My Best Albums of 2013

10.We Came As Romans - Tracing Back Roots (2013)



ระยะเวลากว่า8ปีได้หล่อหลอมต้นไม้ต้นหนึ่งไห้เติบโตขึ้นมา จนบัดนี้ต้นไม้เล็กๆต้นนั้นได้หยั่งรากแผ่กิ่งก้านใบสาขาออกมาจนเป็นต้นไม้ ที่ใหญ่ที่สุดของ Equal Vision

ผลพวงจากการที่ได้ไปทัวร์ร่วม กับUnderoathทำให้ชุดนี้มีแขกรับเชิญพิเศษได้แก่ เฮียAaron Gillespie แห่ง The Almostเข้ามาFeat.ในเพลง I Survive
(หลายๆคนอาจเคยเค้าในนามUnderoathซะมากกว่า)

สิ่ง ที่เพิ่มเข้ามาในอัลบัมชุดที่สามคือทางวงได้ใช้เสียงคลีนของDaveเข้าไปเพิ่ม สีสันในงานทำให้เราได้ยินเสียงคลีนสองเสียงประสาน และน่าแปลกหลายๆคนรวมทั้งผู้เขียนเองถูกใจเสียงคลีนของDaveมากกว่าKyleซะอีก

ด้าน เนื้อเพลง เนื้อหาโดยตรงของเพลงจะเป็นการให้กำลังใจซะเป็นส่วนใหญ่(ฟังแล้วโครต Hope Full)และแน่นอนมาจากปลายปากกาของJoshua คนเดิมนั่นเอง

ด้าน ภาคดนตรีรู้สึกว่าเพลงจะติดกลิ่นเมนสตรีมขึ้นมาเล็กน้อยและอารมณ์ในเพลง รู้สึกว่าจะฟังและเข้าถึงง่ายกว่า สองอัลบัมที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะปลี่ยนโปรดิวเซอร์จากJoey Sturgisเป็น John Feldmann

ถ้าเปรียบ We Came As Romans เป็นดังต้นไม้ต้นหนึ่งTracing Back Roots หรือการกลับไปสู่รากเหง้าถือเป็นการปลดปล่อยไอเดียหลายๆอย่างที่ทางวงทำไว้แต่ไม่ได้เอามาใช้ ได้อย่างสวยงาม

9.Fear and Wonder - Beauty Is the Beast EP (2013)



5หนุ่มกับอีก1สาวจากเมืองTexusเรามักจะนีกถึงคาวบอยหรือดนตรีคันทรี่ซะ เป็นส่วนใหญ่ เปิดตัวพร้อมกับอีพี 5แทรค ชิ้นแรกของพวกเขา ที่พิสูจน์แล้วว่ามีฝีมือจริงๆไม่จำเป็นต้องรอค่าย กับผลงานยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งที่พวกเขาภูมิใจเสนอ

Fear and Wonder เป็นอีกวงที่เลือกจะทำงานแบบD.I.Y ที่ดูแลผลงานตัวเองด้วยตัวเองทั้งหมดทั้งด้านการจัดตารางทัวร์เอง ทำเพลง ทำMVเอง

สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือเสาหลักของวงอย่างนาย Albert Gonzalezที่ผมชอบเค้ามาตั้งแต่ตอนที่เขาทำวง Skyscrapers Walk Among Us (ตอนนั้นทำหน้าที่เป็นมือเบสและสครีม)แต่ตอนนี้เขาคือสมาชิกของ Fear and Wonder ที่ทางวงขาดไม่ได้ (รับหน้าที่เป็นนักร้อง,โปรดิวซ์,แต่งเนื้อร้อง,ผู้กำกับMV)

Beauty Is the Beast คืออีพีอัลบัมPost-hardcore ผสานกับดนตรีอีเล็คทรอนิกส์เท่ห์ๆอีกชุดที่ฟังและเข้าถึงได้ง่ายๆภาคดนตรี ที่มีท่อนคลีนผสานไปทั้งเสียงชายและหญิงที่ผสานเสียงครีมอันทรงพลัง แต่น่าเสียดายที่เสียงคลีนของAlbertยังรู้สึกดูด้อยไปนิดอาจต้องรอเวลาหรือ อาจพัฒนาและปรับปรุงได้ในอัลบัมเต็ม

แถมด้วยเกร็ดเล็กน้อย

นักร้องนำ Albert Gonzalezเคยเป็นนักร้องของวง Hematidrosis เป็นมือเบสของวงSkyscrapers Walk Among Us,The Great Commission และเคยทัวร์กับAbullet for prettyboy , I Set Mt Friend On Fire

มือกีตาร์ และเบสJameson Teatและ Brad Black  มาจากวง Let the Dead

มือกลอง Corey Good มาจากวงModern day Escape

8.Woe, Is Me - American Dream (2013)



เป็น เรื่องน่าตลกที่คนก่อตั้งวงอย่าง Austin Thornton ได้โดนไล่ออกจากวงไปอาจจะเป็นเพราะทัศนะคติหรือนิสัยที่ไม่ตรงกัน(อย่าคิด ว่าเขาจะกลับไปอยู่ Of Machines เพราะทางวงปฏิเสธออกสื่อได้อย่าง โหดสัส มากๆ)

แต่สมาชิกที่เหลือทั้ง 5คน ไม่รอช้าได้เข้าสตูดิโอ เพื่อทำเพลงกันต่อไป เพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงฝีมือของพวกเค้า ทั้ง 5คน

อัล บัมนี้ต้องยกเครดิตให้Tom Denny(อดีตมือกีตาร์ A Day To remember)เป็นผู้กุมบังเหียนในอัลบัมนี้โดยหลังจากที่Ausitnได้ออกไปTomได้ เข้ามาช่วยและมีบทบาทให้กับวงไม่น้อยโดยเป็นทั้ง Producer ,Drum Technician,มือกลอง ก่อนที่นาย David Angle อดีตมือกลอง At the Skylines จะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของวงอย่างเต็มตัว ส่วนอดีตโปรดิวซ์เซอร์คู่บุญอย่างนาย Cameron Mizell รับหน้าที่มิกซ์และมาสเตอร์ริ่งเท่านั้น

American Dream ถือได้ว่าเป็นการแหวกแนวของวงหลายอย่างเช่น ชื่ออัลบัมไม่มีสัญลักษณ์ มีการใช้ท่อนคอรัสทำให้ท่อนคลีนดูเด่นขึ้นไช้เสียงสครีมประสาน สองโทนแบบ ชุดแรก แต่แนวเพลงของชุดนี้ยังคงมีความคล้ายๆกับชุดที่แล้ว พาร์ทกีตาร์ยังคงจูนต่ำแบบเช่นGenesi มีเสียงอีเล็คทรอนิกส์รองพื้นน้อยลง ลดบทบาทไลน์กลองลง และ มีเพลงอคูสติก เข้ามาถึง 2เพลง

Track By Track

Stand Up

เป็นครั้งแรกที่วงมีท่อนChorusเข้ามาในเพลง ถ้าไม่นับเพลงCoverทั้งหลาย

singleแรกของวงที่ทางวงได้เล่นในวันที่ 15มิถุนายนที่ Warped Tour ครั้งล่าสุด

โดยความหมายของเพลงบ่งบอกถึงการปดแอก และลุกขึ้นยืนเพื่อเสรีภาพ

American Dream

เพลงที่ผู้เขียน ชอบที่สุดในอัลบัมนี้ โดยเนื้อเพลงที่พูดถึงการก้าวต่อไป โดยหลีกหนีจากอดีต
เพลง นี้เปิดมาด้วยกีตาร์ริฟคู่ประสาน มีท่อนบริดจ์ที่เด่นและสวยงามมาก  มีท่อนประสานท้ายเพลงที่ยิ่งฟังแล้วยิ่งนึกถึงเพลง Hooligan ของ Issues

พิเศษเพลงนี้ได้ Danny Leal แห่งคณะ Upon a Burning Bodyมาเป็นแขกรับเชิญ

A Voice Of Hope

เสียง แห่งความหวังเสียงนี้คือเสียง ที่หนักหน่วงในอัลบัมโดยเนื้อเพลงสื่อถึงความเก็บกด เสียดสี สบถ และประชดประชัน และเป็นการโชว์พลังเสียงของ Doriano เพลงนี้เป็นการทดลองนำเสียงสครีมสองไลน์คู่ประสานแบบอัลบัมNumber มาใช้อีกครั้ง (แต่แตกต่างกันคราวนี้เป็นDoriano ไม่ไช่Michel)

Restless Nights
ในขณะที่หลายคนกำลังหลับ แต่Hance กำลังแต่งเพลงนี้ขึ้นมา ในเวลาตี3 ของค่ำคืนหนึ่ง

เพลงนี้ เป็นเพลงอคูสติก ช้าๆง่ายๆรองพื้นด้วยเสียงเครื่องสายบางๆ สื่อถึงความกังวล กลัว หวาดระแวง

Fine Without You

เพลงนี้ เป็นเพลงอคูสติก ช้าๆง่ายๆรองพื้นด้วยเสียงเครื่องสายบางๆ เช่นเดียวกับ Restless Nights

บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของคนสองคน จนทำให้อดคิดถึง Austin Thorntonไม่ได้

สุดท้ายนี้ขอไว้อาลัยไห้กับวงดนตรีเล็กๆวงนึงที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมวงหนึ่ง อัลบัมNumberของพวกเขาคืออัลบัมที่ผมชอบที่สุดของ Rise Record ครับ

ทิ้งท้ายด้วยไลน์อัพสุดท้าย 2013

Hance Alligood นักร้องคลีน อดีตนักร้อง Oh, Manhattan

Doriano Magliano นักร้องสครีม อดีตนักร้องสครีม That's Outrageous!

Kevin Hanson มือกีตาร์ริทึ่ม อดีต มือกีตาร์ริทึ่ม Cheyne Stokes

Andrew Paiano มือกีตาร์ลีด อดีต มือกีตาร์ริทึ่ม Abandon All Ships

Brian Medley มือเบส อดีต นักร้อง มือกีตาร์  ShowtheFight

David Angle มือกลอง อดีต มือกลอง At the Skylines
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่