คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
การใช้ คือ ในแต่ละเดือน จะมีวันตัดบัญชี และวันกำหนดจ่าย ซึ่งถ้าเลือกดีๆ จะสามารถดึงได้ถึง 45-55 วัน ตามแต่เงื่อนไขของบัตร
เช่น บัตรมีวันตัดรอบบัญชีที่วันที่ 22 และวันจ่ายเงินวันที่ 5
ซึ่งถ้ารูดในวันที่ 20 จะถือว่ายอดนี้อยู่ในรอบเดือน ม.ค. ที่จะต้อจ่ายในวันที่ 5 ก.พ.
แต่ถ้าเรารูดบัตรวันที่ 23 ม.ค. เท่ากับไปจ่ายเงินในรอบเดือน ก.พ. แล้ว ซึ่งจะถึงกำหนดจ่ายวันที่ 5 มี.ค.
หลายคนจึงใช้วิธีนี้ดึงการจ่ายเงินให้ชะลอออกไปได้ เพื่อเก็บเงินให้พอ
ส่วนยอดจ่ายนั้น สามารถจ่ายได้ทั้งแบบเต็มยอดของแต่ละเดือน หรือผ่อนจ่ายขั้นต่ำ 10% ก็ได้
แต่แบบทะยอยจ่ายจะนำมาซึ่งดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมมากมาย จนเกิดหนี้แบบดินพอกหางหมู
และนรกที่สุด คือ การกดเงินสดออกมาใช้ เพราะทั้งดอกทั้งค่าธรรมเนียม หน้ามืดมากๆ
การ "โปะ" ก็คือการหาเงินก้อนใหญ่มาปิดยอดที่ท่วมท้นนั่นเอง
ซึ่งถ้าจ่ายเต็มวงเงิน จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลย นอกจากกำไรได้แต้มไว้แลกของ หรือเป็นส่วนลด หรือได้ Cash back
มีแต่ได้ ไม่มีเสีย
ซึ่งหลักการนี้ใครๆก็รั แต่น้อยคนนักที่จะทำไปได้ตลอดรอดฝั่ง
วิธีการส่วนตัว คือ ถ้าคิดว่าจะใช้บัตรเครดิตในการซื้อแต่ของที่จำเป็น และมีอำนาจซื้ออยู่แล้ว ไม่ได้เอามาก่อหนี้
ก็ควรขอลดวงเงินให้ต่ำกว่ารายได้จริง สัก 60% (เช่น รายได้ 3 หมื่น จะได้วงเงิน 7-8 หมื่น เราขอเขา 2 หมื่นก็พอ)
ซึ่งถึงอย่างไร กลั้นใจโปะอย่างมาก คือเอารายได้โปะเดือนเดียวก็หมด ทนกินแกลบ ดีกว่าเสียดอกแบบเลือดไหลไม่หยุด
เช่น บัตรมีวันตัดรอบบัญชีที่วันที่ 22 และวันจ่ายเงินวันที่ 5
ซึ่งถ้ารูดในวันที่ 20 จะถือว่ายอดนี้อยู่ในรอบเดือน ม.ค. ที่จะต้อจ่ายในวันที่ 5 ก.พ.
แต่ถ้าเรารูดบัตรวันที่ 23 ม.ค. เท่ากับไปจ่ายเงินในรอบเดือน ก.พ. แล้ว ซึ่งจะถึงกำหนดจ่ายวันที่ 5 มี.ค.
หลายคนจึงใช้วิธีนี้ดึงการจ่ายเงินให้ชะลอออกไปได้ เพื่อเก็บเงินให้พอ
ส่วนยอดจ่ายนั้น สามารถจ่ายได้ทั้งแบบเต็มยอดของแต่ละเดือน หรือผ่อนจ่ายขั้นต่ำ 10% ก็ได้
แต่แบบทะยอยจ่ายจะนำมาซึ่งดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมมากมาย จนเกิดหนี้แบบดินพอกหางหมู
และนรกที่สุด คือ การกดเงินสดออกมาใช้ เพราะทั้งดอกทั้งค่าธรรมเนียม หน้ามืดมากๆ
การ "โปะ" ก็คือการหาเงินก้อนใหญ่มาปิดยอดที่ท่วมท้นนั่นเอง
ซึ่งถ้าจ่ายเต็มวงเงิน จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลย นอกจากกำไรได้แต้มไว้แลกของ หรือเป็นส่วนลด หรือได้ Cash back
มีแต่ได้ ไม่มีเสีย
ซึ่งหลักการนี้ใครๆก็รั แต่น้อยคนนักที่จะทำไปได้ตลอดรอดฝั่ง
วิธีการส่วนตัว คือ ถ้าคิดว่าจะใช้บัตรเครดิตในการซื้อแต่ของที่จำเป็น และมีอำนาจซื้ออยู่แล้ว ไม่ได้เอามาก่อหนี้
ก็ควรขอลดวงเงินให้ต่ำกว่ารายได้จริง สัก 60% (เช่น รายได้ 3 หมื่น จะได้วงเงิน 7-8 หมื่น เราขอเขา 2 หมื่นก็พอ)
ซึ่งถึงอย่างไร กลั้นใจโปะอย่างมาก คือเอารายได้โปะเดือนเดียวก็หมด ทนกินแกลบ ดีกว่าเสียดอกแบบเลือดไหลไม่หยุด
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบวิธีการใช้บัตรเครดิตก่อนนะครับ ยังไม่เคยมีบัตร มือใหม่
แต่ไม่ใช่ว่าจะเอาไปซื้อไรพร่ำเพรื่อนะครับ เอาไว้รูดซื้อแต่ของที่จำเป็น เพราะบางอย่างใช้บัตรเครดิตซื้อคุ้มกว่าใช้เงินสดเยอะ
แถมยังมีโปร มีแต้ม เอาไว้แลกของฟรีด้วย
สุดท้าย วิธีการโป๊ะบัตรนี่มันโปะยังไงอ่าครับ งง คือมันจะมีวันกำหนดจ่ายก็ไปจ่ายให้ตรงตามนี้เหรอครับ หรือ ว่าพอเรามีเงินครบแล้วเอาไปโปะหนี้ก้อนนั้นให้หมดเลยแบบนี้รึปล่าวครับ โดยที่งวดต่อไปก็หมดไปเลย