“การเดินทางของร่มสีฟ้า”
ในวันที่ท้องถนนเต็มไปด้วยรถรา...บ้างมุ่งไปข้างหน้า บ้างก็สวนทาง เขาต่างไปไหนกัน.... นั่นสุดคาดเดา หญิงสาวนั่งมองผ่านหน้าต่างกระจกที่จับเป็นฝ้าเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ร่มสีฟ้า” แบบพับวางอยู่ข้างโต๊ะทำงาน... ร่มสีฟ้าคันนี้มีที่มา ซึ่งเมื่อเธอบอกเล่าออกไปก็กลายเป็นเรื่องขำขันกันในหมู่เพื่อนร่วมงาน เธอจึงไม่อยากเล่าให้ใครฟังอีก เพราะนอกจากจะกลายเป็นเรื่องตลกที่เพื่อนๆ ชอบล้อเลียนว่าเธอกุเรื่องเพื่อสร้างความสนใจ และสมมติตัวละครขึ้นมาเพื่อให้ดูดีว่ามีพระเอกขี่มาขาวมาช่วยในตอนฝนตก....
“ณิธีร์” เป็นชื่อของเธอ หญิงสาวขี้อายของแผนกธุรการในบริษัทเอกชนเล็กๆ ใจกลางเมืองย่านถนนสาทร หญิงสาวร่างเล็ก พูดน้อย และไม่ค่อยยิ้ม เป็นบุคลิกของหญิงสาวขี้เหงา เธอมักจะอยู่คนเดียวเสมอไม่ว่าจะเป็นเที่ยงวันที่สาวๆ เพื่อนร่วมงานชอบไปเดินชอปปิ้งละลายทรัพย์ตัวเองในซอยข้างธนาคารบัวหลวง แต่ณิธีร์จะนั่งเขียนบันทึกบ้าง ฟังเพลง และอ่านหนังสือ จนบางครั้งก็ถูกลืมไปจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อยๆ
เพราะความไม่ใช่คนช่างพูด คนที่ไม่รู้จักจึงมักเข้าใจว่าณิธีร์เป็นคนเข้าใจยาก เข้าถึงยากและไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่นั่นก็เป็นบุคลิกส่วนตัวซึ่งณิธีร์คิดว่าใครๆ ก็เป็นแบบนี้ได้... แต่ณิธีร์ก็เป็นคนมีน้ำใจ ไม่ว่าใครจะไหว้วานอะไรณิธีร์ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ณิธีร์ก็ไม่เคยปฏิเสธ...
หน้าที่ความรับผิดชอบอีกอย่างหนึ่งในตำแหน่งธุรการของณิธีร์คือการคัดแยกเอกสารส่งตามแผนกต่างๆ ของบริษัท... ณิธีร์ชอบงานนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานที่ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้ความสามารถ ไม่ต้องใช้สมอง และต้องนั่งจมอยู่กับกองเอกสารเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน แต่เป็นงานที่ต้องใช้สมาธิและความอดทนอย่างมาก เพราะหากจดหมายเหล่านั้นถูกส่งผิดไปยังแผนกหรือหน่วยงานอื่นแล้วณิธีร์จะถูกหัวหน้างานเรียกมาต่อว่าตักเตือน แต่โชคดีที่ณิธีร์เป็นคนรอบคอบ เธอจึงไม่ค่อยทำงานพลาดบ่อยนัก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ณิธีร์ชอบทำงานเพราะการทำงานทำให้เธอไม่มีเวลาที่นึกถึงตัวเองมากนัก... และเพราะไม่ค่อยได้มีเวลานึกถึงตัวเอง ทำให้เธอมีความสุข... ถึงแม้ณิธีร์จะเป็นพนักงานในตำแหน่งเล็กๆ ที่เล็กมากจนแทบไม่มีความสำคัญกับองค์กร แต่เธอก็ระลึกเสมอว่า “เครื่องจักรใหญ่ๆ ทำงานได้เพราะมีฟันเฟืองเล็กๆ หลายชิ้นรวมกันอยู่...” ณิธีร์เชื่อว่าอย่างน้อยที่สุดการเป็นพนักงานธุรการของเธอนั้นคือฟันเฟืองหนึ่งที่จะช่วยให้บริษัทดำเนินการได้ ณิธีร์รักเจ้านายผู้หญิงของเธอ เพราะเจ้านายของณิธีร์ท่านใจดีและมีความยุติธรรมสูง ณิธีร์จึงทำงานอย่างมีความสุขมาตลอดหลายปีนี้...
ร่มสีฟ้า... ใช่สินะ, ร่มสีฟ้าที่เธอได้มาจากชายหนุ่มคนนั้น คนที่เธอบังเอิญพบในวันที่ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตา ขณะที่กำลังจะกลับบ้าน ซึ่งเป็นวันที่ช่างโชคร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะนอกจากจะลืมถือร่มติดมืออกมาด้วยแล้ว เธอยังมาเปียกปอนอยู่กลางท้องฟ้าที่ไม่มีแม้ชายคาป้ายรถเมล์ให้หลบฝน...
“ช่างเป็นวันที่โชคร้ายอะไรอย่างนี้” ณิธีร์บ่นกับตัวเองพลางนึกถึงอดีตที่ผ่านมา เมื่อไม่นานก่อนที่จะมีการป้องกันอุบัติเหตุจากท่อระบายน้ำนั้น ณิธีร์เคยเดินลุยน้ำท่ามกลางสายฝนไป ขณะที่น้ำกำลังเจิ่งนอง ทำให้ขาข้างหนึ่งของเธอพลาดตกลงไปในท่อระบายน้ำที่ฝาเปิดอยู่ ณิธีร์ทั้งเจ็บและอาย และนั่นเป็นประสบการณ์สอนให้เธอรู้จักระมัดระวังมากขึ้นสำหรับท่อระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร
ดังนั้นณิธีร์จึงหลีกเลี่ยงที่จะเดินเสี่ยงให้ขาอีกข้างลงไปอยู่ในท่อระบายน้ำ เธอจึงค่อยๆ เดินช้าๆ ทั้งๆ ที่ฝนตกหนัก... และขณะที่ณิธีร์กำลังเดินอย่างระมัดระวัง เม็ดฝนที่กระทบศีรษะก็เหมือนจะหยุดไปกะทันหัน... ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า.... ไม่ใช่สิ...ร่มสีฟ้าต่างหาก...
ร่มสีฟ้าคันนั้นถูกยื่นมาให้ณิธีร์ เธอรับไว้อย่างงุนงง... แล้วเจ้าของร่มสีฟ้านั้นก็กางร่มอีกคันให้กับตัวเองในขณะที่กำลังแปลกใจ ตกใจ และ ดีใจ... ชายหนุ่มร่างสูงก็ผละจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ณิธีร์จึงรีบเดินตามให้ทัน ในตอนนั้นเธอไม่ห่วงว่าจะตกท่ออีกแล้ว...
“ขอโทษค่ะ เอ่อ ขอบคุณค่ะ แล้วจะคืนให้ยังไงคะ” เขายิ้มละไมในคำถามของเธอ
“เก็บไว้เถอะครับ...ไม่เป็นไร” เขาตอบเสียงนุ่ม สุภาพ
“แต่ฉันมีร่มของตัวเอง, วันนี้แค่ไม่ได้ถือมา....” ณิธีร์ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ถ้าอย่างนั้นในวันที่ฝนตกคราวหน้า คุณก็ให้ร่มนี้กับคนอื่นไป” เขาหยุดคิดเพียงนิดเดียวก่อนตอบประโยคนั้น
“แล้วคุณไม่ต้องการมันอีกหรือคะ?” หญิงสาวยังสงสัย
“ผมยกให้คุณครับ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มจางๆ ท่ามกลางสายฝน
“คุณมีร่มสองคันอย่างนี้เสมอเหรอคะ”
“ครับ, ผมถือร่มสองคัน เพื่อที่ว่าถ้าหากมีวันไหนที่ฝนตกแล้วผมเจอใครสักคนที่เขากำลังเปียกฝน อย่างน้อยก็จะมี อีกหนึ่งคนที่เปียกฝนน้อยลง”
แล้วชายหนุ่มก็จากไป... ท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกหนักไม่ลืมหูลืมตา... ณิธีร์ยืนงงงัน... แปลกใจที่คนแบบนี้ยังมีอยู่ในโลก... คนใจดีที่ซื้อร่มมาเพื่อไว้ให้คนอื่น แต่ณิธีร์ก็อดที่จะวาดภาพของผู้คนที่เดินผ่านไปมายามฝนตก จะเป็นเรื่องที่ดีแค่ไหนนะหากทุกคนมีร่มสองคัน และพร้อมที่จะหยิบยื่นให้ใครคนอื่นที่กำลังเปียกฝน...
แล้วณิธีร์ก็เก็บข้าวของออกจากที่ทำงานหลังจากเครื่องตอกบัตรส่งเสียงเตือนบอกเวลาเลิกงาน และณิธีร์ไม่ลืมที่จะถือ “ร่มสีฟ้า” ติดมือไปด้วย.. เพื่อที่ว่า หากเธอได้เจอใครสักคนที่กำลังเดินตากฝนเปียกปอนเหมือนเธอในคราวนั้น แล้วเธอจะยื่นร่มสีฟ้าคันนี้ให้เขา เพื่อที่จะให้ “ร่มสีฟ้า” ได้เดินทางต่อไป และเพื่อเธอจะได้ซื้อ “ร่มสีฟ้า” คันใหม่เอาไว้ถือติดมือเป็นคันที่สอง....เก็บไว้ให้กับใครสักคนที่เธอได้พบตอนฝนตก.../
เรื่องสั้น : การเดินทางของร่มสีฟ้า
ในวันที่ท้องถนนเต็มไปด้วยรถรา...บ้างมุ่งไปข้างหน้า บ้างก็สวนทาง เขาต่างไปไหนกัน.... นั่นสุดคาดเดา หญิงสาวนั่งมองผ่านหน้าต่างกระจกที่จับเป็นฝ้าเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ร่มสีฟ้า” แบบพับวางอยู่ข้างโต๊ะทำงาน... ร่มสีฟ้าคันนี้มีที่มา ซึ่งเมื่อเธอบอกเล่าออกไปก็กลายเป็นเรื่องขำขันกันในหมู่เพื่อนร่วมงาน เธอจึงไม่อยากเล่าให้ใครฟังอีก เพราะนอกจากจะกลายเป็นเรื่องตลกที่เพื่อนๆ ชอบล้อเลียนว่าเธอกุเรื่องเพื่อสร้างความสนใจ และสมมติตัวละครขึ้นมาเพื่อให้ดูดีว่ามีพระเอกขี่มาขาวมาช่วยในตอนฝนตก....
“ณิธีร์” เป็นชื่อของเธอ หญิงสาวขี้อายของแผนกธุรการในบริษัทเอกชนเล็กๆ ใจกลางเมืองย่านถนนสาทร หญิงสาวร่างเล็ก พูดน้อย และไม่ค่อยยิ้ม เป็นบุคลิกของหญิงสาวขี้เหงา เธอมักจะอยู่คนเดียวเสมอไม่ว่าจะเป็นเที่ยงวันที่สาวๆ เพื่อนร่วมงานชอบไปเดินชอปปิ้งละลายทรัพย์ตัวเองในซอยข้างธนาคารบัวหลวง แต่ณิธีร์จะนั่งเขียนบันทึกบ้าง ฟังเพลง และอ่านหนังสือ จนบางครั้งก็ถูกลืมไปจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อยๆ
เพราะความไม่ใช่คนช่างพูด คนที่ไม่รู้จักจึงมักเข้าใจว่าณิธีร์เป็นคนเข้าใจยาก เข้าถึงยากและไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่นั่นก็เป็นบุคลิกส่วนตัวซึ่งณิธีร์คิดว่าใครๆ ก็เป็นแบบนี้ได้... แต่ณิธีร์ก็เป็นคนมีน้ำใจ ไม่ว่าใครจะไหว้วานอะไรณิธีร์ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ณิธีร์ก็ไม่เคยปฏิเสธ...
หน้าที่ความรับผิดชอบอีกอย่างหนึ่งในตำแหน่งธุรการของณิธีร์คือการคัดแยกเอกสารส่งตามแผนกต่างๆ ของบริษัท... ณิธีร์ชอบงานนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานที่ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้ความสามารถ ไม่ต้องใช้สมอง และต้องนั่งจมอยู่กับกองเอกสารเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน แต่เป็นงานที่ต้องใช้สมาธิและความอดทนอย่างมาก เพราะหากจดหมายเหล่านั้นถูกส่งผิดไปยังแผนกหรือหน่วยงานอื่นแล้วณิธีร์จะถูกหัวหน้างานเรียกมาต่อว่าตักเตือน แต่โชคดีที่ณิธีร์เป็นคนรอบคอบ เธอจึงไม่ค่อยทำงานพลาดบ่อยนัก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ณิธีร์ชอบทำงานเพราะการทำงานทำให้เธอไม่มีเวลาที่นึกถึงตัวเองมากนัก... และเพราะไม่ค่อยได้มีเวลานึกถึงตัวเอง ทำให้เธอมีความสุข... ถึงแม้ณิธีร์จะเป็นพนักงานในตำแหน่งเล็กๆ ที่เล็กมากจนแทบไม่มีความสำคัญกับองค์กร แต่เธอก็ระลึกเสมอว่า “เครื่องจักรใหญ่ๆ ทำงานได้เพราะมีฟันเฟืองเล็กๆ หลายชิ้นรวมกันอยู่...” ณิธีร์เชื่อว่าอย่างน้อยที่สุดการเป็นพนักงานธุรการของเธอนั้นคือฟันเฟืองหนึ่งที่จะช่วยให้บริษัทดำเนินการได้ ณิธีร์รักเจ้านายผู้หญิงของเธอ เพราะเจ้านายของณิธีร์ท่านใจดีและมีความยุติธรรมสูง ณิธีร์จึงทำงานอย่างมีความสุขมาตลอดหลายปีนี้...
ร่มสีฟ้า... ใช่สินะ, ร่มสีฟ้าที่เธอได้มาจากชายหนุ่มคนนั้น คนที่เธอบังเอิญพบในวันที่ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตา ขณะที่กำลังจะกลับบ้าน ซึ่งเป็นวันที่ช่างโชคร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะนอกจากจะลืมถือร่มติดมืออกมาด้วยแล้ว เธอยังมาเปียกปอนอยู่กลางท้องฟ้าที่ไม่มีแม้ชายคาป้ายรถเมล์ให้หลบฝน...
“ช่างเป็นวันที่โชคร้ายอะไรอย่างนี้” ณิธีร์บ่นกับตัวเองพลางนึกถึงอดีตที่ผ่านมา เมื่อไม่นานก่อนที่จะมีการป้องกันอุบัติเหตุจากท่อระบายน้ำนั้น ณิธีร์เคยเดินลุยน้ำท่ามกลางสายฝนไป ขณะที่น้ำกำลังเจิ่งนอง ทำให้ขาข้างหนึ่งของเธอพลาดตกลงไปในท่อระบายน้ำที่ฝาเปิดอยู่ ณิธีร์ทั้งเจ็บและอาย และนั่นเป็นประสบการณ์สอนให้เธอรู้จักระมัดระวังมากขึ้นสำหรับท่อระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร
ดังนั้นณิธีร์จึงหลีกเลี่ยงที่จะเดินเสี่ยงให้ขาอีกข้างลงไปอยู่ในท่อระบายน้ำ เธอจึงค่อยๆ เดินช้าๆ ทั้งๆ ที่ฝนตกหนัก... และขณะที่ณิธีร์กำลังเดินอย่างระมัดระวัง เม็ดฝนที่กระทบศีรษะก็เหมือนจะหยุดไปกะทันหัน... ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า.... ไม่ใช่สิ...ร่มสีฟ้าต่างหาก...
ร่มสีฟ้าคันนั้นถูกยื่นมาให้ณิธีร์ เธอรับไว้อย่างงุนงง... แล้วเจ้าของร่มสีฟ้านั้นก็กางร่มอีกคันให้กับตัวเองในขณะที่กำลังแปลกใจ ตกใจ และ ดีใจ... ชายหนุ่มร่างสูงก็ผละจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ณิธีร์จึงรีบเดินตามให้ทัน ในตอนนั้นเธอไม่ห่วงว่าจะตกท่ออีกแล้ว...
“ขอโทษค่ะ เอ่อ ขอบคุณค่ะ แล้วจะคืนให้ยังไงคะ” เขายิ้มละไมในคำถามของเธอ
“เก็บไว้เถอะครับ...ไม่เป็นไร” เขาตอบเสียงนุ่ม สุภาพ
“แต่ฉันมีร่มของตัวเอง, วันนี้แค่ไม่ได้ถือมา....” ณิธีร์ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ถ้าอย่างนั้นในวันที่ฝนตกคราวหน้า คุณก็ให้ร่มนี้กับคนอื่นไป” เขาหยุดคิดเพียงนิดเดียวก่อนตอบประโยคนั้น
“แล้วคุณไม่ต้องการมันอีกหรือคะ?” หญิงสาวยังสงสัย
“ผมยกให้คุณครับ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มจางๆ ท่ามกลางสายฝน
“คุณมีร่มสองคันอย่างนี้เสมอเหรอคะ”
“ครับ, ผมถือร่มสองคัน เพื่อที่ว่าถ้าหากมีวันไหนที่ฝนตกแล้วผมเจอใครสักคนที่เขากำลังเปียกฝน อย่างน้อยก็จะมี อีกหนึ่งคนที่เปียกฝนน้อยลง”
แล้วชายหนุ่มก็จากไป... ท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกหนักไม่ลืมหูลืมตา... ณิธีร์ยืนงงงัน... แปลกใจที่คนแบบนี้ยังมีอยู่ในโลก... คนใจดีที่ซื้อร่มมาเพื่อไว้ให้คนอื่น แต่ณิธีร์ก็อดที่จะวาดภาพของผู้คนที่เดินผ่านไปมายามฝนตก จะเป็นเรื่องที่ดีแค่ไหนนะหากทุกคนมีร่มสองคัน และพร้อมที่จะหยิบยื่นให้ใครคนอื่นที่กำลังเปียกฝน...
แล้วณิธีร์ก็เก็บข้าวของออกจากที่ทำงานหลังจากเครื่องตอกบัตรส่งเสียงเตือนบอกเวลาเลิกงาน และณิธีร์ไม่ลืมที่จะถือ “ร่มสีฟ้า” ติดมือไปด้วย.. เพื่อที่ว่า หากเธอได้เจอใครสักคนที่กำลังเดินตากฝนเปียกปอนเหมือนเธอในคราวนั้น แล้วเธอจะยื่นร่มสีฟ้าคันนี้ให้เขา เพื่อที่จะให้ “ร่มสีฟ้า” ได้เดินทางต่อไป และเพื่อเธอจะได้ซื้อ “ร่มสีฟ้า” คันใหม่เอาไว้ถือติดมือเป็นคันที่สอง....เก็บไว้ให้กับใครสักคนที่เธอได้พบตอนฝนตก.../