กลับมาพบกันในสัปดาห์นี้อีกครั้งนะครับ
กะว่าตอนนี้คงเป็นตอนที่หลายท่านหวังจะได้เห็นกันมากอยู่แฮะ จากที่แอบแพล็มๆ ไว้ท้ายตอนที่แล้วแบบนั้น เพราะงั้นสัปดาห์นี้มาตามไปด้วยกันเลยครับ
เช่นเคย ใครอยากคุยเนื้อหาหลังจากตอนนี้ รบกวนอย่าลืมใส่แท็ก Spoil นะครับ
เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่บักแว่นล้มพับคาสนามแข่งม้าบังเอย์ ทำเอาเพื่อนๆ ถึงกับเครียดเป็นแถบ (เพราะบักแว่นรับผิดชอบหลายงาน ไม่ใช่แค่งานของชมรมขี่ม้าเท่านั้น)
ที่เครียดที่สุดก็ไม่พ้นอากิจังนี่แหละ
คุยหาทางแก้สถานการณ์กันไปพักหนึ่ง อายาเมะก็แถมากวนตีนถึงห้องชมรมตามนิสัย อากิเลยลุกขึ้นขอร้องอายาเมะให้หาทางช่วยที
เห็นอากิขอร้องตัวเองด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้น อายาเมะก็นิ่งไปแว่บหนึ่งแล้วหยิบมือถือมาโทรขอร้องที่บ้านให้เอาม้ามาส่งให้ที่เอโสะโนที
ด้านบักแว่นก็ตื่นมาอีกทีที่โรงพยาบาลในตัวเมือง
สภาพแวดล้อมรอบตัวทำเอาบักแว่นถึงกับอึ้งๆ งงๆ ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน สอบถามพยาบาลที่เฝ้าอยู่ดูถึงได้รู้ว่าตัวเองล้มพับอยู่ที่โรงเรียนจนโดนหามส่งโรง'บาล ตอนนี้นอนโรง'บาลมาเกือบวันเต็มๆ แล้ว บักแว่นได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งเฮือก เพราะจำได้ว่าวันที่ตัวเองล้มพับไปนั้นคือเช้าวันงานเทศกาลเอโสะโนพอดี เท่ากับว่าตอนนี้งานเทศกาลวันแรกจบลงแล้วนั่นเอง บักแว่นเลยพยายามฝืนจะลงจากเตียงกลับไปช่วยงานที่โรงเรียน แต่โดนพยาบาลห้ามไว้บอกว่าตัวบักแว่นยังเพิ่งจะค่อยยังชั่ว ยังไม่ได้หายดีนะ บักแว่นเลยยอมนอนลงกับเตียงเหมือนเดิมอย่างว่าง่าย
นอนพักกินข้าวโรง'บาลไปได้ครู่ใหญ่ๆ บักแว่นก็หันไปถามเพื่อนร่วมห้อง (บักแว่นนอนห้องรวม ไม่ได้นอนห้องเดี่ยวน่ะ) ว่าตั้งแต่ตัวเองแอดมิทมามีใครมาเยี่ยมบ้างรึเปล่า เพื่อนร่วมห้องก็ตอบว่านอกจากอาจารย์ที่มาด้วยกันแล้วก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย ทำเอาบักแว่นถึงกับนั่งเซ่อตีสีหน้าไม่ถูกไปเลย
นั่งเฉยอยู่ได้พักหนึ่ง บักแว่นก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมาเลยลุกขึ้นจะไปห้องน้ำ
ทว่า ยังไม่ทันพ้นประตูห้องไป บักแว่นก็ชะงักกึกเมื่อพบว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้อง
ซึ่งคนคนนั้นก็คือ...
"ฮะจิเค็น คาซึมาสะ" เตี่ยจอมโหดของบักแว่น สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องนี้นั่นเอง
อนึ่ง ตอนเตี่ยโผล่มาทีแรกเล่นเอาผมนึกถึงเพลง Dancing Mad มูฟเมนท์แรกขึ้นมาเชียวนะ
ตัดไปทางเอโสะโนที่อยู่ระหว่างจัดงานโรงเรียนอยู่ ด้านชมรมขี่ม้าก็กำลังจัดงานแข่งขี่ม้ากระโดดข้ามสิ่งกีดขวางอยู่ โดยมีอายาเมะมาเป็นตัวโจ๊กของงานตามเคย
ต่อจากอายาเมะก็เป็นตารุ่นพี่โองาวะอดีตประธานชมรม ที่โดนม้าปฏิเสธไม่ยอมโดดข้ามรั้วถึงสองครั้งจนโดนเด้งจากการแข่งไป
แต่ก่อนจะออกจากการแข่งขัน รุ่นพี่กลับควบม้ายูเทิร์นกลับไปยังรั้วข้ามอีกครั้ง บังคับเจ้าม้ากระโดดข้ามรั้วไปอย่างง่ายดาย คนดูเด็กคนหนึ่งดูอยู่ข้างๆ เห็นเข้าก็หันไปถามอากิว่าทั้งที่โดนตัดสิทธิ์ไปแล้ว ทำไมถึงยังให้โดดอีกล่ะ อากิก็อธิบายว่า เพราะถ้าปล่อยให้ม้าโดนตัดสิทธิ์ไปทั้งๆ ที่ยังโดดไม่พ้นละก็ ม้าจะคิดว่าตัวเองโดดไม่ได้จนพาลกลัวการโดดข้ามสิ่งกีดขวางไปเลย ดังนั้นถ้ามีจังหวะละก็ หลังโดนตัดสิทธิ์จ็อกกี้จะพยายามบังคับม้าให้โดดข้ามรั้วให้ได้อีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ม้าว่า
"ครั้งนี้โดดไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าครั้งหน้าจะโดดไม่ได้ซักหน่อย"
ตัดกลับมาที่โรงบาล บักแว่นก็มานั่นประจันหน้ากับเตี่ยในห้องผู้ป่วยอีกครั้ง บรรยากาศกดดันระหว่างพ่อลูกทำเอาคนป่วยร่วมห้องคนอื่นถึงกับซีดเป็นแถบๆ
นั่งจ้องหน้ากันอยู่ครู่ใหญ่ เตี่ยก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน บอกว่าดูท่าโรงเรียนเอโสะโนจะไม่เหมาะกับแกนะ เล่นทำทั้งงานทั้งกิจกรรมจนดูแลสุขภาพตัวเองไม่ได้แบบนี้ อุตส่าห์ให้ตัดสินใจว่าอยากไปเรียนที่ไหนแล้วทั้งที บักแว่นก็ตะกุกตะกักย้อนว่า แล้วใครใช้ให้เตี่ยมาตัดสินว่าอะไรเหมาะอะไรไม่เหมาะสำหรับผมล่ะ จริงอยู่โรงเรียนนี้ทั้งงานทั้งกิจกรรมหนักมากก็จริง แต่ผมก็คิดว่าดีแล้วที่ได้มาเรียนที่นี่นะ
เตี่ยก็ย้อนเอาว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองให้บักแว่นเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมฯ ก็เพราะเห็นว่าบักแว่นเป็นเด็กรักเรียนสนุกกับการเรียนหนังสือมาตลอด ดังนั้นจึงคิดว่าให้เรียนในโรงเรียนเตรียมฯ ที่เน้นเรื่องการเรียนเป็นพิเศษจะดีที่สุดสำหรับตัวบักแว่นเอง บักแว่นก็ชะงักไปแว่บหนึ่งเพราะรู้ดีว่าที่เตี่ยพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ตอบกลับว่ามันไม่เหมือนกันซักหน่อย การเรียนในโรงเรียนเตรียมน่ะต้องแข่งกับเพื่อนร่วมชั้นรอบข้างอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยมีเวลาให้พักหายใจหายคอเลย ไม่เหมือนเวลาอยู่เอโสะโนที่ตัวเขามีเพื่อนมากมาย มีเวลาให้สบายใจ ให้สนุกสนาน ให้หายใจหายคอบ้าง คราวนี้เตี่ยเลยย้อนเอาว่า นั่นมันเพราะแกไม่เคยต้องกลัวว่าเด็กพวกนั้นจะเก่งแซงหน้าแกได้ เพราะงั้นแกเลยรู้สึกสบายใจ เท่ากับว่าลึกๆ ในใจแกก็ดูถูกเด็กพวกนั้นอยู่ไม่ใช่รึไง
ตานี้บักแว่นเลยอึ้งเถียงไม่ออก เตี่ยก็สำทับต่อว่า
"แล้วตอนแกเข้าโรง'บาลมีเพื่อนคนไหนมาเยี่ยมแกบ้างรึเปล่า?"
เจอหมัดน็อคนี้เข้าไปทำเอาบักแว่นถึงกับอับจนถ้อยคำ แต่ยังไม่ทันคุยกันต่อ อ.ซากุราอิครูประจำชั้นของบักแว่นก็เข้ามาก่อน เตี่ยเลยหันไปคุยกับอาจารย์แทน โดยหลังทักทายกันตามธรรมเนียมเสร็จ เตี่ยก็ไล่เบี้ยเอากับอาจารย์ว่าเป็นถึงสถานศึกษาที่ควรให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นอันดับแรก กลับปล่อยให้เด็กล้มพับเพราะทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนหนักเกินไปแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน บักแว่นได้ยินแบบนั้นก็เถียงพ่อว่าทั้งหมดผมผิดเองต่างหากที่บ้าพลังไม่ดูตัวเอง ไม่เกี่ยวกับอาจารย์หรือทางโรงเรียนเลย อาจารย์ก็ยกมือห้ามบอกว่าจริงอย่างที่เตี่ยแกว่านั่นแหละ พร้อมกับขอโทษบักแว่นที่ทำให้บักแว่นพลาดโอกาสสนุกสนานในงานเทศกาลไป บักแว่นเจอแบบนี้ก็ได้แต่เงียบเท่านั้น
ไล่เบี้ยกับอาจารย์เสร็จ เตี่ยก็หันไปบอกบักแว่นให้นอนพักในโรงบาลให้เต็มที่จนกว่าจะแน่ใจว่าหายดีแล้วค่อยกลับไปเรียน ว่าจบก็ตัดบทเดินออกจากห้องไป อาจารย์เห็นบักแว่นทำท่าจะกลับก็พยายามรั้งตัวไว้ให้อยู่ที่นี่ดูอาการบักแว่นซักสองสามวัน เตี่ยแกก็ตัดบทแค่ว่าตัวเองมีงานต้องทำ ไม่มีเวลาพอจะอยู่ที่นี่นาๆ แล้วก็ทำท่าจะออกไปจากห้อง
แต่ก่อนเตี่ยจะออกจากห้องไป บักแว่นก็ร้องตะโกนตามเตี่ยไปว่า แล้วที่เคยบอกว่าเบคอนของผมอร่อยนั่นไม่ได้หมายความว่ายอมรับผมแล้วรึไง เตี่ยก็ชะงักไปเหมือนงงว่าบักแว่นพูดถึงอะไร ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หน้าเหมือนนึกได้แล้วบอกว่า
"อ้อ เบคอนนั่นน่ะรึ เปล่านี่ ฉันไม่ได้พูดอะไรซักคำเลย"
คำพูดของเตี่ยทำเอาบักแว่นเย็นวาบ รู้สึกเหมือนตัวเองร่วงลงไปในหลุมดำมืดไร้ก้นในพริบตา ได้แต่ยืนเซ่ออยู่อย่างนั้นจนเตี่ยเดินออกจากห้องไป
ตัดไปทางด้านงานเทศกาลเอโสะโน เพื่อนๆ รวมทั้งคนดูทุกคนต่างสนุกสนานเริงเล่นกันสุดเหวี่ยง
ขณะที่
านใหญ่สุดอย่างบักแว่นกลับได้แต่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ในห้องคนป่วย...ด้วยร่างกายและจิตใจที่ขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี
รุ่งขึ้น บักแว่นก็ฟื้นตัวจนออกจากโรงบาลได้หลังนอนโรงบาลพักผ่อนร่างกายอยู่หนึ่งวันเต็มๆ โดยมีครูประจำชั้นกับแม่มารับ โดยหลังจากจัดการเรื่องออกจากโรงบาลเสร็จ ครูประจำชั้นก็บอกให้บักแว่นไปเที่ยวงานเทศกาลเอโสะโนวันที่สองทดแทนส่วนที่ไม่ได้ไปวันแรกสิ บักแว่นก็ทำท่าลังเลเพราะยังนึกถึงคำพูดของเตี่ยเมื่อวานเรื่องที่ตัวเองไม่มีใครมาเยี่ยมเลย สุดท้ายก็เฉไฉไปว่าแว่นตัวเองแตกตอนล้มพับไป ต้องเอาแว่นไปซ่อมก่อน อาจารย์เลยขอตัวกลับโรงเรียนไป ปล่อยให้บักแว่นไปร้านแว่นกับแม่สองคน (จริงๆ บักแว่นบอกจะไปคนเดียว แต่บักแว่นเข้าโรงบาลมาไม่ได้พกเงินติดตัวเลยซักเยน เลยต้องยอมตามแม่ไป)
ระหว่างนั่งแท็กซี่ไปร้านแว่น แม่บักแว่นก็พยายามชวนคุยเรื่องต่างๆ แต่ก็ได้มาแต่คำถามแบบถามคำตอบคำจนแม่ไม่รู้จะหาอะไรมาชวนคุยต่อ
เงียบกันไปได้พักหนึ่ง บักแว่นก็ถามแม่ว่าทำไมต้องโกหกเรื่องเตี่ยบอกว่าเบคอนที่ตัวเองทำอร่อยด้วย แม่บักแว่นก็อ้ำอึ้งแก้ตัวว่าพ่อเราเขาไม่ค่อยพูดเรื่องรสชาติอาหารใช่มั้ยล่ะ ตอนกินเบคอนของเราแม่เห็นเขากินเงียบๆ เหมือนทุกทีก็เลยตีความว่าเขาคิดว่าอร่อยแค่นั้นเอง
แต่คำปลอบใจของแม่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลับทำให้บักแว่นยิ่งตีหน้าอารมณ์เสีย แล้วย้อนเอาด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มไว้เต็มที่ว่า ผมอยากให้แม่บอกความจริงผมมากกว่าจะโกหกรักษาน้ำใจกันนะ
ฝ่ายแม่เจอลูกตอกหน้าเข้าไปก็พูดอะไรไม่ออก บักแว่นก็ตัดบทว่าผมจะลงตรงนี้ จะไปร้านแว่นแล้วกลับโรงเรียนเอง ว่าจบก็หันไปบอกให้แท็กซี่จอดรถ พอแท็กซี่จอดปุ๊บ บักแว่นก็ทำท่าจะเดินหนีเลย แม่พยายามร้องเรียกไว้เท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ดึงดันจะไปร้านแว่นคนเดียวให้ได้ แม่บักแว่นเห็นบักแว่นโกรธจนไม่ฟังอะไรอีกแล้วแบบนั้นก็หยิบเงินค่าแว่นยื่นให้บอกว่าอย่างน้อยก็รับค่าแว่นไว้เถอะ บักแว่นก็รับมาแบบเสียไม่ได้ แล้วปล่อยให้รถแท็กซี่ที่แม่นั่งอยู่แล่นจากไป
หลังรถแท็กซี่แล่นจากไปแล้ว บักแว่นก็ยืนนิ่ง ก้มมองเงินที่แม่ใส่มือมาให้ด้วยสายตาโกรธจัดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะฉิววูบขึ้นมาทำท่าจะเขวี้ยงเงินในมือทิ้ง แต่พอนึกถึงโอวาทของคุณทวดของอากิเรื่องค่าของเงินได้ก็ชะงักกึก ฮึดฮัดเก็บเงินเข้ากระเป๋า แล้วเดินจากไป
มีการทำอินดี้ซ่อมแว่นเสร็จไม่เอาเงินทอนคืน แต่โยนลงกล่องบริจาคให้ผู้ประสบภัยซึนามิทางตะวันตกเฉียงเหนือ (ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุคุชิม่าพังนั่นแล) จนเกลี้ยงฉาดอีก...แต่ดันลืมไปว่าตัวเองก็ต้องใช้เงินเป็นค่ารถกลับโรงเรียนเหมือนกัน
ลงเอยเลยต้องเดินขาลากกลับโรงเรียนไปตามระเบียบ
[Spoil] ช้อนเงินคนแปรธาตุ (Silver Spoon) อนิเมซีซั่นสอง #6 - การพบหน้าที่แสนอึดอัด
กะว่าตอนนี้คงเป็นตอนที่หลายท่านหวังจะได้เห็นกันมากอยู่แฮะ จากที่แอบแพล็มๆ ไว้ท้ายตอนที่แล้วแบบนั้น เพราะงั้นสัปดาห์นี้มาตามไปด้วยกันเลยครับ
เช่นเคย ใครอยากคุยเนื้อหาหลังจากตอนนี้ รบกวนอย่าลืมใส่แท็ก Spoil นะครับ
เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่บักแว่นล้มพับคาสนามแข่งม้าบังเอย์ ทำเอาเพื่อนๆ ถึงกับเครียดเป็นแถบ (เพราะบักแว่นรับผิดชอบหลายงาน ไม่ใช่แค่งานของชมรมขี่ม้าเท่านั้น)
ที่เครียดที่สุดก็ไม่พ้นอากิจังนี่แหละ
คุยหาทางแก้สถานการณ์กันไปพักหนึ่ง อายาเมะก็แถมากวนตีนถึงห้องชมรมตามนิสัย อากิเลยลุกขึ้นขอร้องอายาเมะให้หาทางช่วยที
เห็นอากิขอร้องตัวเองด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้น อายาเมะก็นิ่งไปแว่บหนึ่งแล้วหยิบมือถือมาโทรขอร้องที่บ้านให้เอาม้ามาส่งให้ที่เอโสะโนที
ด้านบักแว่นก็ตื่นมาอีกทีที่โรงพยาบาลในตัวเมือง
สภาพแวดล้อมรอบตัวทำเอาบักแว่นถึงกับอึ้งๆ งงๆ ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน สอบถามพยาบาลที่เฝ้าอยู่ดูถึงได้รู้ว่าตัวเองล้มพับอยู่ที่โรงเรียนจนโดนหามส่งโรง'บาล ตอนนี้นอนโรง'บาลมาเกือบวันเต็มๆ แล้ว บักแว่นได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งเฮือก เพราะจำได้ว่าวันที่ตัวเองล้มพับไปนั้นคือเช้าวันงานเทศกาลเอโสะโนพอดี เท่ากับว่าตอนนี้งานเทศกาลวันแรกจบลงแล้วนั่นเอง บักแว่นเลยพยายามฝืนจะลงจากเตียงกลับไปช่วยงานที่โรงเรียน แต่โดนพยาบาลห้ามไว้บอกว่าตัวบักแว่นยังเพิ่งจะค่อยยังชั่ว ยังไม่ได้หายดีนะ บักแว่นเลยยอมนอนลงกับเตียงเหมือนเดิมอย่างว่าง่าย
นอนพักกินข้าวโรง'บาลไปได้ครู่ใหญ่ๆ บักแว่นก็หันไปถามเพื่อนร่วมห้อง (บักแว่นนอนห้องรวม ไม่ได้นอนห้องเดี่ยวน่ะ) ว่าตั้งแต่ตัวเองแอดมิทมามีใครมาเยี่ยมบ้างรึเปล่า เพื่อนร่วมห้องก็ตอบว่านอกจากอาจารย์ที่มาด้วยกันแล้วก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย ทำเอาบักแว่นถึงกับนั่งเซ่อตีสีหน้าไม่ถูกไปเลย
นั่งเฉยอยู่ได้พักหนึ่ง บักแว่นก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมาเลยลุกขึ้นจะไปห้องน้ำ
ทว่า ยังไม่ทันพ้นประตูห้องไป บักแว่นก็ชะงักกึกเมื่อพบว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้อง
ซึ่งคนคนนั้นก็คือ...
"ฮะจิเค็น คาซึมาสะ" เตี่ยจอมโหดของบักแว่น สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องนี้นั่นเอง
อนึ่ง ตอนเตี่ยโผล่มาทีแรกเล่นเอาผมนึกถึงเพลง Dancing Mad มูฟเมนท์แรกขึ้นมาเชียวนะ
ตัดไปทางเอโสะโนที่อยู่ระหว่างจัดงานโรงเรียนอยู่ ด้านชมรมขี่ม้าก็กำลังจัดงานแข่งขี่ม้ากระโดดข้ามสิ่งกีดขวางอยู่ โดยมีอายาเมะมาเป็นตัวโจ๊กของงานตามเคย
ต่อจากอายาเมะก็เป็นตารุ่นพี่โองาวะอดีตประธานชมรม ที่โดนม้าปฏิเสธไม่ยอมโดดข้ามรั้วถึงสองครั้งจนโดนเด้งจากการแข่งไป
แต่ก่อนจะออกจากการแข่งขัน รุ่นพี่กลับควบม้ายูเทิร์นกลับไปยังรั้วข้ามอีกครั้ง บังคับเจ้าม้ากระโดดข้ามรั้วไปอย่างง่ายดาย คนดูเด็กคนหนึ่งดูอยู่ข้างๆ เห็นเข้าก็หันไปถามอากิว่าทั้งที่โดนตัดสิทธิ์ไปแล้ว ทำไมถึงยังให้โดดอีกล่ะ อากิก็อธิบายว่า เพราะถ้าปล่อยให้ม้าโดนตัดสิทธิ์ไปทั้งๆ ที่ยังโดดไม่พ้นละก็ ม้าจะคิดว่าตัวเองโดดไม่ได้จนพาลกลัวการโดดข้ามสิ่งกีดขวางไปเลย ดังนั้นถ้ามีจังหวะละก็ หลังโดนตัดสิทธิ์จ็อกกี้จะพยายามบังคับม้าให้โดดข้ามรั้วให้ได้อีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ม้าว่า "ครั้งนี้โดดไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าครั้งหน้าจะโดดไม่ได้ซักหน่อย"
ตัดกลับมาที่โรงบาล บักแว่นก็มานั่นประจันหน้ากับเตี่ยในห้องผู้ป่วยอีกครั้ง บรรยากาศกดดันระหว่างพ่อลูกทำเอาคนป่วยร่วมห้องคนอื่นถึงกับซีดเป็นแถบๆ
นั่งจ้องหน้ากันอยู่ครู่ใหญ่ เตี่ยก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน บอกว่าดูท่าโรงเรียนเอโสะโนจะไม่เหมาะกับแกนะ เล่นทำทั้งงานทั้งกิจกรรมจนดูแลสุขภาพตัวเองไม่ได้แบบนี้ อุตส่าห์ให้ตัดสินใจว่าอยากไปเรียนที่ไหนแล้วทั้งที บักแว่นก็ตะกุกตะกักย้อนว่า แล้วใครใช้ให้เตี่ยมาตัดสินว่าอะไรเหมาะอะไรไม่เหมาะสำหรับผมล่ะ จริงอยู่โรงเรียนนี้ทั้งงานทั้งกิจกรรมหนักมากก็จริง แต่ผมก็คิดว่าดีแล้วที่ได้มาเรียนที่นี่นะ
เตี่ยก็ย้อนเอาว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองให้บักแว่นเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมฯ ก็เพราะเห็นว่าบักแว่นเป็นเด็กรักเรียนสนุกกับการเรียนหนังสือมาตลอด ดังนั้นจึงคิดว่าให้เรียนในโรงเรียนเตรียมฯ ที่เน้นเรื่องการเรียนเป็นพิเศษจะดีที่สุดสำหรับตัวบักแว่นเอง บักแว่นก็ชะงักไปแว่บหนึ่งเพราะรู้ดีว่าที่เตี่ยพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ตอบกลับว่ามันไม่เหมือนกันซักหน่อย การเรียนในโรงเรียนเตรียมน่ะต้องแข่งกับเพื่อนร่วมชั้นรอบข้างอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยมีเวลาให้พักหายใจหายคอเลย ไม่เหมือนเวลาอยู่เอโสะโนที่ตัวเขามีเพื่อนมากมาย มีเวลาให้สบายใจ ให้สนุกสนาน ให้หายใจหายคอบ้าง คราวนี้เตี่ยเลยย้อนเอาว่า นั่นมันเพราะแกไม่เคยต้องกลัวว่าเด็กพวกนั้นจะเก่งแซงหน้าแกได้ เพราะงั้นแกเลยรู้สึกสบายใจ เท่ากับว่าลึกๆ ในใจแกก็ดูถูกเด็กพวกนั้นอยู่ไม่ใช่รึไง
ตานี้บักแว่นเลยอึ้งเถียงไม่ออก เตี่ยก็สำทับต่อว่า "แล้วตอนแกเข้าโรง'บาลมีเพื่อนคนไหนมาเยี่ยมแกบ้างรึเปล่า?"
เจอหมัดน็อคนี้เข้าไปทำเอาบักแว่นถึงกับอับจนถ้อยคำ แต่ยังไม่ทันคุยกันต่อ อ.ซากุราอิครูประจำชั้นของบักแว่นก็เข้ามาก่อน เตี่ยเลยหันไปคุยกับอาจารย์แทน โดยหลังทักทายกันตามธรรมเนียมเสร็จ เตี่ยก็ไล่เบี้ยเอากับอาจารย์ว่าเป็นถึงสถานศึกษาที่ควรให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นอันดับแรก กลับปล่อยให้เด็กล้มพับเพราะทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนหนักเกินไปแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน บักแว่นได้ยินแบบนั้นก็เถียงพ่อว่าทั้งหมดผมผิดเองต่างหากที่บ้าพลังไม่ดูตัวเอง ไม่เกี่ยวกับอาจารย์หรือทางโรงเรียนเลย อาจารย์ก็ยกมือห้ามบอกว่าจริงอย่างที่เตี่ยแกว่านั่นแหละ พร้อมกับขอโทษบักแว่นที่ทำให้บักแว่นพลาดโอกาสสนุกสนานในงานเทศกาลไป บักแว่นเจอแบบนี้ก็ได้แต่เงียบเท่านั้น
ไล่เบี้ยกับอาจารย์เสร็จ เตี่ยก็หันไปบอกบักแว่นให้นอนพักในโรงบาลให้เต็มที่จนกว่าจะแน่ใจว่าหายดีแล้วค่อยกลับไปเรียน ว่าจบก็ตัดบทเดินออกจากห้องไป อาจารย์เห็นบักแว่นทำท่าจะกลับก็พยายามรั้งตัวไว้ให้อยู่ที่นี่ดูอาการบักแว่นซักสองสามวัน เตี่ยแกก็ตัดบทแค่ว่าตัวเองมีงานต้องทำ ไม่มีเวลาพอจะอยู่ที่นี่นาๆ แล้วก็ทำท่าจะออกไปจากห้อง
แต่ก่อนเตี่ยจะออกจากห้องไป บักแว่นก็ร้องตะโกนตามเตี่ยไปว่า แล้วที่เคยบอกว่าเบคอนของผมอร่อยนั่นไม่ได้หมายความว่ายอมรับผมแล้วรึไง เตี่ยก็ชะงักไปเหมือนงงว่าบักแว่นพูดถึงอะไร ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หน้าเหมือนนึกได้แล้วบอกว่า "อ้อ เบคอนนั่นน่ะรึ เปล่านี่ ฉันไม่ได้พูดอะไรซักคำเลย"
คำพูดของเตี่ยทำเอาบักแว่นเย็นวาบ รู้สึกเหมือนตัวเองร่วงลงไปในหลุมดำมืดไร้ก้นในพริบตา ได้แต่ยืนเซ่ออยู่อย่างนั้นจนเตี่ยเดินออกจากห้องไป
ตัดไปทางด้านงานเทศกาลเอโสะโน เพื่อนๆ รวมทั้งคนดูทุกคนต่างสนุกสนานเริงเล่นกันสุดเหวี่ยง
ขณะที่านใหญ่สุดอย่างบักแว่นกลับได้แต่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ในห้องคนป่วย...ด้วยร่างกายและจิตใจที่ขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี
รุ่งขึ้น บักแว่นก็ฟื้นตัวจนออกจากโรงบาลได้หลังนอนโรงบาลพักผ่อนร่างกายอยู่หนึ่งวันเต็มๆ โดยมีครูประจำชั้นกับแม่มารับ โดยหลังจากจัดการเรื่องออกจากโรงบาลเสร็จ ครูประจำชั้นก็บอกให้บักแว่นไปเที่ยวงานเทศกาลเอโสะโนวันที่สองทดแทนส่วนที่ไม่ได้ไปวันแรกสิ บักแว่นก็ทำท่าลังเลเพราะยังนึกถึงคำพูดของเตี่ยเมื่อวานเรื่องที่ตัวเองไม่มีใครมาเยี่ยมเลย สุดท้ายก็เฉไฉไปว่าแว่นตัวเองแตกตอนล้มพับไป ต้องเอาแว่นไปซ่อมก่อน อาจารย์เลยขอตัวกลับโรงเรียนไป ปล่อยให้บักแว่นไปร้านแว่นกับแม่สองคน (จริงๆ บักแว่นบอกจะไปคนเดียว แต่บักแว่นเข้าโรงบาลมาไม่ได้พกเงินติดตัวเลยซักเยน เลยต้องยอมตามแม่ไป)
ระหว่างนั่งแท็กซี่ไปร้านแว่น แม่บักแว่นก็พยายามชวนคุยเรื่องต่างๆ แต่ก็ได้มาแต่คำถามแบบถามคำตอบคำจนแม่ไม่รู้จะหาอะไรมาชวนคุยต่อ
เงียบกันไปได้พักหนึ่ง บักแว่นก็ถามแม่ว่าทำไมต้องโกหกเรื่องเตี่ยบอกว่าเบคอนที่ตัวเองทำอร่อยด้วย แม่บักแว่นก็อ้ำอึ้งแก้ตัวว่าพ่อเราเขาไม่ค่อยพูดเรื่องรสชาติอาหารใช่มั้ยล่ะ ตอนกินเบคอนของเราแม่เห็นเขากินเงียบๆ เหมือนทุกทีก็เลยตีความว่าเขาคิดว่าอร่อยแค่นั้นเอง
แต่คำปลอบใจของแม่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลับทำให้บักแว่นยิ่งตีหน้าอารมณ์เสีย แล้วย้อนเอาด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มไว้เต็มที่ว่า ผมอยากให้แม่บอกความจริงผมมากกว่าจะโกหกรักษาน้ำใจกันนะ
ฝ่ายแม่เจอลูกตอกหน้าเข้าไปก็พูดอะไรไม่ออก บักแว่นก็ตัดบทว่าผมจะลงตรงนี้ จะไปร้านแว่นแล้วกลับโรงเรียนเอง ว่าจบก็หันไปบอกให้แท็กซี่จอดรถ พอแท็กซี่จอดปุ๊บ บักแว่นก็ทำท่าจะเดินหนีเลย แม่พยายามร้องเรียกไว้เท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ดึงดันจะไปร้านแว่นคนเดียวให้ได้ แม่บักแว่นเห็นบักแว่นโกรธจนไม่ฟังอะไรอีกแล้วแบบนั้นก็หยิบเงินค่าแว่นยื่นให้บอกว่าอย่างน้อยก็รับค่าแว่นไว้เถอะ บักแว่นก็รับมาแบบเสียไม่ได้ แล้วปล่อยให้รถแท็กซี่ที่แม่นั่งอยู่แล่นจากไป
หลังรถแท็กซี่แล่นจากไปแล้ว บักแว่นก็ยืนนิ่ง ก้มมองเงินที่แม่ใส่มือมาให้ด้วยสายตาโกรธจัดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะฉิววูบขึ้นมาทำท่าจะเขวี้ยงเงินในมือทิ้ง แต่พอนึกถึงโอวาทของคุณทวดของอากิเรื่องค่าของเงินได้ก็ชะงักกึก ฮึดฮัดเก็บเงินเข้ากระเป๋า แล้วเดินจากไป
มีการทำอินดี้ซ่อมแว่นเสร็จไม่เอาเงินทอนคืน แต่โยนลงกล่องบริจาคให้ผู้ประสบภัยซึนามิทางตะวันตกเฉียงเหนือ (ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุคุชิม่าพังนั่นแล) จนเกลี้ยงฉาดอีก...แต่ดันลืมไปว่าตัวเองก็ต้องใช้เงินเป็นค่ารถกลับโรงเรียนเหมือนกัน
ลงเอยเลยต้องเดินขาลากกลับโรงเรียนไปตามระเบียบ