เกาะตาชัย เป็นเกาะหนึ่งในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ถูกตั้งชื่อตามผู้ที่ค้นพบครั้งแรก คือ "ตาชัย" ชาวท้องถิ่นรู้จักกันดีในชื่อ "เกาะ 9" เกาะตาชัยนั้นมีความบริสุทธิ์และสวยงามเป็นอย่างมาก ธรรมชาติบนเกาะตาชัยนั้นยังสมบรูณ์อยู่มาก จนทำให้ผู้ที่เคยไปสัมผัสแล้วต้องหาโอกาสไปอีกรอบ ซึ่งเกาะตาชัยนั้นจะมีช่วงเวลาเปิดเกาะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมในช่วงเดือน หลังจากนั้นจะเข้าสู่ช่วงมรสุมจึงเป็นโอกาสดีที่จะปิดเกาะให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูตัวเอง
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่หลงไหลในความงามของเกาะตาชัย จึงได้หาโอกาสไปพักผ่อนกันที่เกาะตาชัยสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยฤกษ์งามยามดี คือ วันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2557 แต่อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 นั้นตรงกับวัน มาฆบูชา และ วันวาเลนไทน์ พอดิบพอดี ซึ่งเป็นวันหยุดของหลายๆบริษัทและหน่วยงานต่างๆ พวกเขาจึงได้ถือโอกาสนี้มาเที่ยวเกาะตาชัยเป็นจำนวนมาก จึงทำให้หามุมส่วนตัวได้ลำบากสักหน่อย แต่ด้วยความยาวของหาดตาชัย ที่มีความยาวประมาณ 700 เมตร จึงทำให้ไม่เป็นปัญหาเท่าไรนัก
ในการเดินทางไปเกาะตาชัยนั้น เราเลือกเดินทางไปกับสายการบินนกแอร์ ด้วยที่นั่งที่สะดวกสบาย น้ำหนักกระเป๋าที่โหลดได้เยอะพอสมควร (เอาเข้าจริงๆก็ใช้ไม่ถึง) และ ที่สำคัญพนักงานต้อนรับหน้าตาดีทุกคน (อันนี้ไม่เกี่ยว)
เราเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 9.35 น นั่งพักรับประทานอาหารเช้าที่สนามบิน จากนั้นก็จิบกาแฟอุ่นๆสักแก้วที่ Starbucks เหลือบไปดูที่นาฬิกาข้อมือก็จวนถึงเวลาที่จะต้องขึ้นเครื่องแล้ว
เมื่อนำเครื่องขึ้นเรียบร้อยแล้วพนักงานก็นำอาหารว่างมาเสริฟ เมื่อทานเรียบร้อยแล้วหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนแล้วก็เผลอหลับไป เมื่อเครื่องลดระดับความสูงจาก 30,000 ลงมา ก็ทำให้เรารู้สึกตัวและตื่นขึ้นมา สักครู่หนึ่งก็เริ่มเห็นขอบฝั่งตัดกับน้ำทะเล เป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงสนามบินภูเก็ตแล้ว
เรามาถึงสนามบินภูเก็ตประมาณ 12.00 จากนั้นจึงใช้บริการแท๊กซี่ของสนามบิน ค่าใช้จ่าย 1,800 บาท เป็นรถยนต์โตโยต้า Camry แอร์เย็นฉ่ำ นั่งสบาย เพื่อไปลงยังท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ซึ่งอยู่ถัดจากเขาหลักมาประมาณ 20 กิโลเมตร ที่เราเลือกพักบริเวณท่าเรือบ้านน้ำเค็มก็เพราะว่าจากที่นี่ใช้เวลาเพียง 45 นาทีก็จะถึงเกาะตาชัย (ขี้เกียจตื่นเช้านั่นเอง)
จากสนามบินภูเก็ตมาท่าเรือบ้านน้ำเค็มเราแวะปั๊ม 2 ครั้ง ขับที่ความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เรามาถึงที่หมายในเวลา 14.14 น สรุปแล้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อถึงท่าเรือบ้านน้ำเค็มแล้วเราได้ข้ามไปยัง เกาะคอเขา เพื่อไปยังที่พัก ค่าใช้จ่ายสำหรับเรือข้ามฝาก หากมีสัมภาระ 20 บาท ไม่มีสัมภาระ 10 บาท ต่อ 1 คน
เกาะคอเขา เป็นสถานที่ที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว รีสอร์ทดังๆของที่นี่ก็มี เกาะคอเขารีสอร์ท อีกแห่งหนึ่งจำชื่อไม่ได้ แต่เราเลือกพักที่ Tacola Resort & Spa ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรงแรมระดับ 5 ดาว แต่ก็เพียงพอสำหรับการพักผ่อน ราคา 2 คืนประมาณ 5,600 บาท เนื่องจากเราตัดสินใจแล้วว่าจะไปเที่ยวเกาะตาชัย ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในที่พักสักเท่าไร เมื่อข้ามเรือมาถึงฝั่งเราก็โทรแจ้งทางโรงแรมให้เอารถมารับ หรือ จะเดินไปชิลๆ ก็ได้ 1 จากท่าเรือกิโลเมตรโดยประมาณ
เมื่อเช็คอินเรียบร้อย ก็ขนสัมภาระเข้าห้อง ห้องพักของ Tacola Resort & Spa นั้นกว้างขวางพอสมควร
อาบน้ำเปลี่ยนชุด เพื่อไปถ่ายรูปเล่นที่ชายหาด สำหรับชายหาดของเกาะคอเขานั้นมีความสวยงามพอๆกับชายหาดของภูเก็ต สามารถลงเล่นน้ำได้ไม่ได้ขี้เหร่สักเท่าไร อ้ะถ่ายทำไม! ยังไม่พร้อมเลย
เดินถ่ายรูปเล่นได้สักพักก็หมดไปอีกหนึ่งวัน พอค่ำๆ ก็ออกมาดินเนอร์ที่บริเวณท่าเรือ ร้านอาหารที่นี่มีให้เลือกหลายร้าน มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารอิตาเลียน ลูกค้าเกือบ 100% เป็นชาวต่างชาติ แทบจะไม่มีคนไทยมาพักที่เกาะคอเขาเลย สำหรับมือเย็นนั้นเราจำไม่ได้จริงๆ ว่าถ่ายรูปไว้ในกล้องตัวไหน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ หาเจอจะมาแปะให้ สำหรับร้านที่เราทานมือเย็นเป็นร้านทางขวามือติดกับท่าเรือ รสชาติอาหารผมให้ผ่าน ร้านนี้ราคาไม่แพง แต่ความสวยงามของอาหารยังทำได้ไม่ดีเท่าไร
14 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่เราจะเดินทางไปยัง เกาะตาชัย ทัวร์ของ ซีสกาย (SeaSky) นัดเราไว้ที่ front ของโรงแรมตอน 8.00 น สำหรับราคาทัวร์ มารับที่เขาหลัก 2,200 บาท มารับที่ ภูเก็ต 2,000 บาท ถ้าบอกว่ารู้จักมาจาก ตาชัยดอทเน็ต จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีกเล็กน้อย (แต่ผมซื้อผ่านโรงแรมโดนค่านายหน้าไป 400 บาทต่อหนึ่งคน) ซึ่งเราก็ตื่นประมาณ 7.00 น เพื่อมารับประทานอาหารเช้า อาหารของ Tacola เป็นแบบบุฟเฟต์ กินได้จนกว่าจะอิ่ม ไม่ต้องเผื่อให้อาหารปลานะ
เมื่อถึงเวลาเราก็ข้ามเรือจาก เกาะคอเขา มาที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม โดยปกติแล้วทัวร์ของ ซีสกาย (SeaSky) จะนั่งเรือออกจากที่นี่เลย ซึ่งใช้เวลาเดินทางไปเกาะตาชัยเพียง 45 นาที แต่วันนี้เป็นโชคไม่ดีของเราเนื่องจากข้อเหวี่ยงของเรือสปีดโบ๊ทเสียพอดี เราจึงต้องนั่งรถ (นั่งฟรีไปกับไกด์นี่ละ) ย้อนขึ้นมาขึ้นเรือสปีดโบ๊ทอีกลำที่ ท่าเรือเตาถ่าน (อยู่ใกล้ๆกับเขาหลัก) แต่มันก็ทำให้เราได้รู้จักท่าเรือเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอยู่หลายทัวร์ที่ออกเรือจากที่นี่ เมื่อมาถึงท่าเรือทางบริษัททัวร์เกาะตาชัย โดย ซีสกาย ก็ให้เรากรอกชื่อ-นามสกุล เพื่อทำประกัน
9 โมงกว่าๆ เป็นเวลาอันสมควรแล้ว ที่เราจะต้องเดินทางไปยัง เกาะตาชัย งานนี้ผมขอขับเอง
เมื่อถึงชายหาด คุณจอย ไกด์สาวสวยของเรา ก็พาไปยังเส้นทางชมธรรมชาติ เพื่อค้นหา "ปูไก่" พระเอกของเรา โดยปกติแล้วเส้นทางนี้ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที แต่เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็เจอ ปูไก่ ซะแล้ว "นี่ยังเป็นตัวเล็กๆนะ ยังมีตัวใหญ่กว่านี้อีก" ไกด์จอยกล่าว ได้รูป ปูไก่ แห่งเกาะตาชัย มาหลายรูป จึงทำให้ผมตัดสินใจ ไปที่ชายหาด บ้ายบายก่อนนะเส้นทางชมธรรมชาติ ชายหาดขาวๆรออยู่
อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่าวันนี้เป็นวันมาฆบูชา มีหลายหน่วยงานที่หยุดในวันนี้ ทำให้ เกาะตาชัย มีนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ มีไกด์ท่านนึงบอกว่า "เกิดมาเพิ่งเคยเห็นเกาะตาชัยคนเยอะขนาดนี้" เราจึงได้ภาพของเกาะตาชัยมาในอีกมุมหนึ่ง
12.00 น เราก็หยุดถ่ายรูปมารับประทานอาหารกลางวัน อาหารที่ทาง ทัวร์เกาะตาชัย ซีสกาย (SeaSky) เตรียมไว้ให้รสชาติดีเลยทีเดียว กินอิ่มหนังท้องตึง เราก็กลับมาเก็บภาพบนชายหาดอีกสักพัก จากนั้นก็ขึ้นไปยังจุดชมวิวของ เกาะตาชัย ทางเดินขาขึ้นและขาลงเป็นทางลาดชัน คุณผู้หญิงสามารถใช้เวลาในการเดินไป-กลับประมาณ 30 นาที น่าเสียดายเป็นอย่างมากที่เลนส์ 18 mm ของผม และ เวลาที่เหลือสำหรับการถ่ายรูปไม่ถึง 5 นาที ทำให้เราไม่สามารถเก็บภาพสวยๆมาได้มากนัก
13.44 น เราก็เดินกลับลงมาถึงเรือสปีดโบ๊ท เพื่อไปยังจุดดำน้ำที่ 1 บริเวณ เกาะตาชัย สำหรับปะการังและสัตว์น้ำในบริเวณนี้ มีน้อยพอสมควร ปะการังเพิ่งจะแตกหน่อ อาจจะไม่ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำสักเท่าไหร่ ในจุดนี้มีเวลาให้เราดำน้ำอยู่ 45 นาที
14.29 น ก็ได้ย้ายย้ายจุดดำน้ำไปยังจุดดำน้ำที่ 2 ของเกาะตาชัย แต่ในระหว่างเรา เราก็เจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน แรกเห็นก็นึกว่าปลาโลมาออกมาเล่นคลื่น แต่พอเห็นหลังดำๆ ขนาดใหญ่กว่าเรือสปีดโบ๊ทขนาดสองเครื่องเท่านั้นละ รู้เลยว่าเป็นปลาวาฬ ทัวร์ต่างๆ ก็สื่อสารกันผ่านวิทยุสื่อสาร เพื่อขับตามปลาวาฬไปให้ลูกทัวร์ได้เห็นกันอย่างใกล้ชิด มองรายรอบก็เห็นเรือสปีดโบ๊ทของทัวร์ต่างๆ เช่น เลิฟอันดามัน ซีสตาร์ เป็นต้น ด้วยความกระทันหันทำให้ผมไม่สามารถหยิบกล้อง DSLR ทัน ทำได้เพียงใช้ Nikon AW100 จับภาพเจ้าปลาวาฬมาได้เพียงเท่านี้
เมื่อเจ้าปลาวาฬออกห่างไปพอสมควร เราก็ตัดใจเดินทางไปยังจุดดำน้ำที่ 2 ต่อไป
จุดดำน้ำที่ 2 มีความสวยงามมากกว่าจุดดำน้ำที่ 1 เล็กน้อย มีปะการังที่เริ่มแตกหน่อ และ ปลาสวยงามอยู่พอสมควร
15.30 ก็ได้เวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับเข้าฝั่ง น่าเสียดายที่ไม่ได้รูปพระอาทิตย์ตกดิน เพราะ ผมไม่ได้นอนค้างคืนที่เกาะตาชัย (หากจะนอนต้องขออนุญาตกางเต้นท์) หรือไม่ก็ต้องไปดำน้ำแบบ scuba จนเย็นๆ แล้ว ขอให้ทัวร์แวะที่ฝั่งสักแปปนึงเพื่อถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน
17.00 น เราก็เดินทางกลับมาถึงฝั่งโดยปลอดภัย และ นั่งรถกลับมาท่าเรือน้ำเค็มกับทัวร์ ซีสกาย (SeaSky) เลยขอเก็บภาพไกด์และสตาฟเป็นที่ระลึก น้องสตาฟผู้ชายสองคนดูเกร็งๆ สงสัยจะอายกล้อง
15 กุมภาพันธ์ เราก็ตื่นเช้ามาทานอาหาร เดินผ่านสระน้ำของโรงแรม Tocola เลยเก็บภาพมาสักหน่อย
เมื่อทานอาหารเช้าจนอิ่มแล้ว เราก็เช็คเอ้าท์แล้วข้ามเรือกับมายัง ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะหาแท๊กซี่เพื่อนั่งจาก ท่าเรือบ้านน้ำเค็มออกไปยังปากซอย บางม่วง แต่บังเอิญว่าพนักงานของโรมแรง Tacola จะออกไปปากซอยพอดี เลยรับผมออกไปด้วย
มาถึงปากซอยเราก็ข้ามฝั่ง มานั่งรอรถทัวร์ที่จะไปภูเก็ต รถทัวร์ทุกคัน ที่ผ่านถนนเส้นนี้ มุ่งหน้าไปภูเก็ต ถ้าไม่มั่นใจก็ให้อ่านป้ายและถามกระเป๋าก่อนก็ได้ สำหรับค่าโดยสารจาก บางม่วง ไปยัง ภูเก็ต คนละ 130 บาท
[CR] รีวิว ตาชัย, เกาะตาชัย ในวันวาเลนไทน์ ไปกับทัวร์ SeaSky ซีสกาย
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่หลงไหลในความงามของเกาะตาชัย จึงได้หาโอกาสไปพักผ่อนกันที่เกาะตาชัยสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยฤกษ์งามยามดี คือ วันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2557 แต่อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 นั้นตรงกับวัน มาฆบูชา และ วันวาเลนไทน์ พอดิบพอดี ซึ่งเป็นวันหยุดของหลายๆบริษัทและหน่วยงานต่างๆ พวกเขาจึงได้ถือโอกาสนี้มาเที่ยวเกาะตาชัยเป็นจำนวนมาก จึงทำให้หามุมส่วนตัวได้ลำบากสักหน่อย แต่ด้วยความยาวของหาดตาชัย ที่มีความยาวประมาณ 700 เมตร จึงทำให้ไม่เป็นปัญหาเท่าไรนัก
ในการเดินทางไปเกาะตาชัยนั้น เราเลือกเดินทางไปกับสายการบินนกแอร์ ด้วยที่นั่งที่สะดวกสบาย น้ำหนักกระเป๋าที่โหลดได้เยอะพอสมควร (เอาเข้าจริงๆก็ใช้ไม่ถึง) และ ที่สำคัญพนักงานต้อนรับหน้าตาดีทุกคน (อันนี้ไม่เกี่ยว)
เราเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 9.35 น นั่งพักรับประทานอาหารเช้าที่สนามบิน จากนั้นก็จิบกาแฟอุ่นๆสักแก้วที่ Starbucks เหลือบไปดูที่นาฬิกาข้อมือก็จวนถึงเวลาที่จะต้องขึ้นเครื่องแล้ว
เมื่อนำเครื่องขึ้นเรียบร้อยแล้วพนักงานก็นำอาหารว่างมาเสริฟ เมื่อทานเรียบร้อยแล้วหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนแล้วก็เผลอหลับไป เมื่อเครื่องลดระดับความสูงจาก 30,000 ลงมา ก็ทำให้เรารู้สึกตัวและตื่นขึ้นมา สักครู่หนึ่งก็เริ่มเห็นขอบฝั่งตัดกับน้ำทะเล เป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงสนามบินภูเก็ตแล้ว
เรามาถึงสนามบินภูเก็ตประมาณ 12.00 จากนั้นจึงใช้บริการแท๊กซี่ของสนามบิน ค่าใช้จ่าย 1,800 บาท เป็นรถยนต์โตโยต้า Camry แอร์เย็นฉ่ำ นั่งสบาย เพื่อไปลงยังท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ซึ่งอยู่ถัดจากเขาหลักมาประมาณ 20 กิโลเมตร ที่เราเลือกพักบริเวณท่าเรือบ้านน้ำเค็มก็เพราะว่าจากที่นี่ใช้เวลาเพียง 45 นาทีก็จะถึงเกาะตาชัย (ขี้เกียจตื่นเช้านั่นเอง)
จากสนามบินภูเก็ตมาท่าเรือบ้านน้ำเค็มเราแวะปั๊ม 2 ครั้ง ขับที่ความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เรามาถึงที่หมายในเวลา 14.14 น สรุปแล้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อถึงท่าเรือบ้านน้ำเค็มแล้วเราได้ข้ามไปยัง เกาะคอเขา เพื่อไปยังที่พัก ค่าใช้จ่ายสำหรับเรือข้ามฝาก หากมีสัมภาระ 20 บาท ไม่มีสัมภาระ 10 บาท ต่อ 1 คน
เกาะคอเขา เป็นสถานที่ที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว รีสอร์ทดังๆของที่นี่ก็มี เกาะคอเขารีสอร์ท อีกแห่งหนึ่งจำชื่อไม่ได้ แต่เราเลือกพักที่ Tacola Resort & Spa ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรงแรมระดับ 5 ดาว แต่ก็เพียงพอสำหรับการพักผ่อน ราคา 2 คืนประมาณ 5,600 บาท เนื่องจากเราตัดสินใจแล้วว่าจะไปเที่ยวเกาะตาชัย ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในที่พักสักเท่าไร เมื่อข้ามเรือมาถึงฝั่งเราก็โทรแจ้งทางโรงแรมให้เอารถมารับ หรือ จะเดินไปชิลๆ ก็ได้ 1 จากท่าเรือกิโลเมตรโดยประมาณ
เมื่อเช็คอินเรียบร้อย ก็ขนสัมภาระเข้าห้อง ห้องพักของ Tacola Resort & Spa นั้นกว้างขวางพอสมควร
อาบน้ำเปลี่ยนชุด เพื่อไปถ่ายรูปเล่นที่ชายหาด สำหรับชายหาดของเกาะคอเขานั้นมีความสวยงามพอๆกับชายหาดของภูเก็ต สามารถลงเล่นน้ำได้ไม่ได้ขี้เหร่สักเท่าไร อ้ะถ่ายทำไม! ยังไม่พร้อมเลย
เดินถ่ายรูปเล่นได้สักพักก็หมดไปอีกหนึ่งวัน พอค่ำๆ ก็ออกมาดินเนอร์ที่บริเวณท่าเรือ ร้านอาหารที่นี่มีให้เลือกหลายร้าน มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารอิตาเลียน ลูกค้าเกือบ 100% เป็นชาวต่างชาติ แทบจะไม่มีคนไทยมาพักที่เกาะคอเขาเลย สำหรับมือเย็นนั้นเราจำไม่ได้จริงๆ ว่าถ่ายรูปไว้ในกล้องตัวไหน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ หาเจอจะมาแปะให้ สำหรับร้านที่เราทานมือเย็นเป็นร้านทางขวามือติดกับท่าเรือ รสชาติอาหารผมให้ผ่าน ร้านนี้ราคาไม่แพง แต่ความสวยงามของอาหารยังทำได้ไม่ดีเท่าไร
14 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่เราจะเดินทางไปยัง เกาะตาชัย ทัวร์ของ ซีสกาย (SeaSky) นัดเราไว้ที่ front ของโรงแรมตอน 8.00 น สำหรับราคาทัวร์ มารับที่เขาหลัก 2,200 บาท มารับที่ ภูเก็ต 2,000 บาท ถ้าบอกว่ารู้จักมาจาก ตาชัยดอทเน็ต จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีกเล็กน้อย (แต่ผมซื้อผ่านโรงแรมโดนค่านายหน้าไป 400 บาทต่อหนึ่งคน) ซึ่งเราก็ตื่นประมาณ 7.00 น เพื่อมารับประทานอาหารเช้า อาหารของ Tacola เป็นแบบบุฟเฟต์ กินได้จนกว่าจะอิ่ม ไม่ต้องเผื่อให้อาหารปลานะ
เมื่อถึงเวลาเราก็ข้ามเรือจาก เกาะคอเขา มาที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม โดยปกติแล้วทัวร์ของ ซีสกาย (SeaSky) จะนั่งเรือออกจากที่นี่เลย ซึ่งใช้เวลาเดินทางไปเกาะตาชัยเพียง 45 นาที แต่วันนี้เป็นโชคไม่ดีของเราเนื่องจากข้อเหวี่ยงของเรือสปีดโบ๊ทเสียพอดี เราจึงต้องนั่งรถ (นั่งฟรีไปกับไกด์นี่ละ) ย้อนขึ้นมาขึ้นเรือสปีดโบ๊ทอีกลำที่ ท่าเรือเตาถ่าน (อยู่ใกล้ๆกับเขาหลัก) แต่มันก็ทำให้เราได้รู้จักท่าเรือเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอยู่หลายทัวร์ที่ออกเรือจากที่นี่ เมื่อมาถึงท่าเรือทางบริษัททัวร์เกาะตาชัย โดย ซีสกาย ก็ให้เรากรอกชื่อ-นามสกุล เพื่อทำประกัน
9 โมงกว่าๆ เป็นเวลาอันสมควรแล้ว ที่เราจะต้องเดินทางไปยัง เกาะตาชัย งานนี้ผมขอขับเอง
เมื่อถึงชายหาด คุณจอย ไกด์สาวสวยของเรา ก็พาไปยังเส้นทางชมธรรมชาติ เพื่อค้นหา "ปูไก่" พระเอกของเรา โดยปกติแล้วเส้นทางนี้ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที แต่เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็เจอ ปูไก่ ซะแล้ว "นี่ยังเป็นตัวเล็กๆนะ ยังมีตัวใหญ่กว่านี้อีก" ไกด์จอยกล่าว ได้รูป ปูไก่ แห่งเกาะตาชัย มาหลายรูป จึงทำให้ผมตัดสินใจ ไปที่ชายหาด บ้ายบายก่อนนะเส้นทางชมธรรมชาติ ชายหาดขาวๆรออยู่
อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่าวันนี้เป็นวันมาฆบูชา มีหลายหน่วยงานที่หยุดในวันนี้ ทำให้ เกาะตาชัย มีนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ มีไกด์ท่านนึงบอกว่า "เกิดมาเพิ่งเคยเห็นเกาะตาชัยคนเยอะขนาดนี้" เราจึงได้ภาพของเกาะตาชัยมาในอีกมุมหนึ่ง
12.00 น เราก็หยุดถ่ายรูปมารับประทานอาหารกลางวัน อาหารที่ทาง ทัวร์เกาะตาชัย ซีสกาย (SeaSky) เตรียมไว้ให้รสชาติดีเลยทีเดียว กินอิ่มหนังท้องตึง เราก็กลับมาเก็บภาพบนชายหาดอีกสักพัก จากนั้นก็ขึ้นไปยังจุดชมวิวของ เกาะตาชัย ทางเดินขาขึ้นและขาลงเป็นทางลาดชัน คุณผู้หญิงสามารถใช้เวลาในการเดินไป-กลับประมาณ 30 นาที น่าเสียดายเป็นอย่างมากที่เลนส์ 18 mm ของผม และ เวลาที่เหลือสำหรับการถ่ายรูปไม่ถึง 5 นาที ทำให้เราไม่สามารถเก็บภาพสวยๆมาได้มากนัก
13.44 น เราก็เดินกลับลงมาถึงเรือสปีดโบ๊ท เพื่อไปยังจุดดำน้ำที่ 1 บริเวณ เกาะตาชัย สำหรับปะการังและสัตว์น้ำในบริเวณนี้ มีน้อยพอสมควร ปะการังเพิ่งจะแตกหน่อ อาจจะไม่ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำสักเท่าไหร่ ในจุดนี้มีเวลาให้เราดำน้ำอยู่ 45 นาที
14.29 น ก็ได้ย้ายย้ายจุดดำน้ำไปยังจุดดำน้ำที่ 2 ของเกาะตาชัย แต่ในระหว่างเรา เราก็เจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน แรกเห็นก็นึกว่าปลาโลมาออกมาเล่นคลื่น แต่พอเห็นหลังดำๆ ขนาดใหญ่กว่าเรือสปีดโบ๊ทขนาดสองเครื่องเท่านั้นละ รู้เลยว่าเป็นปลาวาฬ ทัวร์ต่างๆ ก็สื่อสารกันผ่านวิทยุสื่อสาร เพื่อขับตามปลาวาฬไปให้ลูกทัวร์ได้เห็นกันอย่างใกล้ชิด มองรายรอบก็เห็นเรือสปีดโบ๊ทของทัวร์ต่างๆ เช่น เลิฟอันดามัน ซีสตาร์ เป็นต้น ด้วยความกระทันหันทำให้ผมไม่สามารถหยิบกล้อง DSLR ทัน ทำได้เพียงใช้ Nikon AW100 จับภาพเจ้าปลาวาฬมาได้เพียงเท่านี้
เมื่อเจ้าปลาวาฬออกห่างไปพอสมควร เราก็ตัดใจเดินทางไปยังจุดดำน้ำที่ 2 ต่อไป
จุดดำน้ำที่ 2 มีความสวยงามมากกว่าจุดดำน้ำที่ 1 เล็กน้อย มีปะการังที่เริ่มแตกหน่อ และ ปลาสวยงามอยู่พอสมควร
15.30 ก็ได้เวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับเข้าฝั่ง น่าเสียดายที่ไม่ได้รูปพระอาทิตย์ตกดิน เพราะ ผมไม่ได้นอนค้างคืนที่เกาะตาชัย (หากจะนอนต้องขออนุญาตกางเต้นท์) หรือไม่ก็ต้องไปดำน้ำแบบ scuba จนเย็นๆ แล้ว ขอให้ทัวร์แวะที่ฝั่งสักแปปนึงเพื่อถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน
17.00 น เราก็เดินทางกลับมาถึงฝั่งโดยปลอดภัย และ นั่งรถกลับมาท่าเรือน้ำเค็มกับทัวร์ ซีสกาย (SeaSky) เลยขอเก็บภาพไกด์และสตาฟเป็นที่ระลึก น้องสตาฟผู้ชายสองคนดูเกร็งๆ สงสัยจะอายกล้อง
15 กุมภาพันธ์ เราก็ตื่นเช้ามาทานอาหาร เดินผ่านสระน้ำของโรงแรม Tocola เลยเก็บภาพมาสักหน่อย
เมื่อทานอาหารเช้าจนอิ่มแล้ว เราก็เช็คเอ้าท์แล้วข้ามเรือกับมายัง ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะหาแท๊กซี่เพื่อนั่งจาก ท่าเรือบ้านน้ำเค็มออกไปยังปากซอย บางม่วง แต่บังเอิญว่าพนักงานของโรมแรง Tacola จะออกไปปากซอยพอดี เลยรับผมออกไปด้วย
มาถึงปากซอยเราก็ข้ามฝั่ง มานั่งรอรถทัวร์ที่จะไปภูเก็ต รถทัวร์ทุกคัน ที่ผ่านถนนเส้นนี้ มุ่งหน้าไปภูเก็ต ถ้าไม่มั่นใจก็ให้อ่านป้ายและถามกระเป๋าก่อนก็ได้ สำหรับค่าโดยสารจาก บางม่วง ไปยัง ภูเก็ต คนละ 130 บาท