล่นอุปกรณ์แบบนี้มากมายครับ
มันเล่นได้ทั้ง CD เพลง แผ่นภาพยนต์ VCD , DVD และ Blu-Ray และบางรุ่นยังมีที่เสียบ USB เพื่อเล่นไฟล์ใน flash drive ได้
ราคาเครื่องแบบนี้เริ่มต้นที่พันบาทต้น ๆ เท่านั้น (DVD player) ไปจนถึง 5 - 7,000 บาท (Blu-ray player)
brand ของเครื่องแบบนี้ก็รู้จักกันดี เช่น SONY , Samsung , Pioneer , Philips , LG , Oppo และของไทยเช่น AJ , Soken

ส่วน Audio disc player คืออุปกรณ์สำหรับ "นักเล่น" โดยเฉพาะ มันสามารถเล่นได้เฉพาะแผ่น audio เท่านั้น
เช่น CD , SACD , HDCD แต่....มันถูกออกแบบมาอย่าง "เยี่ยมยอด" จนถึง "สุดขั้ว" ครับ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า เป็นการผลิตที่ยึดหลักความสุดยอดทุกอย่างทางวิศวกรรม ทั้งอุปกรณ์ภายใน ภายนอก การออกแบบ
และที่สำคัญคือ "Brand" ,,เครื่องพวกนี้จะให้เสียงที่ดี และ ถูกต้องที่สุดในการถ่ายทอดจากต้นฉบับ (จากแผ่น media นั้น ๆ )
ขอเน้นว่า การออกแบบจะเน้นที่การถ่ายทอดจากแผ่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตามปรัชญาของนักเล่นเครื่องเสียงครับ
ราคาของเครื่องประเภทนี้จะสูงม๊ากกกก เริ่มต้นก็ 15,000 ไปจนถึง 500,000 บาท (ห้าแสนบาท) หรือเฉียดล้านบาท
** ประเด็นราคาแสนแพงนี่แหละ ที่เป็นประเด็นดราม่าในหลายกระทู้ครับ
    เพราะคนส่วนใหญ่จะเห็นว่ามันแพงเว่อร์มาก
    แต่ในบอร์ดแวดวงนักเล่นเครื่องเสียงแล้ว ราคาจะไม่ใช่ประเด็นเลย ไม่มีดราม่า **


ตัวอย่าง Source ระดับ Hi-end สำหรับนักเล่นกระเป๋าหนัก

Moon CD-650D CD Player
เป็นผลิตภัณฑ์ของ SIM Audio ประเทศ Canada ครับ เป็น CD Player ชั้น Hi-end ... ราคาเครื่องละ 310,000 บาท



Accuphase DP-900 & DC-901 Disc transport & DIGITAL PROCESSOR ... ราคาคู่ละ 900,000.- (เก้าแสนบาท)
เป็นผลิตภัณฑ์ของ Accuphase ประเทศญี่ปุ่น นี่คือคู่หูอันแสนแพงและ (น่าจะ) ดีที่สุดในโลกครับ
DP-900 และ DC-901 เป็นคู่ของ Transport และ Processor ตัว DP-900 คือ CD/SACD Transport
ซึ่งเป็นเครื่องเล่นแผ่นอย่างเดียว และส่งเป็นสัญญาณ Digital ออกไปเท่านั้น
ส่วน DC-901 คือ Digital Processor ซึ่งจะรับเอาเฉพาะสัญญาณ Digital จาก DP-900 (หรือ Transport ยี่ห้ออื่นรุ่นใดก็ได้)
มาประมวลผล และให้ output ออกเป็นสัญญาณเสียง 2 ช่อง (ซ้าย ขวา)



2. อุปกรณ์ขยายเสียง (Amplifier)
  Amp เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่ขยายสัญญาณเสียงจาก source โดยจะขยายสัญญาณขนาดต่ำประมาณ 200 mV
ให้แรงขนาดขับลำโพงได้ กลายเป็นเสียงดนตรีให้เราฟัง ,Amp ที่มีขายในท้องตลาดก็มีการแบ่ง grade เช่นเดียวกับ source ในข้อ 1.
คือ Amp แบบธรรมดาทั่วไปราคาหลักพัน ไปจนถึง Amp ระดับ Hi-end ราคาหลายแสนบาท (อีกแล้ว)
และเช่นกันครับ หากท่านไปเดินตามห้าง ท่านจะเห็น Amp ใน 3 รูปแบบ คือ .....

- Integrated Amplifier แบบนี้จะขยายเสียงอย่างเดียว
- Mini Component (เรียกย่อกันว่า มินิคอมโป) เป็นทั้ง source และ Amp พร้อมลำโพงในตัวเสร็จ
- ชุด Home Therter คล้ายกับ Mini Compo แต่เล่นแหล่งภาพได้ (VCD , DVD , Blu-ray)
  พร้อม Amp และลำโพง

ภาพตัวอย่างอุปกรณ์ 3 อย่างด้านบน


Brand ของเครื่อง 3 แบบข้างบนนี้ ก็เหมือนกับในข้อ 1. ครับ รู้จักกันดีอยู่แล้ว

ส่วนในวงการนักเล่นระดับ Hi-end แล้ว Amp จะเป็นรูปแบบที่ต่างจาก 3 แบบข้างต้น คือจะเป็น Integrated Amp และ Pre - Power Amp
2 แบบนี้เท่านั้น แต่จะออกแบบผลิตใน concept เช่นเดียวกับ source ในข้อ 1.
คือจะขยายสัญญาณเพียงอย่างเดียวโดยไม่ปรับแต่งใด ๆ เลย ที่ตัวเครื่องจะไม่มีปุ่มปรับทุ้ม-แหลม (Bass - Treble)
มีเพียงปุ่มปิดเปิด ปุ่ม Volume และปุ่มเลือก source เท่านั้น ,,ราคาของเครื่องเกรดนี้ก็แพงมากเช่นกัน

:: ขยายความ ::
Pre amp คือ เครื่องขยายสัญญาณขั้นต้น โดยจะรับสัญญาณจาก source ทั่วไป หรือ source สัญญาณต่ำมากอย่างเครื่องเล่นแผ่นเสียง
             โดย pre amp จะขยายสัญญาณและส่งต่อให้กับ Poweramp อีกที
Power Amp คือ เครื่องขยายกำลัง โดยจะรับสัญญาณจาก pre amp และขยายให้แรงขึ้นมากพอที่จะขับลำโพงได้
                 โดยจะมีอุปกรณ์อิเลคโทรนิคแบบขยายกำลัง เช่น power transister , power MOSFET หรือ หลอดสูญญากาศ
Integrated Amp คือ เครื่องที่รวมเอาภาค pre amp กับ power amp ใว้ในตัวถังเดียวกัน


2 ประเภทใหญ่ของ Amplifier
  Amp นั้นแบ่งตามเทคโนโลยีของอุปกรณ์ได้ 2 แบบ คือ แอมป์หลอด (Tube Amplifier)  และ  แอมป์โซลิตเสตท (SolidState Amplifier)
แอมป์หลอด เป็น amp ที่ใช้หลอดสูญญากาศในการขยายสัญญาณ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานกันมาในยุคแรกของเทคโนโลยี
ตั้งแต่สมัยยุคปี 40 ,,ต่อมาอีกประมาณ 10 กว่าปีได้มีการคิดค้นพัฒนา Transistor จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแอมป์โซลิตเสตท
คำว่า Solid state นั้นหมายถึง "สารกึ่งตัวนำ" คืออุปกรณ์พวก transistor , MOSFET ปัจจุบันนี้ราคาของอุปกรณ์ solid state
นั้นถูกมาก ดังนั้น amp ทั่วไปในระดับราคาปกติจึงล้วนแต่ใช้ solid state ทั้งสิ้น

  ที่น่าแปลกใจคือ ปัจจุบันเครื่องเสียงระดับ Hi-end มีการออกแบบผลิตทั้ง solid state และ หลอด
โดยนักเล่นส่วนหนึ่งกลับนิยมเสียงจากเครื่องเสียงหลอด เพราะให้เสียงที่เป็นธรรมชาติ หวานละมุน สามารถถ่ายทอดเสียงร้อง
ได้อย่างหวานเจี๊ยบ

ภาพของ หลอด  และ  Solid state



ตัวอย่าง Ampplifier ระดับ Hi-end ราคาสุดขั้ว

Pass Labs 350.5 Power Amplifier .... ราคาตัวละ 420,000.-  บาท
Pass Labs เป็นบริษัทเครื่องเสียง Hi end ในอเมริกา ก่อตั้งในปี 1991 โดยวิศวกรชื่อดัง Nelson Pass
ผลิต Solid State Amplifire เพียงอย่างเดียว ... รุ่น 350.5 นี้ เป็นผลิตภัณฑ์ใน Pass X.5 series
โดยรุ่นนี้เป็นที่นิยมและโหยหากันมาก เพราะความหนักแน่นจากกำลังขับมหาศาลไม่เกรงกลัวลำโพงหน้าใหน
ขณะเดียวกันก็ให้เสียงที่หวานละมุนจากวงจร driver Single-end Class A



Cary Audio CAD 805 AE (Anniversary Edition) ... ราคาคู่ละ 650,500.- บาท
Cary Audio Design เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องเสียง Hi end จากอเมริกา กำเนิดในปี 1989
แรกเริ่มผลิตแต่เครื่องเสียงหลอด และต่อมาก็ลงผลิตในตลาด Home Thertre ด้วย
CAD 805 นี้เป็น Power Amp. หลอดแบบ Class A Single end - Triode (รูปแบบการจัดวงจร)
ให้กำลังขับ 50 วัตต์ ใช้หลอด Power Triode เบอร์ 805 ทำงานร่วมกับหลอด input 6SN7
และหลอด driver 300B ... ให้เสียงโอ่โถง หวานหยดย้อยจากหลอด driver เบอร์ 300B
และหนักแน่นด้วยกำลัง 50 วัตต์จากหลอด power เบอร์ 805
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่