Star Wars The Machete Order - วิธีดูสตาร์วอร์สที่ถูกต้อง

กระทู้สนทนา

เนื่องจากเป็นสาวกมานาน และยังไม่ค่อยเห็นแฟนๆชาวไทยพูดเรื่องนี้กัน จึงอยากนำมาแชร์ "วิธีการดู 4-5-2-3-6" (*Spoiler Alert*)
ผมเป็นหนึ่งในคนส่วนใหญ่ ที่ชอบ 4-6 มากกว่า 1-3 ฉะนั้นผมจึงดูภาค 1-3 ไม่บ่อยนัก
และภาค1-2-3 คุณภาพ ทำสู้ไม่ได้ บทพูดแย่มาก การแสดงเป็นรอง CGI เยอะไป และเล่าเรื่องได้ไม่ดีเท่า
ถึงแม้ผมจะยังเห็นคุณค่าใน 1-3 บ้าง และไม่ได้เกลียดมันเข้าเส้นเหมือนบางท่าน ผมยังคิดว่ามันเป็นรองในทุกๆด้าน ใช่ รวมทั้งเอฟเฟค ซึ่งเก่าเร็ว และดูไม่สมจริงมาก
แต่เวลาจะนำไปให้ผู้ชมใหม่ดู จะให้ดูเฉพาะ 4-6 ก็กะไรอยู่ ฉะนั้น ถ้าจะให้ดูทั้งหกภาค คนส่วนใหญ่ก็จะให้ดูในสองลำดับนี้
1. ลำดับที่สร้าง (4-5-6-1-2-3)
2. ลำดับเหตุการณ์ (1-2-3-4-5-6)
ปัญหาคือ ทั้งสองลำดับมีปัญหาใหญ่


ลำดับเหตุการณ์ มีปัญหาคือ
1. จะสปอยล์ การหักมุม "I am your father."
2. ถึงแม้คุณจะอ้างว่าการหักมุมนั้น ใครๆก็รู้แล้ว อย่าลืมว่า มันยังสปอยล์อีกการหักมุมหนึ่ง คือ ลุคกับเลอาเป็นพี่น้องกัน
3. เริ่มด้วยภาคที่แย่ที่สุด คือภาค 1 ซึ่งอาจจะทำให้คนดูไม่อยากดูต่อ


ลำดับที่สร้าง ก็มีปัญหาเช่นกัน คือ
1. จบแบบไม่จบ เพราะ ภาค 3 จบแบบ Cliffhanger
2. สปอยล์การหักมุมว่า พัลพาทีนเป็นตัวร้ายในภาค 3 เนื่องจากเราพบจักรพรรดิจากภาค 6 แล้ว
3. ปลายภาคหก ทุกคนกำลังเฉลิมฉลอง ลุคได้เห็นดวงวิญญาณของอาจารย์ โอบี-วัน โยดา และ..... อนาคินเด็ก ซึ่งผู้ชมใหม่จะยังไม่รู้จักเพราะยังไม่ได้ดู 1-2-3 ซึ่งจะสร้างความงุนงงขั้นรุนแรงได้



ฉะนั้น เหลือวิธีอะไรอีก?
ง่ายๆ แฟนพันธุ์แท้ส่วนใหญ่จะรู้ว่า ควรจะดูแบบนี้ 4-5-1-2-3-6
ถึงแม้สตาร์วอร์ส จะดูเหมือน "The Rise, The Fall and The Redemption of Anakin Skywalker" แต่มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น เนื่องจาก 1-3 สร้างตัวละครของเขาได้ไม่ดีพอที่จะนำมาเล่าเรื่อง อนาคินเป็นตัวละครที่ซับซ้อนเกินไป ไม่สามารถจับต้องได้ ไม่เหมือนลุค สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเหมาะจะเป็นตัวดำเนินเรื่องมากกว่า
วิธีนี้ เก็บการหักมุมทุกอันไว้ได้ และเริ่มด้วยภาคที่แนะนำสตาร์วอร์สที่ดีที่สุด คือภาค 4 และจบด้วยภาคที่จบดีที่สุด คือภาค 6
โดยภาค 1-3 จะเป็นเหมือน Flashback ระหว่างเนื้อเรื่องหลัก คือการผจญภัยของลุค โดยเมื่อลุคพบว่าเวเดอร์คือบิดาของเขา เราก็จะรับชม 1-3 เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเวเดอร์พูดความจริง แล้วค่อยกลับไปดูว่าลุคจะทำยังไงกับมัน ในภาค 6


Machete Order

เว็บนี้ http://www.nomachetejuggling.com/2011/11/11/the-star-wars-saga-suggested-viewing-order/
ได้นำวิธีการดู 4-5-1-2-3-6 ไปดัดแปลงเล็กน้อย เป็น 4-5-2-3-6
สังเกตแล้วใช่มั้ยครับ ไม่มีภาค 1
ถึงแม้ภาค 2 3 จะไม่ใช่หนังระดับ God Father แต่ถ้านำมาเทียบกับภาค 1 มันคงจะดูดีเริดประเสริฐสีไปเลย
ภาค 1 ล้มเหลวในทุกๆด้าน การแสดง บทพูด เนื้อเรื่อง เอฟเฟค และหนังทั้งเรื่องเป็นยานอนหลับดีๆนี่เอง
ข้อดีของมันมีอยู่อย่างเดียว คือเนื้อเรื่อง ไม่ได้โยงกับภาคอื่น เลย
ลองคิดดูดีๆสิ ว่ามีอะไรในภาคหนึ่ง ที่ช่วยดำเนินเรื่องต่อไปได้บ้าง มีอย่างสองอย่างเท่านั้น เดี๋ยวผมจะบอกต่อทีหลัง
ต่อๆ ทุกอย่างในภาค 1 จบในภาคนั้นแล้ว หรือไม่ก็ได้รับการกล่าวถึง หรือนำเสนอใหม่ ในภาค 2
ตัวละครที่ถูกตัดทิ้งไปเลย มี Darth Maul, Qui-Gon, Chancellor Valorum
หรือถูกนำเสนอใหม่ในภาคสอง Anakin, Obi-Wan, Padme, Mace Windu, Nute Gunray, Watto etc.
จำเป็นด้วยเหรอ ที่เราต้องรู้จัก Darth Maul? ไม่ เพราะเขาไม่ได้ถูกกล่าวถึงอีกเลย และเราสามารถคิดว่า Count Dooku เป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่ Darth Sidious มีก็ได้
จำเป็นด้วยเหรอ ที่เราต้องรู้จักอาจารย์ ไควกอน? ไม่ โอบี-วันดูเก่งพอแล้วที่จะฝึกอนาคินในภาคสอง เราไม่จำเป็นต้องรู้เลยว่าใครฝึกโอบี-วันมา และจะทำให้ยิ่งงง เพราะในภาค 5 โอบี-วันบอกลุค ว่าโยดาเคยสอนเขามา ฉะนั้น ถ้ามีไควกอน เราจะต้องมานั่งงงว่า แล้วอาจารย์โยดาสอนโอบี-วันมาตอนไหน (ตอนเป็นเจไดเด็กนั่นแหละครับ แต่มันไม่ได้ถูกกล่าวถึงในภาพยนตร์เลย)
ฉะนั้น ภาค 1 ไม่จำเป็นเลย ภาค 2 สามมรถแนะนำตัวละครแทนได้ หมด


การตัดภาคหนึ่งออกไป มีประโยชน์อะไรบ้าง?
1. ไม่มีจาร์ จาร์ บิ้งส์ ภาค 2 กับ 3 มีจาร์ จาร์ ไม่กี่นาที และไม่น่ารำคาญเท่าไหร่เลย
2. ไม่มี Midi-Chlorian ถึงแม้มันจะถูกเอ่ยถึงอีกครั้งในภาค 3 แต่มันถูกเอ่ยถึงในรูปแบบที่เป็นเหมือน DNA ไม่ใช่เครื่องวัดพลังบ้าๆบอๆอะไร
3. ไม่มีอนาคินเด็ก เอาตรงๆ ใครเคยอยากเห็นดาร์ธ เวเดอร์เป็นเด็กน่ารำคาญบ้างครับ???
4. ไม่มีการขัดแย้งทางการค้า ปัญหาทางการเมืองในภาค 1 เป็นเรื่องนี้ ซึ่งเด็กอาจจะไม่เข้าใจ ส่วนปัญหาในภาค 2 คือกลุ่มดาวจำนวนหนึ่งต้องการออกจากสาธารณรัฐ แต่สาธารณรัฐไม่ยอม มันเข้าใจง่ายกว่าเยอะ
5. ไม่มีการสลับตัวราชินีและนางนกต่อสุดปวดหัว
6. ไม่มีอาจารย์-ศิษย์ หลายคู่ เราไม่ต้องเห็นศิษย์ของ Darth Sidious ก่อน Count Dooku และเราไม่ต้องเห็นใครเป็นอาจารย์ของโอบี-วัน ตัวละครยิ่งน้อย ยิ่งเข้าใจเนื้อเรื่องง่ายขึ้น
7. ไม่มีแข่งยาน ถึงแม้บางคนจะชอบมัน แต่ผมรู้สึกว่ามันนานเกินไป และการปลดปล่อยอนาคินด้วยการแข่งยานนั้น เต็มไปด้วย Plot Holes
8. ไม่มีการท้องไม่มีพ่อ เอาจริงๆ มันมีไปเพื่ออะไรแต่แรก ภาค 1 ต้องการให้เราเชื่อว่า พลังสร้างอนาคินขึ้นมา แต่มันกลับทำให้เรารู้สึกว่า พัลพาทีนคือพ่อ มากกว่าซะงั้น
9. สปอยล์ว่าพัลพาทีนคือ Darth Sidious เพราะหากคุณดูแบบตั้งใจ และเข้าใจการเมืองอย่างลึกซึ้ง คุณจะพอเดาออก


ทำไมวิธีนี้ถึงดีกว่า?
   วิธีนี้ เริ่มต้นด้วยการผจญภัยของลุค ด้วยภาพยนตร์ที่แนะนำสตาร์วอร์สที่ดีที่สุดตามที่ผมเคยกล่าวไว้แล้ว คือภาค 4
โดยหลังจากการหักมุมในภาค 5 มันจะเกิดความตื่นเต้น ตึงเครียดนิดๆ ซึ่งยิ่งทิ้งความตึงตรงนี้ไว้นานเท่าไหร่ ภาค 6 ก็จะสนุกมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ มันจะใช้ภาค 5 เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องให้ 2-3 ซึ่งดีมาก เพราะมันไม่สามารถขับเคลื่อนตัวเองได้ดีซักเท่าไหร่
และการตัดภาค 1 ออก แปลว่าเราไม่จำเป็นต้องเห็นอนาคินเป็นเด็ก เพราะในภาค 2 อนาคินเป็นวัยรุ่นใจร้อน ซับซ้อน ซึ่งเหมาะกับตัวละครที่จะเป็นดาร์ธเวเดอร์ในอนาคต ฉะนั้นโดยไม่มีภาค 1 ตัวละครของอนาคินจะต่อเนื่องมากกว่า
   การชมในลำดับนี้ จะทำให้ภาค 2 ดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าทุกท่านอยากให้มันดีขึ้น เพราะมันเป็นภาคที่แย่ที่สุดรองจาภาค 1 โดยปัญหาที่คนส่วนใหญ่มีกับภาค 2 คือรักระหว่างอนาคินกับแพดเม่ นอกจากบทพูดระหว่างทั้งสองจะแย่กว่าละครช่องเจ็ดแล้ว เฮยเด็น คริสเต็นเซน ยังเล่นเป็นอนาคินไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แถมเขากับนาตาลี พอร์ทแมน ไม่ได้มีเคมีมากขนาดนั้น แต่การตัดภาค 1 จะช่วยสนับสนุนรักระหว่างทั้งสองมากขึ้น เพราะในภาค 2 มักจะมีบทพูดทำนองว่าทั้งสองเคยรู้จัก และเป็นเพื่อนกันในวัยเด็ก โดยเราสามารถนำตรงนี้มาสนับสนุนรักระหว่างทั้งสองได้ เนื่องจากมีความผูกพันกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ถ้าเราดูภาค 1 ไป เราจะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นแบบที่ควรจะเป็น เพราะ ภาค 1 แพดเม่ดูแก่กว่าอนาคินเยอะ ซึ่งยิ่งทำให้ดูเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะมารักกันในภายหลัง ฉะนั้น ไม่มีภาค 1 จะทำให้ภาค 2 ดีขึ้น และเนื่องจากการที่อนาคินรักแพดเม่เป็นส่วนหนึ่งที่เขาหันสู่ด้านมืด มันสำคัญมากที่เราจะเชื่อว่าทั้งสองรักกันจริงๆ
   อย่างอื่นอีก คือ เก็บการหักมุมไว้ทั้ง หมด รวมทั้งการหักมุมว่าลุคเป็นพี่ของเลอา เพียงแค่ย้ายการหักมุมนี้ไปที่ภาค 3 แทนที่จะเป็นภาค 6 เท่านั้นเอง โดยฉากที่ดรอยด์แพทย์บอกว่าแพดเม่อุ้มท้องแฝด และเมื่อคลอดแฝดน้อง แพดเม่ตั้งชื่อว่า เลอา คนดูจะตกใจมากกว่าโอบี-วันค่อยๆมานั่งบอกลุคในภาค 6 โดยมีของแถมอีกอย่างคือ เรารู้ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน นานหลังจากเราเห็นทั้งสองจูบกันแล้ว....
   นอกจากลำดับนี้จะทำให้ภาค 2 ดีขึ้นแล้ว มันยังทำให้ภาค 6 ดีขึ้นด้วย เนื่องจากเราดูภาค 6 หลังภาค 3 ทันที สาเหตุที่ทำให้ 6 ดีขึ้นคือ ในภาค 3 เราเห็นจุดเปลี่ยนของอนาคิน กลายเป็นเวเดอร์ ต้นภาค 6 การกระทำของลุคหลายอย่าง จะสะท้อนไปถึงอนาคินในภาค 3 ครั้งแรกที่ลุคปรากฏตัวใน 6 ลุคใส่ชุดสีดำล้วน เหมือนอนาคิน หลังจากนั้น ลุคได้ บีบคอยามของแจ็บบ้า ซึ่งการบีบคอเป็นสิ่งที่เราเคยเห็นแต่ซิธเท่านั้นที่ทำ หลังจากนั้น ลุคเข้าไปพบแจ็บบ้า โดยต้องการให้ "ร่วมมือ มิฉะนั้นจะถูกจัดการ" และเตือนไม่ให้ "ดูถูกพลังอำนาจของข้า" คุ้นๆไม่ครับ เหมือนที่อนาคินพูดเลย ถ้าเราดูภาค 6 ต่อจากภาค 5 แบบปกติ ลุคจะดูเหมือนแค่เด็กหัวดื้ออวดดีธรรมดา แต่ดู 6 ต่อจาก 3 ทันทีจะสื่อตรงนี้ได้ชัดเจน - ลุค สกายวอล์คเกอร์กำลังก้าวสู่ด้านมืด
จุดนี้สำคัญ เนื่องจากเมื่อลุคเผชิญหน้ากับพัลพาทีน เราจะลุ้นอยู่เสมอ ว่าลุคจะหันเข้าสู่ด้านมืดมั้ย และถ้าเรามีภาค 3 มาสนับสนุนตรงนี้ เราจะยิ่งลุ้นหนักกว่าเดิม เพราะเราเชื่อไปแล้วว่าลุคกำลังก้าวสู่ด้านมืด  
   อย่างสุดท้าย คือลำดับนี้ สนับสนุนโยดาได้ดีขึ้น เราจะตกใจ เพื่อรู้ว่าตาแก่เติ้ยๆน่ารำคาญที่เห็นตอนแรกๆในภาค 5 คือปรมจารย์เจได และตลึงเมื่อเห็นอาจารย์โยดาชักดาบต่อสู้ครั้งแรก ในภาคสอง และที่สำคัญที่สุด คือเมื่อโยดาเตือนลุคในภาค 6 ว่าอย่าประเมินจักรพรรดิต่ำไป เราจะรู้ทันทีว่าท่านเอ่ยถึงประสบการณ์ที่มีจากภาค 3 เมื่อท่านพ่ายแพ้
   ของแถมอีกอย่างนึง คือ ถ้าหากคุณดู ภาค 4 ฉบับที่ไม่มีฉาก แจ็บบ้า เดอะ ฮัทท์ คุณจะยังไม่รู้ว่า ใครคือแจ็บบ้า จนกว่าจะถึงภาค 6 ซึ่งระหว่างนั้น คุณจะสงสัยไปเรื่อยๆ ว่า ใคร คือแจ็บบ้า เดอะ ฮัทท์ และเมื่อเราพบเขาในภาค 6 มันจะเป็นการเปิดเผยตัวละครที่สุดยอด เหมือนกับการเปิดคัวอาจารย์โยดา โดยผมมแนะนำ Fan Edit สองอันนี้ คือ
- Star Wars : Revisited http://swrevisited.wordpress.com/
- Star Wars Despecialized Edition http://originaltrilogy.com/forum/topic.cfm/Harmys-STAR-WARS-Despecialized-Edition-HD-V25-MKV-IS-OUT-NOW/topic/12713/
ฉะนั้น สรุปได้ว่า การตัดภาค 1 ออก ไม่ใช่เพราะมันเป็นภาพยนตร์ที่แย่ในสายตาชาวโลก แต่เนื้อเรื่องโดยรวมเล่าไปได้ดีกว่า โดยไม่มีภาค 1


ข้อเสียของวิธีนี้
   แน่นอน ว่าตัดภาค 1 ออก จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยข้อเสียหลักๆ จะอยู่ในฉากที่อนาคินกลับไปทาทูอีนในภาคสอง เรายังไม่รู้ว่าบ้านเขาอยู่ที่ทาทูอีก และยังไม่รู้ว่าแม่เขาเป็นทาส ฉะนั้นหากใครไม่ได้ตั้งใจฟังบทสนทนาของอนาคินกับเจ้านายเก่าของเขา แว็ตโต้ ผู้ชมจะพลาดจุดนี้ได้ และอาจจะงงได้ แต่ปัญหาใหญ่ที่สุด คือเมื่อ 3PO ทักอนาคินว่า "ท่านผู้สร้าง" เราจะงงได้ เพราะหลังจากนั้น ไม่มีใครกล่าวถึงอีกว่าอนาคินสร้าง 3PO สมัยเด็กๆ
   อีกอย่างนึง คืออาจารย์ไควกอน เพราะท่านถูกกล่าวถึงในภาค 2 และ 3 แต่โชคดี ที่ทุกครั้งที่ไควกอนถูกเอ่ยถึง ท่านจะถูกเรียกว่า "อาจารย์เก่าของโอบี-วัน" ประมาณนั้น ซึ่งจะไม่ทำให้งงเท่าไหร่ แต่ในฉากที่อนาคินกำลังฆ่ามนุษย์ทราย เราจะได้ยินเสียงไควกอนตะโกนออกมา ซึ่งผู้ชมใหม่จะไม่ทราบความหมายของมัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งขอเสียเช่นกัน
   อย่างสุดท้ายคือ ในภาค 6 เมื่อลุคถามเลอาว่า "เธอจำแม่แท้ๆของเธอได้มั้ย" เลอาตอบว่าจำได้ แต่ในเมื่อเราดู 6 ต่อจาก 3 ทันที มันจะทำให้เราสงสัยว่า เลอาจำได้ยังไง ในเมื่อแพดเม่คลอดเลอา แล้วอีกแปปก็ตาย ซึ่งจุดๆนี้ยังไม่มีบทสรุปชัดเจน และยังทำให้เรางงได้ถึงทุกวันนี้ โดยทุกคนส่วนใหญ่จะตอบว่า "จำได้ด้วยพลัง เพราะเลอาเป็นผู้หญิง จะผูกพันกับแม่มากกว่าพ่อ" หรืออะไรแถๆ ทำนองนี้

การชมภาค 1
หากคุณต้องการให้ผู้ชมใหม่รับชมภาคหนึ่งจริงๆ ก็ยังสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่หลังภาค 6 ทันที ดูคู่ไปกับ Star Wars : Clone Wars 2003 กับ Star Wars The Clone Wars 2008 ก็ได้ เป็นทำนอง Expanded Universe เสริม อะไรทำนองนี้

ลองไปชมกันดูนะครับ ผมอยากทราบเหมือนกันว่าท่านอื่นจะชอบการรับชมนี้เหมือนผมไหม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่