นครพนม เมืองสงบ ริมฝั่งโขง ... ช่วง 23-26 มกราคม 4 วัน 3 คืน ที่ผมได้มีโอกาสไปเยือน จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ
การได้ขี่จักรยานชมเมืองเล็ก ๆ ที่สงบ ตั้งแต่เช้ามืดยันค่ำคืน แวะชิมเมนูจานเด็ดที่พลาดไม่ได้ตามคำแนะนำของเพื่อน ๆ ในสังคมออนไลน์ และเมนูที่พบเห็น ตามริมทาง ที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวน เกินกว่าจะห้ามใจไว้ได้
ตระเวนไหว้พระ ถ่ายรูปวัดสวยในเมือง ทั้งยามเช้า ที่พระธาตุต้องแสงแรกของตะวัน ไปจนค่ำคืน ที่อาบไปด้วยไฟสว่างที่งดงาม ตลอดจนโบสถ์คริสต์ที่แปลกตา ศาลเจ้าที่ผู้คนเลื่อมใสศรัทธา
ถนนหนทาง ที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ใหญ่ ... เลาะเลียบฝั่งโขง โดยจักรยานทั้งแบบไวไว โดยการขี่บนถนน หรือ เรื่อยเปื่อย บนทางเท้าที่กว้างขวางและราบเรียบ ยาวเหยียดจากด้านเหนือลงใต้
ค่ำลงเดินเล่นตลาดโต้รุ่ง ซึ่งจริง ๆ เป็นตลาดเย็นเสียมากกว่า เพราะติดตลาดช่วงเย็นถึงหัวค่ำเท่านั้น แล้วอีกวัน ไปเดินที่ถนนคนเดิน ก็ได้บรรยากาศที่ชื่นมื่น ของคนในเมืองนครพนม มากกว่า จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว เหมือนเมืองอื่น ๆ ที่เคยไปมา
การได้ขี่แมงกะไซค์ ลัดเลาะออกไปเที่ยวนอกเมือง ต่างอำเภอ ลุยเข้าไปในแปลงสวน แปลงผัก วัดวาอารามในชนบท แวะไปเยี่ยมชมและพูดคุยกับคนทำเหล้าไห (อุ) ... ตบท้าย ชื่นชมด้วยความศรัทธา กับความอลังการณ์ของพระธาตุพนม ในยามค่ำคืน แล้วขี่แมงกะไซค์ชมดาวบนฟ้าในคืนเดือนแรม และแสงวับแวมของแสงไฟ จากฟากฝั่งโขง ที่แทรกตัวพ้นแนวไม้ มาถึงแนวถนนที่เลียบฝั่งลำน้ำโขง ทำให้ระยะทางห้าสิบกว่าโล กับการโต้ลมหนาว รื่นรมย์กว่าที่คิดไว้มากมายนัก
เหนือสิ่งอื่นใด คือ การได้พบกับผู้คนที่มีอัธยาศัยไมตรี โอบอ้อมอารี ต่อคนแปลกหน้า ที่มาเยือนอย่างผม นับตั้งแต่ลงจากรถทัวร์ ที่มีรถสกายแลปมาให้การต้อนรับ พร้อมด้วยป้ายราคาที่ชัดเจน พอผมบอกวิวสวย แกก็จอดรถให้ผมถ่ายรูปด้วย ... คุณป้าขายน้ำหน้าตลาดอินโดจีน ... น้องสาวคนสวยที่จี่ข้าวรูปหัวใจ ตั้งเตาอยู่ริมโขง ไม่ซื้อไม่ว่า แต่อยากให้ชิม ... น้องผู้ดูแลจวนผู้ว่าหลังเก่า ที่ได้พาเดินชมจนทั่ว แม้ผมจะมาเพียงคนเดียว ...
ป้าแต๋ว มืออาชีพเรื่องจัดฉากถ่ายรูปก๋วยเตี๋ยวเนื้อ 5555 ... ข้าวต้ม 15 บาท ผู้เอื้ออารี ... น้องชายที่ ททท. ที่ให้ข้อมูลเรื่องแม่น้ำสองสี ถึงแม้จะไม่ได้ไปในทริปนี้ แต่ทริปหน้าคงไม่พลาดแน่นอน ... แม่ค้าหน้าหวาน ริมทางไปพระธาตุพนม ที่ปลอกมันแกวให้ผมกิน เพราะกลัวผมไม่เชื่อว่า มันแกวที่นี่อร่อยกว่าที่อื่น เมื่อชิมแล้ว ก็อร่อยสมคำบอกเล่า ...
ป้าทองแย้ม ผู้ไขปริศนาคาใจมานับสิบปีของผม เรื่องที่มาของไหใส่เหล้า (อุ) ... แม่ค้าขายล๊อตเตอรี่หน้าพระธาตุพนมผู้มีน้ำใจ แบ่งปันกล้วยน้ำว้า 2 ลูก เมื่อผมบอกว่าหิวจนตาลายแล้ว ... แม้กระทั้ง มาม่าซัง ผู้ดูแลคาราโอเกะ ริมถนนคนเดิน ที่ได้ให้ผมฉิ้งฉ่อง ในร้าน ด้วยไมตรีจิตรที่ดีเยี่ยม
และอีกมากมาย เกินกว่าที่จะบรรยายหมดตรงนี้ ... ต้องตามเข้าไปดูในรายละเอียด ในแต่ละภาพ แต่ละช๊อต นะครับ ... สุดท้าย ของความประทับใจเรื่องผู้คน คงจะไม่พ้น น้อง ๆ ที่ The River Hotel Nakhonphanom โรงแรมที่ผมเลือกไปพัก ในทริปนี้ ที่ได้ช่วยหาเช่าจักรยาน + แมงกะไซต์ ให้ผมได้ใช้ เพราะช่วงนี้ ทาง the river ยังไม่มีให้บริการ แต่จะมีในเร็ว ๆ นี้ ... หัวใจบริการเป็นอย่างนี้นี่เองครับ
ช่วงบ่ายของวันแรก ที่มาถึง นครพนม
http://ppantip.com/topic/31678922
ไปลุยตลาดโต้รุ่งกัน ในวันแรกที่มาถึง นครพนม
http://ppantip.com/topic/31705347
อาทิตย์ขึ้น ที่ริมโขง นครพนม จากระเบียงห้องพัก
นครพนม เมืองสงบ ริมฝั่งโขง ... วันแรกที่ไปถึง
การได้ขี่จักรยานชมเมืองเล็ก ๆ ที่สงบ ตั้งแต่เช้ามืดยันค่ำคืน แวะชิมเมนูจานเด็ดที่พลาดไม่ได้ตามคำแนะนำของเพื่อน ๆ ในสังคมออนไลน์ และเมนูที่พบเห็น ตามริมทาง ที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวน เกินกว่าจะห้ามใจไว้ได้
ตระเวนไหว้พระ ถ่ายรูปวัดสวยในเมือง ทั้งยามเช้า ที่พระธาตุต้องแสงแรกของตะวัน ไปจนค่ำคืน ที่อาบไปด้วยไฟสว่างที่งดงาม ตลอดจนโบสถ์คริสต์ที่แปลกตา ศาลเจ้าที่ผู้คนเลื่อมใสศรัทธา
ถนนหนทาง ที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ใหญ่ ... เลาะเลียบฝั่งโขง โดยจักรยานทั้งแบบไวไว โดยการขี่บนถนน หรือ เรื่อยเปื่อย บนทางเท้าที่กว้างขวางและราบเรียบ ยาวเหยียดจากด้านเหนือลงใต้
ค่ำลงเดินเล่นตลาดโต้รุ่ง ซึ่งจริง ๆ เป็นตลาดเย็นเสียมากกว่า เพราะติดตลาดช่วงเย็นถึงหัวค่ำเท่านั้น แล้วอีกวัน ไปเดินที่ถนนคนเดิน ก็ได้บรรยากาศที่ชื่นมื่น ของคนในเมืองนครพนม มากกว่า จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว เหมือนเมืองอื่น ๆ ที่เคยไปมา
การได้ขี่แมงกะไซค์ ลัดเลาะออกไปเที่ยวนอกเมือง ต่างอำเภอ ลุยเข้าไปในแปลงสวน แปลงผัก วัดวาอารามในชนบท แวะไปเยี่ยมชมและพูดคุยกับคนทำเหล้าไห (อุ) ... ตบท้าย ชื่นชมด้วยความศรัทธา กับความอลังการณ์ของพระธาตุพนม ในยามค่ำคืน แล้วขี่แมงกะไซค์ชมดาวบนฟ้าในคืนเดือนแรม และแสงวับแวมของแสงไฟ จากฟากฝั่งโขง ที่แทรกตัวพ้นแนวไม้ มาถึงแนวถนนที่เลียบฝั่งลำน้ำโขง ทำให้ระยะทางห้าสิบกว่าโล กับการโต้ลมหนาว รื่นรมย์กว่าที่คิดไว้มากมายนัก
เหนือสิ่งอื่นใด คือ การได้พบกับผู้คนที่มีอัธยาศัยไมตรี โอบอ้อมอารี ต่อคนแปลกหน้า ที่มาเยือนอย่างผม นับตั้งแต่ลงจากรถทัวร์ ที่มีรถสกายแลปมาให้การต้อนรับ พร้อมด้วยป้ายราคาที่ชัดเจน พอผมบอกวิวสวย แกก็จอดรถให้ผมถ่ายรูปด้วย ... คุณป้าขายน้ำหน้าตลาดอินโดจีน ... น้องสาวคนสวยที่จี่ข้าวรูปหัวใจ ตั้งเตาอยู่ริมโขง ไม่ซื้อไม่ว่า แต่อยากให้ชิม ... น้องผู้ดูแลจวนผู้ว่าหลังเก่า ที่ได้พาเดินชมจนทั่ว แม้ผมจะมาเพียงคนเดียว ...
ป้าแต๋ว มืออาชีพเรื่องจัดฉากถ่ายรูปก๋วยเตี๋ยวเนื้อ 5555 ... ข้าวต้ม 15 บาท ผู้เอื้ออารี ... น้องชายที่ ททท. ที่ให้ข้อมูลเรื่องแม่น้ำสองสี ถึงแม้จะไม่ได้ไปในทริปนี้ แต่ทริปหน้าคงไม่พลาดแน่นอน ... แม่ค้าหน้าหวาน ริมทางไปพระธาตุพนม ที่ปลอกมันแกวให้ผมกิน เพราะกลัวผมไม่เชื่อว่า มันแกวที่นี่อร่อยกว่าที่อื่น เมื่อชิมแล้ว ก็อร่อยสมคำบอกเล่า ...
ป้าทองแย้ม ผู้ไขปริศนาคาใจมานับสิบปีของผม เรื่องที่มาของไหใส่เหล้า (อุ) ... แม่ค้าขายล๊อตเตอรี่หน้าพระธาตุพนมผู้มีน้ำใจ แบ่งปันกล้วยน้ำว้า 2 ลูก เมื่อผมบอกว่าหิวจนตาลายแล้ว ... แม้กระทั้ง มาม่าซัง ผู้ดูแลคาราโอเกะ ริมถนนคนเดิน ที่ได้ให้ผมฉิ้งฉ่อง ในร้าน ด้วยไมตรีจิตรที่ดีเยี่ยม
และอีกมากมาย เกินกว่าที่จะบรรยายหมดตรงนี้ ... ต้องตามเข้าไปดูในรายละเอียด ในแต่ละภาพ แต่ละช๊อต นะครับ ... สุดท้าย ของความประทับใจเรื่องผู้คน คงจะไม่พ้น น้อง ๆ ที่ The River Hotel Nakhonphanom โรงแรมที่ผมเลือกไปพัก ในทริปนี้ ที่ได้ช่วยหาเช่าจักรยาน + แมงกะไซต์ ให้ผมได้ใช้ เพราะช่วงนี้ ทาง the river ยังไม่มีให้บริการ แต่จะมีในเร็ว ๆ นี้ ... หัวใจบริการเป็นอย่างนี้นี่เองครับ
ช่วงบ่ายของวันแรก ที่มาถึง นครพนม http://ppantip.com/topic/31678922
ไปลุยตลาดโต้รุ่งกัน ในวันแรกที่มาถึง นครพนม http://ppantip.com/topic/31705347