พึ่งผ่านวาเลนไทน์มาวันเดียว เห็นหลายกระทู้ทั้งดีใจ เซอร์ไพรส์ ประทับใจ เหงาโสด และอื่นๆ เหมือนทุกปีนะคะ ที่เทศกาลแห่งความรักจะมีทั้งผู้ที่สมหวังและผู้เสียหายจากเหตุการณ์ตามปกติ
วันนี้อยากขอพูดถึงกรณีที่หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป ทั้งๆที่มีเสียงสะท้อนบ่อยครั้ง ทั้งในบอร์ดและในโลกจริงๆจากเพื่อนฝูง คนรอบข้างนะคะ ความตั้งใจที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็คือ สนับสนุนการรักษาน้ำใจกันระหว่างคนรัก และความสัมพันธ์ที่แข็งแรง แฮปปี้ ทุกคู่ค่ะ
ตามหัวข้อกระทู้ก็คือ อยากให้หนุ่มๆทั้งหลายที่อาจจะไม่สนใจเรื่องโรแมนติกหรืออาจถึงขั้นเบื่อหน่ายรำคาญพวกเทศกาลดอกไม้และช็อกโกแลตเหล่านี้ ปรับเพิ่มความหวานให้สาวๆเขาสักหน่อยค่ะ อย่าพึ่งทำหน้าสะอิดสะเอียนขย้อนอาหารเช้ากันเลยค่ะ ย้ำว่าหน่อยเดียวค่ะ ไม่ต้องเวอร์มาก
เราเข้าใจนะคะ ความเป็นผู้ชายแท้ๆ ส่วนมาก (ไม่ใช่ทุกคน) อาจจะไม่สนใจเรื่องอารมณ์ความรู้สึกสักเท่าไหร่ อาจจะไม่ได้สนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ รวมไปถึงขั้นรำคาญ เบื่อหน่าย สะอิดสะเอียด ไม่ต่างจากที่สาวๆรู้สึกเพลียกับการจริงจังกับฟุตบอล การแต่งรถ แต่งเครื่องเสียง หรือการไปเดินธนิยะเพื่อหาอุปกรณ์กอล์ฟของหนุ่มๆหรอกค่ะ
บ้างก็มองว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลือง ไร้สาระ ทุกวันก็รักกันดีอยู่แล้ว จะต้องมาอะไรมากมายในวันนี้ บ้าเห่อตามกระแส อยากเอาไปอวดกันใช่ไหม
อยากบอกจากใจจริงแทนหัวใจสาวๆจำนวนมากนะคะ (ไม่ใช่ทุกคนอีกเหมือนกัน พันทิปเขาชอบว่า "อย่าเหมาะรวม" เลยต้องเน้นหน่อยค่ะ ว่าที่เราพูดไม่ได้หมายถึงสาวๆทุกคน สาวบางคนอาจไม่ชอบไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลยจริงๆก็ได้) ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจเป็นแฟนของคุณ คู่รัก คู่กิ๊ก หรือภรรยาที่อยู่กันมานาน ซึ่งคุณหนุ่มๆก็ต้องสังเกตุเอาว่าคนข้างตัวเราให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้หรือไม่ เพราะบางทีการรักษาน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ก็มีผลมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อนะคะ และในเมื่อมันดีต่อสุขภาพจิต ดีต่อความสัมพันธ์ ทำให้ไม่ต้องมาเก็บกดน้อยใจปวดหัวกันทีหลัง ก็น่าลองหน่อยน่า ไม่ต้องลงทุนมากมายด้วย
ด้านล่างนี่ขออธิบายให้หนุ่มๆช่างสงสัยอ่านนิดนึงนะคะ เพราะเชื่อว่าถึงตรงนีหลายๆหนุ่มคงตั้งคำถามไว้บ้างแล้ว
1. ทุกวันก็รักกันดีอยู่ ก็เห็นๆอยู่ จะต้องมารักอะไรกันมากมายวันนี้ เวอร์ไม่เข้าท่า: อันนี้ตอบไม่ยากเลยค่ะ มันเป็นเรื่องของความรู้สึก และเพราะความรู้สึกนี่ล่ะคนเราจึงมีวันพิเศษต่างๆขึ้นมา ทำไมต้องมีวันเด็ก วันครู วันแม่ วันพ่อ วันพระ วันคริสมาสต์ในเมื่อทุกๆวันเราก็รักลูกหลาน เคารพคุณครู รักครอบครัว และนับถือศาสนากันอยู่แล้ว
วันเหล่านี้ เปรียบเสมือนวันที่เราได้ระลึกถึงความสำคัญของบุคคลและสิ่งต่างๆในชีวิตเรา เป็นการขอบคุณที่มีสิ่งเหล่านั้นและบุคคลเหล่านี้อยู่ในโลก ทำให้ชีวิตเราเติมเต็ม มีความสุขมากขึ้น และเหมือนเป็นการขอบคุณที่เขาทำหน้าที่ของเขาได้ดี การมีเขาอยู่ทำให้เรามีแฮปปี้ มันก็เป็นวันพิเศษหนึ่งวัน ที่เราจะได้บอกเขา บอกให้โลกรู้ ว่าคนๆนี้ สิ่งเหล่านี้สำคัญกับฉัน เหมือนเป็นการ "ขอบคุณที่มีกัน" ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ที่เราอาจจะไม่ได้บอกกันทุกวัน หรือให้ความเป็นพิเศษทุกวัน ก็ถือโอกาสซะ 1 ทีในปีนึง คงไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ
2. สิ้นเปลือง หาเรื่องให้ใช้เงินฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ ใช้เงินอย่างนี้สักวันก็อดตายพอดี: อันนี้ขอหัวเราะขำๆเบาๆเนอะ มันไม่มีทางหรอกค่ะที่ใครสักคนจะให้ดอกไม้ ขนมหวาน หรือแม้แต่การ์ดใบละไม่เกิน 80 บาทกับแฟน 1 ครั้งในรอบปีแล้วปรากฎว่าอดตายในภายหลัง
การให้ มันสำคัญที่น้ำใจค่ะ ไม่จำเป็นว่าคุณต้องซื้อดอกกุหลาบช่อละ 5 พันให้แฟน หรือน้ำหอมขวดละเป็นพันเสมอไป ของแบบนี้พิจารณาตามความเหมาะสมของฐานะ ความพร้อม และให้จากใจก็พอแล้ว บางทีเป็นนักเรียน นักศึกษา รายได้ไม่มากไม่อยากรบกวนพ่อแม่ หรือไม่ได้มีฐานะมากมาย แค่การ์ดสักใบ ทำเองจากวัสดุเหลือใช้ก็ได้ กล่องทิชชู่ยังเอามาต่อกันสวยๆได้เลย ไม่เสียเงินสักบาท หรือเอาง่ายๆทอดไข่ดาวรูปหัวใจ รูปดอกไม้ขำๆให้สักครั้ง อาหารต้องกินกันอยู่แล้วไม่สิ้นเปลือง ก็สามารถทำได้โดยไม่เดือดร้อนอะไรเลยค่ะ
แต่ทั้งนี้ ก็แล้วแต่ด้วยว่าแฟนคุณเป็นผู้ชอบเการเรียกร้องมากเกินไปหรือเปล่า เช่นคุณเงินเดือนสองหมื่น ต้องจ่ายค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งน้องเรียน แต่เขาอยากให้ซื้อดอกไม้หลายๆพันให้ อันนั้นก็ต้องคุยกันใหเข้าใจ ว่าการให้ หมายถึงน้ำใจ ไม่ใช่ให้เพื่อวัดมูลค่ากัน แต่ในทางกลับกันถ้าคุณมีฐานะพอจะซื้อ BMW หลายๆล้าน ใส่นาฬิกา Panerai รองเท้า Prada เข็มขัด Paul Smith เสื้อเชิ๊ต Pink แต่พอถึงวันจะซื้อของขวัญให้แฟนบอกสิ้นเปลือง เอาการ์ดไปใบเดียวพอ มันก็คงรู้สึกได้ว่าคุณไม่ได้ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ และมองเป็นเรื่องไร้สาระ ให้อย่างเสียไม่ได้หรือเปล่า เพราะหากจะย้อนถามว่าก็มันไม่จำเป็น เราก็ขอถามกลับว่านาฬิกาดูเวลาจากมือถือได้ไหม เรือนละไม่กี่ร้อยดูเวลาได้ไหม ทำไมต้อง Panerai หลายแสน เพราะคุณให้ความสำคัญใช่หรือไม่ แบบนี้แทนที่จะเป็นเรื่องของน้ำใจ ก็อาจกลายเป็น "เห็นน้ำใจ" กันไปเลยก็ได้
3. ให้ทำไม รำคาญพวกชอบตามกระแส อยู่เมืองดัดจริต ชีวิตต้องป๊อบ จะเอาไปอวดไปโม้กันซะมากกว่า รักกันสองคนไม่ได้ต้องประกาศให้โลกรู้ อยากจะเอาไปเดินถือดอกไม้อวดกัน ถ่ายรูปโชว์กัน น้ำใจอะไรไม่ใช่หรอก: บางอย่างมันก็เป็นความภูมิใจนะคะ ว่าคนข้างกายเรายังรักและเห็นความสำคัญกับเรา ลองคิดดูง่ายๆทำไมเด็กๆถึงรู้สึกแย่ในวันงานโรงเรียนที่เขาต้องขึ้นแสดงแต่คนในครอบครัวไม่มาเลย ติดงาน ติดธุระ เมื่อหันมองไปข้างๆคุณพ่อคุณแม่พี่น้องมารุมถ่ายรูปชื่นชม มันคือความรู้สึกเหมือนๆกันนะคะ เมื่อหันมองคนรอบข้างที่มีคนรักคอยบอกรัก แต่ตัวเองไม่มี ในวันพิเศษแบบนี้ เราเคยเจอ แทบไม่อยากออกจากบ้านไปเจออะไรบาดใจ (ไม่เหมารวมนะคะ ผู้หญิงหลายคนก็ไม่สนใจค่ะ)
จะบอกว่าใครจะคิดยังไงก็ช่างหัวมันสิ รักกันรู้กันแค่สองคนไม่ได้เหรอ มันก็ได้ล่ะค่ะ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้ารักกันสองคนและรักษาน้ำใจกันและกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆด้วย ดีกว่าหักหาญน้ำใจกันเพราะคำว่า "แอนตี้กระแสสังคม" ลองเทียบดู ความรัก ความดีที่คนข้างๆให้แก่คุณ กับการติสท์รังเกียจกระแส อันไหนสำคัญกว่ากัน
อีกอย่าง เวลาจะทำดีกับแฟน กลับรู้สึกอายสังคมที่ทำตามกระแส แต่เวลาจะทะเลาะกับแฟนเพื่ออกไปกินเหล้ากับเพื่อน ดูบอลกับเพื่อน สังคมก็รู้ว่าทำร้ายจิตใจแฟนมา แบบนั้นกลับไม่อาย รู้สึกว่าเจ๋ง ไม่กลัวเมียเว้ย แฟนและเมียมันเป็นเบี้ยล่าง เราว่าแบบนั้นน่าอายกว่าค่ะ การทำดีไม่น่าอายหรอก เชื่อสิ
4. ทำไมชอบน้ำเน่ากันนัก รู้ไหมไอ้พวกที่ถึงวันให้ดอกไม้ ถึงวันมีเซอร์ไพรส์ ลับหลังน่ะมันเจ้าชู้ มันก็ให้ทุกคนล่ะ วาเลนไทน์พิสูจน์รักแท้ไม่ได้หรอก จะเอาเหรอแบบนั้นน่ะ: จริงๆข้อนี้ไม่เกี่ยวกันเลยนะคะ แต่หนุ่มๆชอบเอามาอ้างกันจัง งั้นถามกลับ ถ้าให้คุณมีแฟนหรือภรรยาที่สวยราวนางฟ้า หน้าอกโตๆ หุ่นดีๆ ดูแลคุณเยี่ยงราชารองเท้ายังไม่เคยต้องถอดเอง อาหารน้ำท่าเตรียมเสมอไม่ขาดตกบกพร่อง แต่สุดท้ายรู้ว่าชีก็ปรนนิบัติชายทุกคนไปพร้อมๆกับคุณ คุณอยากได้ไหมคะ
คนดี คนมีน้ำใจ กับคนเจ้าชู้ มันต่างกันค่ะ คนรักษาน้ำใจแฟนไม่จำเป็นต้องเจ้าชู้ มันเป็นคนละเรื่อง ไม่มีสูตรตายตัวว่าเอาใจแฟน=เจ้าชู้ สิ่งที่ทุกคนไม่ว่าหญิงชายปรารถนาก็คือคนที่รักเรา ดูแล เอาใจใส่ ให้ความสำคัญกับเรา และรักเดียวใจเดียว ไม่ใช่เหรอคะ หากมันถึงกับเป็นทางเลือกว่าจะเอารักเดียวใจเดียวก็ต้องคนห่ามๆเท่านั้น พวกใจดีคือเจ้าชู้ ถ้าเป็นแบบนั้นเราว่าสาวๆอีกหลายคนในโลกยอมไม่เลือกคู่นะ ถ้าข้อจำกัดมันรุนแรงขนาดนั้น
5. ผมไม่เคยให้อะไรเลย เค้าไม่ว่าหนิ อยู่ๆไปให้อายแย่เลย เขาคงขำหรือดุว่าใช้เงินเปลือง: อยากบอกว่าลองให้ดูสิคะ ให้ครั้งแรกอาจจะโดนแบบนั้นล่ะ (บางทีนางก็อายบ้างเขินบ้าง หรือไม่ชิน) แต่ลองให้ต่อๆกันสักหลายๆปี แล้วลองหยุดให้สักปี อยากดูว่านางจะทวงไหม หรือจะชื่นชมว่าดีๆ ประหยัดดี
อยากฝากไว้เท่านี้ค่ะ รับรองว่าการรักษาน้ำใจในเรื่องเล็กๆน้อย จะทำให้ความรัก ความสัมพันธ์ของคุณดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ ปีหนึ่ง ขอบคุณในความรักจากเขาสักครั้ง รับรองว่าไม่มากไป และให้ผลคุ้มค่าอย่างไม่น่าเชื่อแน่นอนค่ะ
ป.ล. เจ้าของกระทู้ไม่ได้องุ่นเปรี้ยวออกมาโวยวายอะไรนะคะ ปีนี้คุณสามีให้ดอกไม้เรียบร้อยแล้วจ้า อันนี้พูดแทนสาวๆอีกหลายคนที่เศร้าเซ็ง รวมถึงตัวเองในสมัยก่อนที่เคยเป็นนะคะ ย้ำอีกครั้งว่าไม่มีการเหมารวมค่ะ เพียงแต่ขอแนะนำให้กับหนุ่มๆที่รู้ว่าคนข้างกายอาจมีความต้องการอย่างนี้ เพื่อให้เข้าใจกันเนอะ
****อยากให้หนุ่มๆแวะอ่านค่ะ นิดนึงในวันวาเลนไทน์ อาจมีความหมายกับคนข้างตัวนะคะ****
วันนี้อยากขอพูดถึงกรณีที่หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป ทั้งๆที่มีเสียงสะท้อนบ่อยครั้ง ทั้งในบอร์ดและในโลกจริงๆจากเพื่อนฝูง คนรอบข้างนะคะ ความตั้งใจที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็คือ สนับสนุนการรักษาน้ำใจกันระหว่างคนรัก และความสัมพันธ์ที่แข็งแรง แฮปปี้ ทุกคู่ค่ะ
ตามหัวข้อกระทู้ก็คือ อยากให้หนุ่มๆทั้งหลายที่อาจจะไม่สนใจเรื่องโรแมนติกหรืออาจถึงขั้นเบื่อหน่ายรำคาญพวกเทศกาลดอกไม้และช็อกโกแลตเหล่านี้ ปรับเพิ่มความหวานให้สาวๆเขาสักหน่อยค่ะ อย่าพึ่งทำหน้าสะอิดสะเอียนขย้อนอาหารเช้ากันเลยค่ะ ย้ำว่าหน่อยเดียวค่ะ ไม่ต้องเวอร์มาก
เราเข้าใจนะคะ ความเป็นผู้ชายแท้ๆ ส่วนมาก (ไม่ใช่ทุกคน) อาจจะไม่สนใจเรื่องอารมณ์ความรู้สึกสักเท่าไหร่ อาจจะไม่ได้สนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ รวมไปถึงขั้นรำคาญ เบื่อหน่าย สะอิดสะเอียด ไม่ต่างจากที่สาวๆรู้สึกเพลียกับการจริงจังกับฟุตบอล การแต่งรถ แต่งเครื่องเสียง หรือการไปเดินธนิยะเพื่อหาอุปกรณ์กอล์ฟของหนุ่มๆหรอกค่ะ
บ้างก็มองว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลือง ไร้สาระ ทุกวันก็รักกันดีอยู่แล้ว จะต้องมาอะไรมากมายในวันนี้ บ้าเห่อตามกระแส อยากเอาไปอวดกันใช่ไหม
อยากบอกจากใจจริงแทนหัวใจสาวๆจำนวนมากนะคะ (ไม่ใช่ทุกคนอีกเหมือนกัน พันทิปเขาชอบว่า "อย่าเหมาะรวม" เลยต้องเน้นหน่อยค่ะ ว่าที่เราพูดไม่ได้หมายถึงสาวๆทุกคน สาวบางคนอาจไม่ชอบไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลยจริงๆก็ได้) ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจเป็นแฟนของคุณ คู่รัก คู่กิ๊ก หรือภรรยาที่อยู่กันมานาน ซึ่งคุณหนุ่มๆก็ต้องสังเกตุเอาว่าคนข้างตัวเราให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้หรือไม่ เพราะบางทีการรักษาน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ก็มีผลมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อนะคะ และในเมื่อมันดีต่อสุขภาพจิต ดีต่อความสัมพันธ์ ทำให้ไม่ต้องมาเก็บกดน้อยใจปวดหัวกันทีหลัง ก็น่าลองหน่อยน่า ไม่ต้องลงทุนมากมายด้วย
ด้านล่างนี่ขออธิบายให้หนุ่มๆช่างสงสัยอ่านนิดนึงนะคะ เพราะเชื่อว่าถึงตรงนีหลายๆหนุ่มคงตั้งคำถามไว้บ้างแล้ว
1. ทุกวันก็รักกันดีอยู่ ก็เห็นๆอยู่ จะต้องมารักอะไรกันมากมายวันนี้ เวอร์ไม่เข้าท่า: อันนี้ตอบไม่ยากเลยค่ะ มันเป็นเรื่องของความรู้สึก และเพราะความรู้สึกนี่ล่ะคนเราจึงมีวันพิเศษต่างๆขึ้นมา ทำไมต้องมีวันเด็ก วันครู วันแม่ วันพ่อ วันพระ วันคริสมาสต์ในเมื่อทุกๆวันเราก็รักลูกหลาน เคารพคุณครู รักครอบครัว และนับถือศาสนากันอยู่แล้ว
วันเหล่านี้ เปรียบเสมือนวันที่เราได้ระลึกถึงความสำคัญของบุคคลและสิ่งต่างๆในชีวิตเรา เป็นการขอบคุณที่มีสิ่งเหล่านั้นและบุคคลเหล่านี้อยู่ในโลก ทำให้ชีวิตเราเติมเต็ม มีความสุขมากขึ้น และเหมือนเป็นการขอบคุณที่เขาทำหน้าที่ของเขาได้ดี การมีเขาอยู่ทำให้เรามีแฮปปี้ มันก็เป็นวันพิเศษหนึ่งวัน ที่เราจะได้บอกเขา บอกให้โลกรู้ ว่าคนๆนี้ สิ่งเหล่านี้สำคัญกับฉัน เหมือนเป็นการ "ขอบคุณที่มีกัน" ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ที่เราอาจจะไม่ได้บอกกันทุกวัน หรือให้ความเป็นพิเศษทุกวัน ก็ถือโอกาสซะ 1 ทีในปีนึง คงไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ
2. สิ้นเปลือง หาเรื่องให้ใช้เงินฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ ใช้เงินอย่างนี้สักวันก็อดตายพอดี: อันนี้ขอหัวเราะขำๆเบาๆเนอะ มันไม่มีทางหรอกค่ะที่ใครสักคนจะให้ดอกไม้ ขนมหวาน หรือแม้แต่การ์ดใบละไม่เกิน 80 บาทกับแฟน 1 ครั้งในรอบปีแล้วปรากฎว่าอดตายในภายหลัง
การให้ มันสำคัญที่น้ำใจค่ะ ไม่จำเป็นว่าคุณต้องซื้อดอกกุหลาบช่อละ 5 พันให้แฟน หรือน้ำหอมขวดละเป็นพันเสมอไป ของแบบนี้พิจารณาตามความเหมาะสมของฐานะ ความพร้อม และให้จากใจก็พอแล้ว บางทีเป็นนักเรียน นักศึกษา รายได้ไม่มากไม่อยากรบกวนพ่อแม่ หรือไม่ได้มีฐานะมากมาย แค่การ์ดสักใบ ทำเองจากวัสดุเหลือใช้ก็ได้ กล่องทิชชู่ยังเอามาต่อกันสวยๆได้เลย ไม่เสียเงินสักบาท หรือเอาง่ายๆทอดไข่ดาวรูปหัวใจ รูปดอกไม้ขำๆให้สักครั้ง อาหารต้องกินกันอยู่แล้วไม่สิ้นเปลือง ก็สามารถทำได้โดยไม่เดือดร้อนอะไรเลยค่ะ
แต่ทั้งนี้ ก็แล้วแต่ด้วยว่าแฟนคุณเป็นผู้ชอบเการเรียกร้องมากเกินไปหรือเปล่า เช่นคุณเงินเดือนสองหมื่น ต้องจ่ายค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งน้องเรียน แต่เขาอยากให้ซื้อดอกไม้หลายๆพันให้ อันนั้นก็ต้องคุยกันใหเข้าใจ ว่าการให้ หมายถึงน้ำใจ ไม่ใช่ให้เพื่อวัดมูลค่ากัน แต่ในทางกลับกันถ้าคุณมีฐานะพอจะซื้อ BMW หลายๆล้าน ใส่นาฬิกา Panerai รองเท้า Prada เข็มขัด Paul Smith เสื้อเชิ๊ต Pink แต่พอถึงวันจะซื้อของขวัญให้แฟนบอกสิ้นเปลือง เอาการ์ดไปใบเดียวพอ มันก็คงรู้สึกได้ว่าคุณไม่ได้ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ และมองเป็นเรื่องไร้สาระ ให้อย่างเสียไม่ได้หรือเปล่า เพราะหากจะย้อนถามว่าก็มันไม่จำเป็น เราก็ขอถามกลับว่านาฬิกาดูเวลาจากมือถือได้ไหม เรือนละไม่กี่ร้อยดูเวลาได้ไหม ทำไมต้อง Panerai หลายแสน เพราะคุณให้ความสำคัญใช่หรือไม่ แบบนี้แทนที่จะเป็นเรื่องของน้ำใจ ก็อาจกลายเป็น "เห็นน้ำใจ" กันไปเลยก็ได้
3. ให้ทำไม รำคาญพวกชอบตามกระแส อยู่เมืองดัดจริต ชีวิตต้องป๊อบ จะเอาไปอวดไปโม้กันซะมากกว่า รักกันสองคนไม่ได้ต้องประกาศให้โลกรู้ อยากจะเอาไปเดินถือดอกไม้อวดกัน ถ่ายรูปโชว์กัน น้ำใจอะไรไม่ใช่หรอก: บางอย่างมันก็เป็นความภูมิใจนะคะ ว่าคนข้างกายเรายังรักและเห็นความสำคัญกับเรา ลองคิดดูง่ายๆทำไมเด็กๆถึงรู้สึกแย่ในวันงานโรงเรียนที่เขาต้องขึ้นแสดงแต่คนในครอบครัวไม่มาเลย ติดงาน ติดธุระ เมื่อหันมองไปข้างๆคุณพ่อคุณแม่พี่น้องมารุมถ่ายรูปชื่นชม มันคือความรู้สึกเหมือนๆกันนะคะ เมื่อหันมองคนรอบข้างที่มีคนรักคอยบอกรัก แต่ตัวเองไม่มี ในวันพิเศษแบบนี้ เราเคยเจอ แทบไม่อยากออกจากบ้านไปเจออะไรบาดใจ (ไม่เหมารวมนะคะ ผู้หญิงหลายคนก็ไม่สนใจค่ะ)
จะบอกว่าใครจะคิดยังไงก็ช่างหัวมันสิ รักกันรู้กันแค่สองคนไม่ได้เหรอ มันก็ได้ล่ะค่ะ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้ารักกันสองคนและรักษาน้ำใจกันและกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆด้วย ดีกว่าหักหาญน้ำใจกันเพราะคำว่า "แอนตี้กระแสสังคม" ลองเทียบดู ความรัก ความดีที่คนข้างๆให้แก่คุณ กับการติสท์รังเกียจกระแส อันไหนสำคัญกว่ากัน
อีกอย่าง เวลาจะทำดีกับแฟน กลับรู้สึกอายสังคมที่ทำตามกระแส แต่เวลาจะทะเลาะกับแฟนเพื่ออกไปกินเหล้ากับเพื่อน ดูบอลกับเพื่อน สังคมก็รู้ว่าทำร้ายจิตใจแฟนมา แบบนั้นกลับไม่อาย รู้สึกว่าเจ๋ง ไม่กลัวเมียเว้ย แฟนและเมียมันเป็นเบี้ยล่าง เราว่าแบบนั้นน่าอายกว่าค่ะ การทำดีไม่น่าอายหรอก เชื่อสิ
4. ทำไมชอบน้ำเน่ากันนัก รู้ไหมไอ้พวกที่ถึงวันให้ดอกไม้ ถึงวันมีเซอร์ไพรส์ ลับหลังน่ะมันเจ้าชู้ มันก็ให้ทุกคนล่ะ วาเลนไทน์พิสูจน์รักแท้ไม่ได้หรอก จะเอาเหรอแบบนั้นน่ะ: จริงๆข้อนี้ไม่เกี่ยวกันเลยนะคะ แต่หนุ่มๆชอบเอามาอ้างกันจัง งั้นถามกลับ ถ้าให้คุณมีแฟนหรือภรรยาที่สวยราวนางฟ้า หน้าอกโตๆ หุ่นดีๆ ดูแลคุณเยี่ยงราชารองเท้ายังไม่เคยต้องถอดเอง อาหารน้ำท่าเตรียมเสมอไม่ขาดตกบกพร่อง แต่สุดท้ายรู้ว่าชีก็ปรนนิบัติชายทุกคนไปพร้อมๆกับคุณ คุณอยากได้ไหมคะ
คนดี คนมีน้ำใจ กับคนเจ้าชู้ มันต่างกันค่ะ คนรักษาน้ำใจแฟนไม่จำเป็นต้องเจ้าชู้ มันเป็นคนละเรื่อง ไม่มีสูตรตายตัวว่าเอาใจแฟน=เจ้าชู้ สิ่งที่ทุกคนไม่ว่าหญิงชายปรารถนาก็คือคนที่รักเรา ดูแล เอาใจใส่ ให้ความสำคัญกับเรา และรักเดียวใจเดียว ไม่ใช่เหรอคะ หากมันถึงกับเป็นทางเลือกว่าจะเอารักเดียวใจเดียวก็ต้องคนห่ามๆเท่านั้น พวกใจดีคือเจ้าชู้ ถ้าเป็นแบบนั้นเราว่าสาวๆอีกหลายคนในโลกยอมไม่เลือกคู่นะ ถ้าข้อจำกัดมันรุนแรงขนาดนั้น
5. ผมไม่เคยให้อะไรเลย เค้าไม่ว่าหนิ อยู่ๆไปให้อายแย่เลย เขาคงขำหรือดุว่าใช้เงินเปลือง: อยากบอกว่าลองให้ดูสิคะ ให้ครั้งแรกอาจจะโดนแบบนั้นล่ะ (บางทีนางก็อายบ้างเขินบ้าง หรือไม่ชิน) แต่ลองให้ต่อๆกันสักหลายๆปี แล้วลองหยุดให้สักปี อยากดูว่านางจะทวงไหม หรือจะชื่นชมว่าดีๆ ประหยัดดี
อยากฝากไว้เท่านี้ค่ะ รับรองว่าการรักษาน้ำใจในเรื่องเล็กๆน้อย จะทำให้ความรัก ความสัมพันธ์ของคุณดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ ปีหนึ่ง ขอบคุณในความรักจากเขาสักครั้ง รับรองว่าไม่มากไป และให้ผลคุ้มค่าอย่างไม่น่าเชื่อแน่นอนค่ะ
ป.ล. เจ้าของกระทู้ไม่ได้องุ่นเปรี้ยวออกมาโวยวายอะไรนะคะ ปีนี้คุณสามีให้ดอกไม้เรียบร้อยแล้วจ้า อันนี้พูดแทนสาวๆอีกหลายคนที่เศร้าเซ็ง รวมถึงตัวเองในสมัยก่อนที่เคยเป็นนะคะ ย้ำอีกครั้งว่าไม่มีการเหมารวมค่ะ เพียงแต่ขอแนะนำให้กับหนุ่มๆที่รู้ว่าคนข้างกายอาจมีความต้องการอย่างนี้ เพื่อให้เข้าใจกันเนอะ