วันแห่งความรัก...



14 ก.พ. 2557 ปีนี้มีความสำคัญ 2 อย่าง หนึ่งคือวันมาฆบูชา และ สองคือวันแห่งความรัก หลายๆคนเตรียมเนื้อเตรียมตัวถือศึล กินเจ จัดเตรียมหาวัดใกล้บ้านหรือที่สะดวก บ้างก็ชอบวัดที่ดังๆ เพื่อปฎบัติตัวเป็นพุทธมามกะ เวียนเทียนในค่ำคืนนี้ และอีกหลายๆคู่ก็เตรียมตัวสำหรับวันวาเลนไทน์ เพื่อเฉลิมฉลองความรักกับคนรัก บ้างก็เตรียมตัวเสียสาวให้กับคนที่รัก (แต่ไม่รู้ว่ามันรักจริง หรือแค่หลอกฟัน...) ไม่รู้ว่าสองอย่างนี้คนไทยให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน
หากแต่ประเทศไทย ที่ตอนนี้ถ้าเปรียบเป็นความรักก็คงเป็น ความรักที่เปราะบางหรือเข้าขั้นวิกฤตเลยก็ว่าได้ 8 ปีกับความวุ่นวายที่ไม่รู้จักจบสิ้น การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่ออำนาจที่ตัวเองต้องการ โดยไม่คำนึงถึงความ "ยิ้ม" ของประเทศที่แต่ละคนบอกว่า "รักนักรักหนา" เหตุการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาตลอด 8 ปี หลายคนต้องสูญเสียคนรัก หลายคนไม่มีคู่ตุนาหงันสำหรับฉลองวันแห่งความรักในค่ำคืนนี้ หลายคนสิ้นสูญคนเคียงข้างเวียนเทียนรอบโบสถ์ด้วยกัน เพียงเพราะ "ความอยากได้อยากมี" ของคนกลุ่มเล็กๆในประเทศไทย แต่มีอำนาจบารมีล้นเหลือ พออยากได้อำนาจก็หาขออ้างสารพัดมาชักจูง ประชาชนตาดำๆ ไปช่วยกันล้มล้างฝั่งตรงข้าม จนสูญสิ้นชีวิตไปมากมาย นำร่างไร้วิญญาณของพวกเค้ามาหากิน สร้างความเกลียดเคียดแค้นชิงชังจากร่างไร้ลมหายใจเหล่านั้น  แต่เมื่อมีอำนาจตามที่ต้องการ ร่างผู้เสียชีวิตก็เป็นแค่เศษเถ้าธุลี ไม่มีอะไรให้กล่าวถึง แม้กระทั่ง "ความยุติธรรม" ที่จะทวงถามว่า "ใครฆ่า"
ไม่แตกต่างอะไรกับด้ามขวานทองแห่งนี้ในนาม "ประเทศไทย" ดินแดนที่ทุกคนกล่าวถึง แสดงความรักหวงแหนจนสุดประมาณ พร้อมที่จะทำลายทุกชีวิตที่เหยียบย่ำพื้นแผ่นดินอันเป็นที่รัก
หากแต่ว่า "ความรัก" ในลมปากที่พูด เป็นเพียงแค่กระแสลมพัดผ่าน รักเพียงแต่รูปภายนอก รักเมื่อต้องการประโยชน์อะไรสักอย่างจากพื้นแผ่นดินนี้ เมื่อกระแสจาง เมื่อเสพสมผลประโยชน์ได้ตามอารมณ์หมาย ก็ปล่อยผ่านละเลยกับ "ชาติ" ที่ตัวเองเพิ่งบอกว่ารักนักรักหนา วันนี้ "ชาติ" บอบช้ำไม่รู้เท่าไหร่ จาก "สงครามแห่งผลประโยชน์" ที่แย่งชิงกันไม่รู้จักจบสิ้น หาความสิ้นสุดไม่เจอ "เหลือง แดง ชมพู น้ำเงิน สลิ่ม ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ อำมาตย์ ทหาร" วาทะกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคนหรือสถาบันเหล่านี้ กลายเป็นตัวจุดชนวน แบ่งแยก ความเป็น "ชาติ" ออกเป็นสองเสี่ยง ไม่มีวันที่จะกลับมารวมกันติดได้อีก โดยมี "ประชาชนผู้รักชาติ" เป็นขุมกำลัง ชัยชนะอันหอมหวานที่รอคอย ผลประโยชน์ที่รอแบ่งปัน ในบั้นปลายไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหน "ชาติไทย" ก็ได้ย่อยยับแตกสลายไปกับมือ
ในวันนี้ไม่เรียกร้องอะไรมากนอกจาก ขอให้ผู้รักชาติทั้งหลาย ไม่ว่าจะฝั่งฟากไหน ในโอกาสวันแห่งความรัก ขอให้ทั้งสองฟากฝั่งหันหน้าเข้าคุยกัน นึกถึงผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ นึกถึงพี่น้องร่วมชาติในปัจจุบัน และอีกหลายล้านชีวิตในอนาคตข้างหน้า ช่วยมอบความรักให้พื้นแผ่นดินเกิด แผ่นดินอาศัยของทุกคน ได้มีโอกาสพักผ่อนและอยู่อย่างสงบสุข
วันนี้ "ชาติ" ของเราเจ็บปวดรวดร้าว กับสงคราม "สีเสื้อ" มามากเพียงพอแล้ว "ชาติ" ของเราเจ็บปวด กับ "วาทะกรรม" ที่เราสรรสร้างเพียงเพื่อทำลายล้างฝั่งตรงข้ามมามากพอแล้ว วันนี้ "ธงไตรรงค์" ผืนนี้ไม่เหลืออะไรให้พวกคุณทำลายอีกแล้ว
หากแต่ว่าคำขอของผมคงเป็นได้เพียง "ลมปาก" ที่ไม่มีใครสนใจฟัง เพราะผมเป็นแค่ประชาชนที่ไม่มี "อำนาจ" "ยศฐาบรรดาศักดิ์" อะไรที่จะไปต่อรองกับคนเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม ผมยังหวังเสมอว่าไม่วันใดวันหนึ่ง สิ่งที่ผมร้องขอจะได้รับตอบสนองจาก "เพื่อนร่วมชาติ" ของผมทุกคน สักวันหนึ่งเราจะกลับมา "รักกัน" ได้เหมือนเดิม โดยไม่ต้องมีสีเสื้ออีก วันที่ "ธงไตรรงค์" จะปลิวไสว และป่าวประกาศใน "ความรัก สามัคคี" ของคนในชาติ ที่พวกเราได้เรียกตัวเองอย่างภูมิใจว่า "คนไทย ผู้รักชาติ"

รักเธอประเทศไทย...ประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกหากปราศจากนักการเมืองและข้าราชการขี้โกง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่