ตามเนื้อข่าว
-------------
ภาณุมาศ ทักษณา
คุณปองพล อดิเรกสาร นักการเมืองอาวุโสที่ผ่านตำแหน่งบริหารในรัฐบาลมาแล้วหลายรัฐบาล ได้เขียนบทความเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัวต่อมาอาจารย์พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ได้นำมาเผยแพร่ต่อ
ผมอ่านทวนดูแล้ว พบว่าเป็นแง่คิดมุมมองที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองในยคุนี้ จึงตัดสินใจนำมาเผยแพร่ต่อเพื่อให้คอการเมืองได้ร่วมกันพิจารณาว่า ประวัติศาสตร์การเมืองจะซ้ำรอยไหม ?
คุณปองพล อดิเรกสาร เขียนว่า
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2549 เกือบ 8 ปีมาแล้ว หนังสือพิมพ์มติชนได้ตีพิมพ์จดหมายเปิดผนึกซึ่งผมได้เขียนถึงคุณทักษิณ ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤตทางการเมืองอยู่ในขณะ นั้นถึงกับต้องยุบสภาในวันที่ 24 ก.พ. 2549 ต้องพ้นจากตำแหน่งนรม.และกลายเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่นรม.ตาม มาตรา 116 ของรธน. 2540
เช่นเดียวกับคุณยิ่งลักษณ์น้องสาวที่เผชิญวิกฤตทางการเมืองจนต้องยุบสภา ต้องพ้นจากตำแหน่ง นรม. และกลายเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่นรม.เหมือนกัน ศาลรธน.ขณะนั้นได้ตัดสินให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. 2549 เป็นโมฆะ
และในวันที่ 20 ก.ค. 2549 คุณทักษิณได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่เป็นวันที่ 25 ต.ค. 2549 แต่คุณทักษิณได้ถูกฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณในขณะนั้นรุกทางการเมืองอย่างหนัก จนต้องตัดสินใจประกาศเว้นวรรคทางการเมืองและหยุดปฏิบัติหน้าที่นรม.โดยมอบ ให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ปฏิบัติหน้าที่นรม.แทน
และในที่สุดรัฐบาลคุณทักษิณก็ถูกปฏิวัติในวันที่ 19 ก.ย. 2549 ผมได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงคุณทักษิณเสนอแนะข้อคิดหลายข้อในการแก้ปัญหา ขออภัยที่จดหมายที่แนบมายับยู่ยี่สักหน่อยเพราะเก็บมานาน
….ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนี้คุณยิ่งลักษณ์จะต้องมาเผชิญวิบากกรรมเช่นเดียวกับคุณทักษิณ แต่รุนแรงกว่าจนแทบมองไม่เห็นทางออก
เมื่อ 8 ปีที่แล้วผมได้ให้ข้อคิดกับคุณทักษิณโดยยกคำสอนของ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร บิดาของผมมีสองข้อดังนี้
ข้อแรกคือ “นักการเมืองที่ฉลาดอย่าคิดที่จะอยู่ในอำนาจให้นานเกินไป แต่ควรคิดอยู่เสมอว่าจะลงจากตำแหน่งและอำนาจอย่างไรจึงจะอยู่ต่อไปในสังคม ได้อย่างปลอดภัยและสงบสุข”
ข้อสองคือ “เมื่อเป็นนักการเมืองแล้ว ทำอะไรก็ตามอย่าให้ครอบครัวและลูกหลานต้องเดือดร้อนต่อไปในอนาคตจากการกระทำ ของตน” แต่เสียดายที่คุณทักษิณไม่สนใจต่อข้อเสนอแนะที่หวังดีของผม
จึงขอนำข้อคิดทั้งสองข้อฝากไปให้คุณยิ่งลักษณ์พิจารณาอีกครั้ง ทางออกยังมีครับ ถึงแม้คุณยิ่งลักษณ์จะยืนยันอยู่เสมอว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่นรม.ไม่ได้ แต่คุณทักษิณได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทำได้โดยได้หยุดปฏิบัติหน้าที่นรม.ไปช่วง หนึ่ง แต่ภายหลังได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกจนถูกปฏิวัติในที่สุด
ผมได้เห็นและผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองมาตั้งแต่อายุ 9 ปีจน 72 ปีในปัจจุบัน ได้เห็นการชนะและการพ่ายแพ้มาหลายครั้ง ผมยังไม่เคยเห็นประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาลมีจำนวนมากมายเช่นครั้งนี้ และผมไม่เห็นทางที่รัฐบาลจะเป็นฝ่ายชนะได้เลย
มีอีกสองข้อที่ พล.ต.อ.ประมาณได้เคยสอนผมไว้ก็คือ “ในการเมืองนั้นอย่าคิดเข้าข้างตัวเอง จะเป็นฝ่ายแพ้” และ “ให้ฟังข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี เพราะข่าวดีถึงอย่างไรก็ไม่เป็นภัย แต่ข่าวร้ายนั้นอาจถึงแก่ชีวิตหรือไม่มีแผ่นดินอยู่”
ทั้งสองข้อนี้สำคัญมากเพราะผู้นำหลายคนต้องมีอันเป็นไปโดยไม่คาดคิดเพราะได้ รับข้อมูลที่ฟังแล้วสบายใจแต่ขาดเคลื่อนจากความเป็นจริง กว่าจะรู้ความจริงก็สายไปแล้ว
ผมก็หวังว่า คำเตือนของคุณปองพล อดิเรกสาร ซึ่งขณะนี้เข้าใจว่าวางมือจากการเมืองแล้ว จึงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับกลุ่มการเมืองใด คงได้ยินไปถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นะครับ
และเมื่อได้ยินไปถึงแล้ว ผมก็หวังอย่างยิ่งว่ายิ่งลักษณ์จะนำข้อคิดเตือนใจนี้ไปพินิจพิจารณาและไตร่ตรองให้รอบด้าน และรีบตัดสินใจ “ลาออกจากการรักษาการนายกฯ” เสียเถิด
วันนี้ “กงล้อประวัติศาสตร์” กำลังทำหน้าที่เหมือน กงเกวียนกำเกวียนแล้ว ช้าไปกว่านี้ คุณอาจไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือนพี่ชายคุณก็ได้.
อ้างอิง
http://chaoprayanews.com/blog/thaiflag/2014/02/12/%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84/
คำเตือนของ คุณปองพล อดิเรกสาร
-------------
ภาณุมาศ ทักษณา
คุณปองพล อดิเรกสาร นักการเมืองอาวุโสที่ผ่านตำแหน่งบริหารในรัฐบาลมาแล้วหลายรัฐบาล ได้เขียนบทความเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัวต่อมาอาจารย์พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ได้นำมาเผยแพร่ต่อ
ผมอ่านทวนดูแล้ว พบว่าเป็นแง่คิดมุมมองที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองในยคุนี้ จึงตัดสินใจนำมาเผยแพร่ต่อเพื่อให้คอการเมืองได้ร่วมกันพิจารณาว่า ประวัติศาสตร์การเมืองจะซ้ำรอยไหม ?
คุณปองพล อดิเรกสาร เขียนว่า
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2549 เกือบ 8 ปีมาแล้ว หนังสือพิมพ์มติชนได้ตีพิมพ์จดหมายเปิดผนึกซึ่งผมได้เขียนถึงคุณทักษิณ ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤตทางการเมืองอยู่ในขณะ นั้นถึงกับต้องยุบสภาในวันที่ 24 ก.พ. 2549 ต้องพ้นจากตำแหน่งนรม.และกลายเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่นรม.ตาม มาตรา 116 ของรธน. 2540
เช่นเดียวกับคุณยิ่งลักษณ์น้องสาวที่เผชิญวิกฤตทางการเมืองจนต้องยุบสภา ต้องพ้นจากตำแหน่ง นรม. และกลายเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่นรม.เหมือนกัน ศาลรธน.ขณะนั้นได้ตัดสินให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. 2549 เป็นโมฆะ
และในวันที่ 20 ก.ค. 2549 คุณทักษิณได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่เป็นวันที่ 25 ต.ค. 2549 แต่คุณทักษิณได้ถูกฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณในขณะนั้นรุกทางการเมืองอย่างหนัก จนต้องตัดสินใจประกาศเว้นวรรคทางการเมืองและหยุดปฏิบัติหน้าที่นรม.โดยมอบ ให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ปฏิบัติหน้าที่นรม.แทน
และในที่สุดรัฐบาลคุณทักษิณก็ถูกปฏิวัติในวันที่ 19 ก.ย. 2549 ผมได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงคุณทักษิณเสนอแนะข้อคิดหลายข้อในการแก้ปัญหา ขออภัยที่จดหมายที่แนบมายับยู่ยี่สักหน่อยเพราะเก็บมานาน
….ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนี้คุณยิ่งลักษณ์จะต้องมาเผชิญวิบากกรรมเช่นเดียวกับคุณทักษิณ แต่รุนแรงกว่าจนแทบมองไม่เห็นทางออก
เมื่อ 8 ปีที่แล้วผมได้ให้ข้อคิดกับคุณทักษิณโดยยกคำสอนของ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร บิดาของผมมีสองข้อดังนี้
ข้อแรกคือ “นักการเมืองที่ฉลาดอย่าคิดที่จะอยู่ในอำนาจให้นานเกินไป แต่ควรคิดอยู่เสมอว่าจะลงจากตำแหน่งและอำนาจอย่างไรจึงจะอยู่ต่อไปในสังคม ได้อย่างปลอดภัยและสงบสุข”
ข้อสองคือ “เมื่อเป็นนักการเมืองแล้ว ทำอะไรก็ตามอย่าให้ครอบครัวและลูกหลานต้องเดือดร้อนต่อไปในอนาคตจากการกระทำ ของตน” แต่เสียดายที่คุณทักษิณไม่สนใจต่อข้อเสนอแนะที่หวังดีของผม
จึงขอนำข้อคิดทั้งสองข้อฝากไปให้คุณยิ่งลักษณ์พิจารณาอีกครั้ง ทางออกยังมีครับ ถึงแม้คุณยิ่งลักษณ์จะยืนยันอยู่เสมอว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่นรม.ไม่ได้ แต่คุณทักษิณได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทำได้โดยได้หยุดปฏิบัติหน้าที่นรม.ไปช่วง หนึ่ง แต่ภายหลังได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกจนถูกปฏิวัติในที่สุด
ผมได้เห็นและผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองมาตั้งแต่อายุ 9 ปีจน 72 ปีในปัจจุบัน ได้เห็นการชนะและการพ่ายแพ้มาหลายครั้ง ผมยังไม่เคยเห็นประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาลมีจำนวนมากมายเช่นครั้งนี้ และผมไม่เห็นทางที่รัฐบาลจะเป็นฝ่ายชนะได้เลย
มีอีกสองข้อที่ พล.ต.อ.ประมาณได้เคยสอนผมไว้ก็คือ “ในการเมืองนั้นอย่าคิดเข้าข้างตัวเอง จะเป็นฝ่ายแพ้” และ “ให้ฟังข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี เพราะข่าวดีถึงอย่างไรก็ไม่เป็นภัย แต่ข่าวร้ายนั้นอาจถึงแก่ชีวิตหรือไม่มีแผ่นดินอยู่”
ทั้งสองข้อนี้สำคัญมากเพราะผู้นำหลายคนต้องมีอันเป็นไปโดยไม่คาดคิดเพราะได้ รับข้อมูลที่ฟังแล้วสบายใจแต่ขาดเคลื่อนจากความเป็นจริง กว่าจะรู้ความจริงก็สายไปแล้ว
ผมก็หวังว่า คำเตือนของคุณปองพล อดิเรกสาร ซึ่งขณะนี้เข้าใจว่าวางมือจากการเมืองแล้ว จึงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับกลุ่มการเมืองใด คงได้ยินไปถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นะครับ
และเมื่อได้ยินไปถึงแล้ว ผมก็หวังอย่างยิ่งว่ายิ่งลักษณ์จะนำข้อคิดเตือนใจนี้ไปพินิจพิจารณาและไตร่ตรองให้รอบด้าน และรีบตัดสินใจ “ลาออกจากการรักษาการนายกฯ” เสียเถิด
วันนี้ “กงล้อประวัติศาสตร์” กำลังทำหน้าที่เหมือน กงเกวียนกำเกวียนแล้ว ช้าไปกว่านี้ คุณอาจไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือนพี่ชายคุณก็ได้.
อ้างอิง
http://chaoprayanews.com/blog/thaiflag/2014/02/12/%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84/