เมื่อวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ผมได้วางแผนไปเที่ยวจังหวัดน่าน โดยวางแผนการเดินทางจากพิษณุโลก ผ่านอุตรดิตถ์
ผ่านแพร่ ไปยังน่าน โดยไปเส้นทางตามแผนที่นี้ ออกเดินทางจากพิษณุโลกประมาณ 9.00 น. ถึงน่านประมาณ 13.00 น.
เมื่อไปถึงตัวจังหวัดน่าน เราแวะกินข้าวกลางวันกันที่ร้านข้าวซอยต้นน้ำ กลางเมืองน่าน แต่เสียดายครับข้าวซอยหมด เหลือแต่ก๋วยเตี๋ยว เลยจัดก๋วยเตี๋ยวประทังความหิว รสชาติก๋วยเตี๋ยวถือว่าธรรมดาครับ (คงเพราะไม่ได้กินข้าวซอย)
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วก็ไปไหว้พระ ที่วัดภูมินทร์ วันนี้ได้ไหว้พระวัดเดียวครับ เพราะสายมากแล้ว เราต้องไปดอยภูคากับไปบ่อเกลือต่อ เราใช้เส้นทางขาไป ไปทางอำเภอปัวครับ เราออกจากน่านประมาณ 14.00 น. ถึงปัวประมาณ 15.00 น.
ออกจาก อ.ปัว เดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ถึงดอยภูคาประมาณ 15.30 น.
เรากะว่าจะได้ไปดูดอกชมพูภูคา ซึ่งน่าจะบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่เสียดายครับ ดอกออกแค่เป็นช่อ ยังไม่ออกเป็นดอกเลยเสียดายมาก เราเลยเดินทางกันต่อไปที่อำเภอบ่อเกลือ ไปพักกันที่อุ่นไอมาง รีสอร์ทครับ
รีสอร์ทขนาดเล็ก ติดริมลำธารและภูเขา ผมจองที่นี่ไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 นู่นครับ เพราะจองใกล้ๆ ที่นี่เต็มเร็วมาก ผมเลือกนอนกระโจมบ้านพักติดลำธาร รีสอร์ทที่นี่เป็นห้องน้ำรวมนะครับ ห้องอาบน้ำเป็นกระโจมผ้าใบ มีเครื่องอาบน้ำอุ่นให้ ส่วนห้องนอนเป็นกระโจมมุ้งธรรมดา แต่ด้วยความที่รีสอร์ทเป็นหุบเขา ทำให้ไม่มีลมพัดเพิ่มความหนาว คือ นอนตอนกลางคืนแค่ผ้าห่มหนาๆที่รีสอร์ทมีให้ก็พอแล้วครับ ราคาค่าที่พักก็ไม่แพงครับ คืนละ 700 บาทเอง
ดินเนอร์เราคืนนี้ เราเลือกกินที่รีสอร์ทขนาดใหญ่ บนเขาด้านบนที่พักเราครับ บ่อเกลือ วิว รีสอร์ท เพราะได้ข่าวว่าอาหารอร่อยมาก แต่ว่าราคาก็เจ็บใช่เล่นนะครับ บ่อเกลือ วิว ห่างจาก อุ่นไอมาง ไม่กี่ร้อยเมตรครับ เดินไปก็ได้นะครับ
นี่เป็นภาพบรรยากาศบนร้านอาหารบ่อเกลือ วิว รีสอร์ทครับ มองไปด้านล่างตรงลำธารจะเห็น อุ่นไอมาง รีสอร์ท ที่เราพัก
จบวันแรกครับ
วันที่ 2 ภาพบรรยากาศตอนเช้าที่อุ่นไอมาง รีสอร์ท อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ตอนเช้ารีสอร์ทมีกาแฟ โอวัลติน และข้าวต้มให้กินฟรีนะครับ เชิญเลือกตักได้ตามอัธยาศัย
วันที่เราพักตื่นเช้ามา อุณหภูมิในรีสอร์ทบอกว่า 12 องศานะครับ หนาวมาก แต่โชคดีไม่มีลม
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศลำธาร และรีสอร์ทน่ารักๆแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อ ก่อนออกจากบ่อเกลือ เราแวะไปดูบ่อเกลือสินเธาว์จริงๆที่กลางหมู่บ้าน และดูวิธีการทำเกลือ สาธิตโดยชาวบ้านที่นั่น และซื้อผลิตภัณฑ์เกลือขัดผิวไปฝากคนรู้จักด้วย
ก่อนออกจาก อ.บ่อเกลือเราไปแวะสวนสตอเบอรรี่ แต่น่าเสียดายวันที่เราไปสวนปิด หลังจากนั้นเราออกเดินทางกลับอีกทาง ผ่านทาง อ.สันติสุขเพื่อไปตัวเมืองน่านอีกครั้ง
ทางจาก อ.บ่อเกลือผ่าน อ.สันติสุข ไปอ.เมืองน่าน สวยมากครับ
ไปถึงตัวเมืองน่านตอนเที่ยงๆ แวะทานอาหารที่ร้านเฮือนฮอม ไปถึงนักท่องเที่ยวเยอะมากครับ ส่วนใหญ่เป็นทัวร์ เลยสั่งข้าวซอย ไส้อั่ว ส้มตำ(เอาแบบไวๆ) ขอบอกตรงๆว่า อาหารไม่อร่อยเลย หลังจากนั้นก็ไปไหว้พระที่วัดพระธาตุช้างค้ำ และวัดพระธาตุแช่แห้ง
เราออกจากตัวเมืองน่านประมาณ 14.00 น.เพื่อเดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติขุนสถาน อ.นาน้อย จ.น่าน ความจริงเราควรใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. แต่เราไปถึงจริงๆตอนเกือบๆ 16.30 น.เลยครับ เพราะเราต้องแวะซื้อนู่นนี่ โดยเฉพาะยา
ทางไปช่วงประมาณ 10 กิโลเมตรสุดท้าย เป็นเขาสูงชันมากครับ ผู้ขับขี่รถต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษนะครับ เพราะทางด้านข้างเป็นหน้าผาสูงชัน และไม่มีที่กั้นเลยครับ โชคดีที่ตอนขึ้นไปไม่มีรถสวนขึ้นมาซักคัน
ภาพบรรยากาศบนอุทยานแห่งชาติขุนสถานครับ ข้างบนสวยมาก มีบ้านพักไม่กี่หลัง โชคดีที่ผมโทรจองก่อนหลายอาทิตย์ ตอนโทรจองเหลือบ้านพักหลังสุดท้ายพอดี(โชคดีมาก) ราคาบ้านพักก็แล้วแต่จะให้นะครับ
ภาพนี้ถ่ายจากในบ้านที่เราพักครับ
ตอนกลางคืนขอบอกว่าลมแรงมาก ได้ยินเสียงลมดังมาก ไฟฟ้าจากที่นี่เป็นไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นะครับ เพราะฉะนั้นจะใช้ไฟได้แค่ชาร์ตแบตโทรศัพท์เท่านั้นครับ และอาหารการกินที่นี่ไม่มีนะครับ มีแค่มาม่า โจ๊กคัพ และกาแฟขาย นอกนั้นไม่มี ทางอุทยานมีเตาปิ้ง ถุงนอน เสื่อ ให้เช่านะครับ
วันที่ 3
เราตื่นตั้งแต่ตอนเช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นครับ
แสงแรกของวัน
บรรยากาศโดยรอบอุทยาน
เสียดายครับ วันที่เราไปดอกพญาเสือโคร่งที่ส่วนจัดการต้นน้ำ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน มันโรยหมดแล้ว เราก็ไปดูนะครับ เผื่อจะมี แต่ไม่มีเหลือเลยครับ ก่อนกลับเราแวะซื้อสตอเบอรรี่เล็กน้อยครับ
ผมเลือกลงอีกทางคือลงทาง อ.นาหมื่น เพื่อไปยังเขื่อนสิริกิต์ ทางชันไม่ต่างจากทางขึ้นเลยครับ แต่ทางไป อ.นาหมื่น ค่อนข้างแย่ครับ เป็นหลุมเป็นบ่อหลายกิโลเมตรเลย
พอไปถึง อ.นาหมื่น เริ่มเกิดปัญหาแล้วครับ GPS ของรถมันบอกว่า อีก 20 กิโลเมตรจะถึงเรือข้ามฟาก!!! ผมนี่ตกใจเลย เรือข้ามฟากอะไร ไม่ได้หาข้อมูลมา รถข้ามได้ไหมเนี่ย พอดีเลี้ยวกลับไปถามชาวบ้านแถวนั้น เค้าบอกว่าไปได้ มีเรือข้ามฟากไปอีกฝั่งของเขื่อน เอารถขึ้นบนโป๊ะข้ามได้ 2 คัน ราคาคันละ 250 บาท เราเลยเสี่ยงไปครับ
ไปถึงเขื่อนตอนเที่ยงก็แวะทานข้าวก่อน ที่นั่นมีแพร้านอาหารอยู่ 3-4 แพ เราก็เลือกซักแพ หลังจากนั้น ก็ขับรถไปที่โป๊ะ พอไปถึงก็มีรถอีกคันมาข้ามฟากด้วยพอดี เลยได้เอารถข้ามฟากจริงๆ
เมื่อข้ามมาอีกฝั่งได้ ก็เป้นอำเภอน้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ วิ่งรถต่อไปอีกประมาณ 100 กิโลเมตร ก็เข้าตัวเมืองอุตรดิตถ์ ก็กลับบ้านได้เลยครับ
ขับรถเที่ยวน่าน บ่อเกลือ ขุนสถาน เขื่อนสิริกิต์
ผ่านแพร่ ไปยังน่าน โดยไปเส้นทางตามแผนที่นี้ ออกเดินทางจากพิษณุโลกประมาณ 9.00 น. ถึงน่านประมาณ 13.00 น.
เมื่อไปถึงตัวจังหวัดน่าน เราแวะกินข้าวกลางวันกันที่ร้านข้าวซอยต้นน้ำ กลางเมืองน่าน แต่เสียดายครับข้าวซอยหมด เหลือแต่ก๋วยเตี๋ยว เลยจัดก๋วยเตี๋ยวประทังความหิว รสชาติก๋วยเตี๋ยวถือว่าธรรมดาครับ (คงเพราะไม่ได้กินข้าวซอย)
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วก็ไปไหว้พระ ที่วัดภูมินทร์ วันนี้ได้ไหว้พระวัดเดียวครับ เพราะสายมากแล้ว เราต้องไปดอยภูคากับไปบ่อเกลือต่อ เราใช้เส้นทางขาไป ไปทางอำเภอปัวครับ เราออกจากน่านประมาณ 14.00 น. ถึงปัวประมาณ 15.00 น.
ออกจาก อ.ปัว เดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ถึงดอยภูคาประมาณ 15.30 น.
เรากะว่าจะได้ไปดูดอกชมพูภูคา ซึ่งน่าจะบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่เสียดายครับ ดอกออกแค่เป็นช่อ ยังไม่ออกเป็นดอกเลยเสียดายมาก เราเลยเดินทางกันต่อไปที่อำเภอบ่อเกลือ ไปพักกันที่อุ่นไอมาง รีสอร์ทครับ
รีสอร์ทขนาดเล็ก ติดริมลำธารและภูเขา ผมจองที่นี่ไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 นู่นครับ เพราะจองใกล้ๆ ที่นี่เต็มเร็วมาก ผมเลือกนอนกระโจมบ้านพักติดลำธาร รีสอร์ทที่นี่เป็นห้องน้ำรวมนะครับ ห้องอาบน้ำเป็นกระโจมผ้าใบ มีเครื่องอาบน้ำอุ่นให้ ส่วนห้องนอนเป็นกระโจมมุ้งธรรมดา แต่ด้วยความที่รีสอร์ทเป็นหุบเขา ทำให้ไม่มีลมพัดเพิ่มความหนาว คือ นอนตอนกลางคืนแค่ผ้าห่มหนาๆที่รีสอร์ทมีให้ก็พอแล้วครับ ราคาค่าที่พักก็ไม่แพงครับ คืนละ 700 บาทเอง
ดินเนอร์เราคืนนี้ เราเลือกกินที่รีสอร์ทขนาดใหญ่ บนเขาด้านบนที่พักเราครับ บ่อเกลือ วิว รีสอร์ท เพราะได้ข่าวว่าอาหารอร่อยมาก แต่ว่าราคาก็เจ็บใช่เล่นนะครับ บ่อเกลือ วิว ห่างจาก อุ่นไอมาง ไม่กี่ร้อยเมตรครับ เดินไปก็ได้นะครับ
นี่เป็นภาพบรรยากาศบนร้านอาหารบ่อเกลือ วิว รีสอร์ทครับ มองไปด้านล่างตรงลำธารจะเห็น อุ่นไอมาง รีสอร์ท ที่เราพัก
จบวันแรกครับ
วันที่ 2 ภาพบรรยากาศตอนเช้าที่อุ่นไอมาง รีสอร์ท อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ตอนเช้ารีสอร์ทมีกาแฟ โอวัลติน และข้าวต้มให้กินฟรีนะครับ เชิญเลือกตักได้ตามอัธยาศัย
วันที่เราพักตื่นเช้ามา อุณหภูมิในรีสอร์ทบอกว่า 12 องศานะครับ หนาวมาก แต่โชคดีไม่มีลม
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศลำธาร และรีสอร์ทน่ารักๆแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อ ก่อนออกจากบ่อเกลือ เราแวะไปดูบ่อเกลือสินเธาว์จริงๆที่กลางหมู่บ้าน และดูวิธีการทำเกลือ สาธิตโดยชาวบ้านที่นั่น และซื้อผลิตภัณฑ์เกลือขัดผิวไปฝากคนรู้จักด้วย
ก่อนออกจาก อ.บ่อเกลือเราไปแวะสวนสตอเบอรรี่ แต่น่าเสียดายวันที่เราไปสวนปิด หลังจากนั้นเราออกเดินทางกลับอีกทาง ผ่านทาง อ.สันติสุขเพื่อไปตัวเมืองน่านอีกครั้ง
ทางจาก อ.บ่อเกลือผ่าน อ.สันติสุข ไปอ.เมืองน่าน สวยมากครับ
ไปถึงตัวเมืองน่านตอนเที่ยงๆ แวะทานอาหารที่ร้านเฮือนฮอม ไปถึงนักท่องเที่ยวเยอะมากครับ ส่วนใหญ่เป็นทัวร์ เลยสั่งข้าวซอย ไส้อั่ว ส้มตำ(เอาแบบไวๆ) ขอบอกตรงๆว่า อาหารไม่อร่อยเลย หลังจากนั้นก็ไปไหว้พระที่วัดพระธาตุช้างค้ำ และวัดพระธาตุแช่แห้ง
เราออกจากตัวเมืองน่านประมาณ 14.00 น.เพื่อเดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติขุนสถาน อ.นาน้อย จ.น่าน ความจริงเราควรใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. แต่เราไปถึงจริงๆตอนเกือบๆ 16.30 น.เลยครับ เพราะเราต้องแวะซื้อนู่นนี่ โดยเฉพาะยา
ทางไปช่วงประมาณ 10 กิโลเมตรสุดท้าย เป็นเขาสูงชันมากครับ ผู้ขับขี่รถต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษนะครับ เพราะทางด้านข้างเป็นหน้าผาสูงชัน และไม่มีที่กั้นเลยครับ โชคดีที่ตอนขึ้นไปไม่มีรถสวนขึ้นมาซักคัน
ภาพบรรยากาศบนอุทยานแห่งชาติขุนสถานครับ ข้างบนสวยมาก มีบ้านพักไม่กี่หลัง โชคดีที่ผมโทรจองก่อนหลายอาทิตย์ ตอนโทรจองเหลือบ้านพักหลังสุดท้ายพอดี(โชคดีมาก) ราคาบ้านพักก็แล้วแต่จะให้นะครับ
ภาพนี้ถ่ายจากในบ้านที่เราพักครับ
ตอนกลางคืนขอบอกว่าลมแรงมาก ได้ยินเสียงลมดังมาก ไฟฟ้าจากที่นี่เป็นไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นะครับ เพราะฉะนั้นจะใช้ไฟได้แค่ชาร์ตแบตโทรศัพท์เท่านั้นครับ และอาหารการกินที่นี่ไม่มีนะครับ มีแค่มาม่า โจ๊กคัพ และกาแฟขาย นอกนั้นไม่มี ทางอุทยานมีเตาปิ้ง ถุงนอน เสื่อ ให้เช่านะครับ
วันที่ 3
เราตื่นตั้งแต่ตอนเช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นครับ
แสงแรกของวัน
บรรยากาศโดยรอบอุทยาน
เสียดายครับ วันที่เราไปดอกพญาเสือโคร่งที่ส่วนจัดการต้นน้ำ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน มันโรยหมดแล้ว เราก็ไปดูนะครับ เผื่อจะมี แต่ไม่มีเหลือเลยครับ ก่อนกลับเราแวะซื้อสตอเบอรรี่เล็กน้อยครับ
ผมเลือกลงอีกทางคือลงทาง อ.นาหมื่น เพื่อไปยังเขื่อนสิริกิต์ ทางชันไม่ต่างจากทางขึ้นเลยครับ แต่ทางไป อ.นาหมื่น ค่อนข้างแย่ครับ เป็นหลุมเป็นบ่อหลายกิโลเมตรเลย
พอไปถึง อ.นาหมื่น เริ่มเกิดปัญหาแล้วครับ GPS ของรถมันบอกว่า อีก 20 กิโลเมตรจะถึงเรือข้ามฟาก!!! ผมนี่ตกใจเลย เรือข้ามฟากอะไร ไม่ได้หาข้อมูลมา รถข้ามได้ไหมเนี่ย พอดีเลี้ยวกลับไปถามชาวบ้านแถวนั้น เค้าบอกว่าไปได้ มีเรือข้ามฟากไปอีกฝั่งของเขื่อน เอารถขึ้นบนโป๊ะข้ามได้ 2 คัน ราคาคันละ 250 บาท เราเลยเสี่ยงไปครับ
ไปถึงเขื่อนตอนเที่ยงก็แวะทานข้าวก่อน ที่นั่นมีแพร้านอาหารอยู่ 3-4 แพ เราก็เลือกซักแพ หลังจากนั้น ก็ขับรถไปที่โป๊ะ พอไปถึงก็มีรถอีกคันมาข้ามฟากด้วยพอดี เลยได้เอารถข้ามฟากจริงๆ
เมื่อข้ามมาอีกฝั่งได้ ก็เป้นอำเภอน้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ วิ่งรถต่อไปอีกประมาณ 100 กิโลเมตร ก็เข้าตัวเมืองอุตรดิตถ์ ก็กลับบ้านได้เลยครับ