คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
Supply chain ชื่อไทยคือ โซ่อุปทานค่ะ
ให้เข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับ Supply chain นึกถึง โซ่เลยค่ะ การทำงานเป็นแผนกต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นหาวัตถุดิบ จนสิ้นสุดกระบวนการคือส่งถึงมือลูกค้า ทำงานต่อเนื่องกันเป็นโซ่ วนเวียนไปค่ะ ทั้งหมดของกระบวนต้องคำนึงถึงคุณภาพ และความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก
การจัดหาวัตถุดิบ >>> การผลิตสินค้า (ผลิตเพื่อใคร ? ผลิตอย่างไร ?) >>> การจัดเก็บสินค้า (เก็บสินค้าในคลังสินค้า หรือผลิตแล้วส่งออกไปเลย , การจัดการคลังสินค้า) >>> การส่งสินค้า (วิธีการส่งสินค้าส่งอย่างไร truck , rail , air , cargo , port ข้อนี้เกี่ยวกับโลจิสติกส์โดยตรงค่ะ) >>> สินค้าถึงมือลูกค้า (ความพึงพอใจของลูกค้า ผลตอบรับทีมี่)
ส่วนแนวคิดหลักๆของห่วงโซ่อุปทานคือ
การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า - เพื่อสร้างฐานลูกค้า เชื่อมั่น
การบริหารการให้บริการ - การตอบสนองในระดับที่ทำให้ลูกค้าพอใจ
การบริหารอุปสงค์ - การสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของลูกค้าและความสามารถของบริษัท
การตอบสนองการสั่งซื้อจากลูกค้า - ใช้ดัชนีวัดความสำเร็จ สำหรับติดตามอัตราความสำเร็จ
การบริหารความสัมพันธ์กับผู้ส่งมอบ - การพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าระยะยาว
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ - การมีส่วนร่วมหรือความพึงพอใจของลูกค้าที่จะได้รับสินค้านั้นๆ
การคววบคุมคุณภาพ - การตรวจสอบความถูกต้องของงานแผนกต่างๆ การผลิต การจัดเก็บสินค้า การส่งถึงมือลูกค้า ให้ตรงตามมาตรฐานค่ะ
โดยทั้งหมดนี้จะแยกย่อยออกเป็นอีกมากมายค่ะ แต่หลักๆคือประมาณนี้
เรียน transport , logistics and supply chain management โดยตรงค่ะ แต่เรียนหลายตัวมากเลย อาจจะอธิบายเยอะไป ไม่เข้าใจตรงไหน หลังไมค์มาถามได้เลยนะคะ
ให้เข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับ Supply chain นึกถึง โซ่เลยค่ะ การทำงานเป็นแผนกต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นหาวัตถุดิบ จนสิ้นสุดกระบวนการคือส่งถึงมือลูกค้า ทำงานต่อเนื่องกันเป็นโซ่ วนเวียนไปค่ะ ทั้งหมดของกระบวนต้องคำนึงถึงคุณภาพ และความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก
การจัดหาวัตถุดิบ >>> การผลิตสินค้า (ผลิตเพื่อใคร ? ผลิตอย่างไร ?) >>> การจัดเก็บสินค้า (เก็บสินค้าในคลังสินค้า หรือผลิตแล้วส่งออกไปเลย , การจัดการคลังสินค้า) >>> การส่งสินค้า (วิธีการส่งสินค้าส่งอย่างไร truck , rail , air , cargo , port ข้อนี้เกี่ยวกับโลจิสติกส์โดยตรงค่ะ) >>> สินค้าถึงมือลูกค้า (ความพึงพอใจของลูกค้า ผลตอบรับทีมี่)
ส่วนแนวคิดหลักๆของห่วงโซ่อุปทานคือ
การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า - เพื่อสร้างฐานลูกค้า เชื่อมั่น
การบริหารการให้บริการ - การตอบสนองในระดับที่ทำให้ลูกค้าพอใจ
การบริหารอุปสงค์ - การสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของลูกค้าและความสามารถของบริษัท
การตอบสนองการสั่งซื้อจากลูกค้า - ใช้ดัชนีวัดความสำเร็จ สำหรับติดตามอัตราความสำเร็จ
การบริหารความสัมพันธ์กับผู้ส่งมอบ - การพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าระยะยาว
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ - การมีส่วนร่วมหรือความพึงพอใจของลูกค้าที่จะได้รับสินค้านั้นๆ
การคววบคุมคุณภาพ - การตรวจสอบความถูกต้องของงานแผนกต่างๆ การผลิต การจัดเก็บสินค้า การส่งถึงมือลูกค้า ให้ตรงตามมาตรฐานค่ะ
โดยทั้งหมดนี้จะแยกย่อยออกเป็นอีกมากมายค่ะ แต่หลักๆคือประมาณนี้
เรียน transport , logistics and supply chain management โดยตรงค่ะ แต่เรียนหลายตัวมากเลย อาจจะอธิบายเยอะไป ไม่เข้าใจตรงไหน หลังไมค์มาถามได้เลยนะคะ
FINE TOTORO ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2716157 ถูกใจ, nrotisaS ถูกใจ, พี่ตุ๋มคนโสด ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3110845 ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 1840549 ถูกใจ, แก้วสามฤดู หลงรัก, Kenneshiro ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1368356 ถูกใจ, Am not that BAD ถูกใจรวมถึงอีก 16 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
supply chain mamangement เป็นภาพใหญ่ครับ จะเกี่ยวกับการ บริหาร 3 flows ซึ่งประกอบไปด้วย
1. Product flow
2. Infomation flow
3. financial flow
ซึ่งการบริหาร แล้วควบคุมทั้งสามอย่างนี้ให้มีประสิทธิภาพ ผลที่ได้คือ supply chain ของคุณก็จะดีไปด้วยครับ
Supply chain ก็ แบ่งๆย่อยๆไปอีกเช่น
Logistic = the movement of goods คือ การเคลื่อย้ายสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่ง
Demand management = การบริหาร จัดการ demand ของฝั่งลูกค้า เพื่อให้เราสามารถ ทำนาย คือรู้ปริมาณที่เหมาะสม ในการที่จะผลิดอะไรซักอย่าง
** จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราบริหาร หรือ ไม่ม่การจัดการ demand ที่ดี
ก็จะทำให้
1. เกิดค่าเสียโอกาส (cost of lost sale) ในกรณีที่เรามีสินค้า ไม่พอ กำลังซื้อ หมายความว่า ลูกค่าอยากได้น้ำเรา 10 ขวด แต่เรามีแค่5
2. เกิด Inventory carring cost หมายความว่า เราผลิตสินค้ามามากเกินไป ซึ่งการผลิตสินค้ามากเกิน demand จะทำให้ เราต้องเสียค่า โกดัง, ค่าไฟ, เสียพื้นที่ในบริเวณโกดัง ที่อาจจะสามารถใช้ประโยชน์ในด้านอื่นได้ นอกจากเอาของที่ไม่ได้ขาย มาวางๆไว้เฉยๆ
supply chain network
คือการออกแบบ ในบริษัทนี้ควรจะมี warehouse อยู่ตรงไหน ควรมีกี่ที่ (ถ้ามีเยอะไปก็ทำให้ต้นทุนเราสูง ถ้าน้อยไปก็อาจทำให้เราไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั้งหมด) การออกแบบต้องคำนึงถึงหลายอย่างเช่น ลูกค้าของคุณเป็นยังไง, supplier คุณอยู่ตรงไหน, โรงงาน กับโกดัง ไกลกันมากไหม....
มีรายละเอียด ยิบย่อย อีกพอสมควรครับ
ถ้ามีคำถามก็โพสถามไว้ครับ เดี๋ยวว่างๆจะมาตอบครับ ^^
1. Product flow
2. Infomation flow
3. financial flow
ซึ่งการบริหาร แล้วควบคุมทั้งสามอย่างนี้ให้มีประสิทธิภาพ ผลที่ได้คือ supply chain ของคุณก็จะดีไปด้วยครับ
Supply chain ก็ แบ่งๆย่อยๆไปอีกเช่น
Logistic = the movement of goods คือ การเคลื่อย้ายสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่ง
Demand management = การบริหาร จัดการ demand ของฝั่งลูกค้า เพื่อให้เราสามารถ ทำนาย คือรู้ปริมาณที่เหมาะสม ในการที่จะผลิดอะไรซักอย่าง
** จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราบริหาร หรือ ไม่ม่การจัดการ demand ที่ดี
ก็จะทำให้
1. เกิดค่าเสียโอกาส (cost of lost sale) ในกรณีที่เรามีสินค้า ไม่พอ กำลังซื้อ หมายความว่า ลูกค่าอยากได้น้ำเรา 10 ขวด แต่เรามีแค่5
2. เกิด Inventory carring cost หมายความว่า เราผลิตสินค้ามามากเกินไป ซึ่งการผลิตสินค้ามากเกิน demand จะทำให้ เราต้องเสียค่า โกดัง, ค่าไฟ, เสียพื้นที่ในบริเวณโกดัง ที่อาจจะสามารถใช้ประโยชน์ในด้านอื่นได้ นอกจากเอาของที่ไม่ได้ขาย มาวางๆไว้เฉยๆ
supply chain network
คือการออกแบบ ในบริษัทนี้ควรจะมี warehouse อยู่ตรงไหน ควรมีกี่ที่ (ถ้ามีเยอะไปก็ทำให้ต้นทุนเราสูง ถ้าน้อยไปก็อาจทำให้เราไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั้งหมด) การออกแบบต้องคำนึงถึงหลายอย่างเช่น ลูกค้าของคุณเป็นยังไง, supplier คุณอยู่ตรงไหน, โรงงาน กับโกดัง ไกลกันมากไหม....
มีรายละเอียด ยิบย่อย อีกพอสมควรครับ
ถ้ามีคำถามก็โพสถามไว้ครับ เดี๋ยวว่างๆจะมาตอบครับ ^^
สมาชิกหมายเลข 965500 ถูกใจ, FINE TOTORO ถูกใจ, nrotisaS ถูกใจ, Minwin ถูกใจ, CHSaran ถูกใจ, teddybeer ถูกใจ, nickvp ถูกใจ, Mr Dandee ถูกใจ, กอล์ฟกระต่าย ถูกใจ, วันละพาร์ ทึ่งรวมถึงอีก 5 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 1
รถ 1 คัน
เกิดจาก
ประตู , เครื่องยนตร์ , สี และอื่นๆ
ประตู เกิดจาก เหล็ก
ขั้นตอนของวัตถุดิบที่ต่อเนื่องกัน เรียกว่า supply chain
สมัยผมหนุ่มๆ มันจะแบ่งเป็น แบบ push และแบบ pull
push คือ ผลิตไปกองไว้ แล้วให้คนถัดไปผลิตต่อ
pull คือ มีความต้องการ และเอาวัตถุดิบแต่ละส่วนกระจายกันผลิต ทำให้ไม่เกิด stock cost
คร่าวมากๆ ก็ประมาณนี้
เกิดจาก
ประตู , เครื่องยนตร์ , สี และอื่นๆ
ประตู เกิดจาก เหล็ก
ขั้นตอนของวัตถุดิบที่ต่อเนื่องกัน เรียกว่า supply chain
สมัยผมหนุ่มๆ มันจะแบ่งเป็น แบบ push และแบบ pull
push คือ ผลิตไปกองไว้ แล้วให้คนถัดไปผลิตต่อ
pull คือ มีความต้องการ และเอาวัตถุดิบแต่ละส่วนกระจายกันผลิต ทำให้ไม่เกิด stock cost
คร่าวมากๆ ก็ประมาณนี้
สมาชิกหมายเลข 2716157 ถูกใจ, สิ่งมีชีวิตที่เจิดจ้า สยอง, หนอนไม้ ถูกใจ, Santiago_beach ถูกใจ, โอเคได้ ถูกใจ, Happy Tuesday ถูกใจ, NP_Wirat ถูกใจ, Mr Dandee ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 736365 ถูกใจ, Nietzsche ถูกใจรวมถึงอีก 5 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ขอความรู้ครับ อยากจะทราบว่า Supply chain คืออะไร