เรามีสุนัขอยู่ตัวนึง พันธุ์สปิตซ์น้ำหนักประมาณ 10 กก. เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต อยู่ด้วยกันกินนอนด้วยกัน ไปเที่ยวไหนมาไหนด้วยกันตลอด
จนมันอายุได้ 5 ขวบ ก็เกิดเหตุน้ำท่วมดอนเมือง บ้านเราท่วมหมด ต้องเอาน้องหมาไปฝากบ้านญาติที่ตจว. ส่วนตัวเองมาอยู่บ้านพ่อแม่
บ้านพ่อแม่เป็นบ้านไม้หลังเล็ก ไม่มีรั้ว ไม่มีที่กั้นเลย ทำให้พาน้องหมามาอยู่ด้วยไม่ได้ ประกอบกับพ่อแม่กลัวหมา
แต่ก็ขอร้องท่านและทำที่กั้นภายในบ้าน และรับน้องหมาขึ้นมาจากญาติ มาอยู่บ้านพ่อแม่ได้ 6 เดือน น้องหมาค่อยๆเดินไม่ได้
เพราะบ้านเป็นพื้นไม้ปูเสื่อน้ำมันค่อนข้างลื่น ทำให้ขาเสีย หมอบอกว่าต้องให้น้องอยู่ในที่ๆที่เดินสะดวกกว่านี้ ไม่งั้นน้องเกร็งเดินมากๆอาจจะพิการ
เราจึงนำน้องหมาไปฝากบ้านญาติอีกครั้งและตัวเองก็ขึ้นมาทำงานที่กทม. อยู่หอพัก
บ้านญาติมีที่ประมาณ 3-4 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด สร้างบ้านสำหรับน้องหมาแยกต่างหากออกมาหลังนึง บ้านอยู่กลางทุ่งห่างไกลบ้านคนแต่ก็ไม่ไกลจากชุมชนจึงไม่มีปัญหาเรื่องเสียง บ้านญาติรักหมาและเลี้ยงประมาณ 20 ตัว เค้าจะให้อาหารเม็ดสลับกับเนื้อไก่เนื้อตับต้ม เพราะใกล้ๆมีเพื่อนทำค้าขายไก่และรักหมา ลุงกับป้าเค้าเลี้ยงหมาของลูกๆของเค้า ตัดขน อาบน้ำ ฉีดวัคซีนให้น้องหมาได้เอง หลายครั้งที่เราไปเยี่ยมน้องหมา มันกลับมาเดินได้ปกติ วิ่งเล่นรอบสวน
แลบลิ้นยาว ดูผ่อนคลายมีความสุข มันดีใจที่เจอเรามากเดินตามตลอด คิดว่ามันคงอยากกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่ทุกครั้งที่กลับเราก็ร้องไห้คิดถึงมันทุกครั้ง และตั้งใจว่าจะกลับมารับมันมาอยู่ด้วยกันอีกให้ได้
จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี จนวันนี้ซื้อบ้านของตัวเองแต่มีปัญญาได้แค่ทาวน์เฮ้าส์หลังริม ที่ผนังบางมากๆ เราก็พยายามทำบ้านให้เก็บเสียง
ให้ช่างมาติดแผ่นซับเสียงตามผนัง แต่ก็กันเสียงได้ไม่มากเพราะบ้านเป็นกระจกซะส่วนใหญ่เป็นกระจกอะลูมิเนียมบาง เสียงภายนอกจะเข้ามาเยอะมากๆ แต่เราก็รับน้องหมากลับมา มันก็จำเราได้ ดีใจที่เจอแต่ก็แค่ตอนที่เจอกัน
แต่...เรารู้สึกน้องหมาไม่มีความสุขเลย พื้นเป็นแกนิตโต้ มันเดินๆลื่นๆ และงุ้มเท้าเกร็งเวลาเดินตลอด
กลางคืน หมาจรแถวบ้านเยอะมาก เห่าหอน กัดกัน เสียงเข้ามาในบ้าน น้องหมาเราตื่นตกใจเห่ากระจาย มันแทบไม่ได้นอนเลย
ส่วนกลางวันในหมู่บ้านต่อเติมและข้างๆบ้านมีถมดินพื้นที่ขนาดใหญ่และกำลังจะก่อสร้างโรงงานหรืออะไรสักอย่าง มันก็ตื่นกลัว ทั้งเห่าทั้งสั่น
น้องหมาแทบไม่ทานอาหาร ไม่เคยแลบลิ้น ดูเครียด หวาดระแวงตลอด แล้วก็เห่าแบบตื่นกลัว
เราเครียดมากๆ ร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นมันกลัว ปรึกษากับลูกของลุงป้าถามเค้าว่าน้องหมาตอนที่ตจว.มีความสุขแค่ไหน
เค้าบอกว่ามันกินเก่ง วิ่งรอบสวน ผิดกับที่อยู่กับเรา ลูกป้าบอกว่าลุงกับป้ารักน้องหมาเรามากและน้องหมาเราก็ติดมากด้วย ให้ส่งคืนลุงป้าเถอะ
มันเหมือนกับว่า เราต้องยกน้องหมาเราให้เค้าไปเลย เราตัดใจไม่ลง แต่ก็คิดถึงความสุขของน้องหมาว่ามันอยู่ไหนถึงจะมีความสุขจริงๆ
ขอคำปรึกษาด้วยค่ะ เราควรจะทำยังไง เราควรให้มันไปอยู่กับลุงป้าไหม? มันจะคิดถึงเรามากหรือป่าว?
ตอนนี้เครียดมาก ร้องไห้วันละหลายรอบมาสักพักแล้ว
ความสุขของน้องหมา เครียดๆๆๆมาก ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี
จนมันอายุได้ 5 ขวบ ก็เกิดเหตุน้ำท่วมดอนเมือง บ้านเราท่วมหมด ต้องเอาน้องหมาไปฝากบ้านญาติที่ตจว. ส่วนตัวเองมาอยู่บ้านพ่อแม่
บ้านพ่อแม่เป็นบ้านไม้หลังเล็ก ไม่มีรั้ว ไม่มีที่กั้นเลย ทำให้พาน้องหมามาอยู่ด้วยไม่ได้ ประกอบกับพ่อแม่กลัวหมา
แต่ก็ขอร้องท่านและทำที่กั้นภายในบ้าน และรับน้องหมาขึ้นมาจากญาติ มาอยู่บ้านพ่อแม่ได้ 6 เดือน น้องหมาค่อยๆเดินไม่ได้
เพราะบ้านเป็นพื้นไม้ปูเสื่อน้ำมันค่อนข้างลื่น ทำให้ขาเสีย หมอบอกว่าต้องให้น้องอยู่ในที่ๆที่เดินสะดวกกว่านี้ ไม่งั้นน้องเกร็งเดินมากๆอาจจะพิการ
เราจึงนำน้องหมาไปฝากบ้านญาติอีกครั้งและตัวเองก็ขึ้นมาทำงานที่กทม. อยู่หอพัก
บ้านญาติมีที่ประมาณ 3-4 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด สร้างบ้านสำหรับน้องหมาแยกต่างหากออกมาหลังนึง บ้านอยู่กลางทุ่งห่างไกลบ้านคนแต่ก็ไม่ไกลจากชุมชนจึงไม่มีปัญหาเรื่องเสียง บ้านญาติรักหมาและเลี้ยงประมาณ 20 ตัว เค้าจะให้อาหารเม็ดสลับกับเนื้อไก่เนื้อตับต้ม เพราะใกล้ๆมีเพื่อนทำค้าขายไก่และรักหมา ลุงกับป้าเค้าเลี้ยงหมาของลูกๆของเค้า ตัดขน อาบน้ำ ฉีดวัคซีนให้น้องหมาได้เอง หลายครั้งที่เราไปเยี่ยมน้องหมา มันกลับมาเดินได้ปกติ วิ่งเล่นรอบสวน
แลบลิ้นยาว ดูผ่อนคลายมีความสุข มันดีใจที่เจอเรามากเดินตามตลอด คิดว่ามันคงอยากกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่ทุกครั้งที่กลับเราก็ร้องไห้คิดถึงมันทุกครั้ง และตั้งใจว่าจะกลับมารับมันมาอยู่ด้วยกันอีกให้ได้
จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี จนวันนี้ซื้อบ้านของตัวเองแต่มีปัญญาได้แค่ทาวน์เฮ้าส์หลังริม ที่ผนังบางมากๆ เราก็พยายามทำบ้านให้เก็บเสียง
ให้ช่างมาติดแผ่นซับเสียงตามผนัง แต่ก็กันเสียงได้ไม่มากเพราะบ้านเป็นกระจกซะส่วนใหญ่เป็นกระจกอะลูมิเนียมบาง เสียงภายนอกจะเข้ามาเยอะมากๆ แต่เราก็รับน้องหมากลับมา มันก็จำเราได้ ดีใจที่เจอแต่ก็แค่ตอนที่เจอกัน
แต่...เรารู้สึกน้องหมาไม่มีความสุขเลย พื้นเป็นแกนิตโต้ มันเดินๆลื่นๆ และงุ้มเท้าเกร็งเวลาเดินตลอด
กลางคืน หมาจรแถวบ้านเยอะมาก เห่าหอน กัดกัน เสียงเข้ามาในบ้าน น้องหมาเราตื่นตกใจเห่ากระจาย มันแทบไม่ได้นอนเลย
ส่วนกลางวันในหมู่บ้านต่อเติมและข้างๆบ้านมีถมดินพื้นที่ขนาดใหญ่และกำลังจะก่อสร้างโรงงานหรืออะไรสักอย่าง มันก็ตื่นกลัว ทั้งเห่าทั้งสั่น
น้องหมาแทบไม่ทานอาหาร ไม่เคยแลบลิ้น ดูเครียด หวาดระแวงตลอด แล้วก็เห่าแบบตื่นกลัว
เราเครียดมากๆ ร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นมันกลัว ปรึกษากับลูกของลุงป้าถามเค้าว่าน้องหมาตอนที่ตจว.มีความสุขแค่ไหน
เค้าบอกว่ามันกินเก่ง วิ่งรอบสวน ผิดกับที่อยู่กับเรา ลูกป้าบอกว่าลุงกับป้ารักน้องหมาเรามากและน้องหมาเราก็ติดมากด้วย ให้ส่งคืนลุงป้าเถอะ
มันเหมือนกับว่า เราต้องยกน้องหมาเราให้เค้าไปเลย เราตัดใจไม่ลง แต่ก็คิดถึงความสุขของน้องหมาว่ามันอยู่ไหนถึงจะมีความสุขจริงๆ
ขอคำปรึกษาด้วยค่ะ เราควรจะทำยังไง เราควรให้มันไปอยู่กับลุงป้าไหม? มันจะคิดถึงเรามากหรือป่าว?
ตอนนี้เครียดมาก ร้องไห้วันละหลายรอบมาสักพักแล้ว