คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เรามีประสบการณ์ตรงมาก่อน โดยก่อนหน้านี้เราก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่นิยมฉีด Filler ทั้งจมูก ร่องแก้ม ใต้ตา
รอบแรกอาจจะไม่เจอปัญหา แต่พอ 1 ปีผ่านไปที่ Filler เริ่มสลายและได้ไปฉีด Filler รอบที่สอง กับหมอคนเดิม
ก็พบว่ามันจะทรงไม่สวย ดูบวม และที่สำคัญที่สุด คือ รอยเส้นเลือดแดงที่เป็นตาข่ายเส้นเลือดเหมือนใยแมงมุมบนผิวหน้าค่ะ
แถมเมื่อติดต่อกลับไปที่คลินิก หมอท่านนั้นก็ตอบกลับมาว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีรอยแดงเกิดขึ้น
และบอกให้เรารอไปเรื่อยๆก่อน รอยแดงจะหายไปได้เอง
เราก็โง่ หลงเชื่อ รอไปเรื่อยๆ หลายเดือนแล้วรอยเส้นเลือดแดงก็ยังอยู่ และได้ไปปรึกษากับอาจารย์แพทย์ด้านผิวหนังโดยตรง
อาจารย์แพทย์ท่านนี้กล่าวว่า รอยแดงแบบนี้ ถ้าปล่อยไว้นานมีโอกาสที่จะกลายเป็นปื้นฝ้าบนใบหน้าได้
ซึ่งเราหมดค่ารักษาไอ้เจ้าปื้นแดงนี้ไปมากกว่าค่าฉีด Filler เสียอีก
คลินิกต่างๆมักบอกแค่ว่าไม่พอใจ Filler ก็ฉีดสลายได้
แต่ความจริงแล้วการฉีดสารสลาย Filler นั้น เป็นการใช้เอนไซม์ Hyaluronidase
โดยที่เอนไซม์ตัวนี้ มันจะเข้าไปสลาย Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งมีอยู่ทั้งใน Filler และในผิวหนังของเราเอง
ดังนั้น เป็นที่แน่นอนที่สุดค่ะว่า การใช้สารฉีดสลาย Filler นี้ จะมีโอกาสที่มันจะไปสลายเนื้อเยื่อของคุณเองด้วย
ความจริงอีกอย่างก็คือ เรื่องการใช้ Hyaluronidase เพื่อฉีดสลาย Filler นั้น เป็นการใช้ที่ FDA
และ อ.ย. ยังไม่ได้รับรองความปลอดภัยนะคะ (เรียกว่าเป็นการใช้แบบ off label indication = การใช้ไม่ตรงตามฉลากยาที่ระบุ)
FDA รับรอง Hyaluronidase เพื่อใช้ในเรื่องอื่นๆ แต่ไม่ได้เอาไว้สลาย Filler นะคะ
อย่าลืมว่า Hyaluronidase มันจะสลายทุกอย่างที่เป็น Hyaluronic Acid (HA) ดังนั้นมันย่อมต้องสลายเนื้อเยื่อเราเองด้วยค่ะ
แพทย์ในบางคลินิกอาจจะอ้างว่ามีเทคนิคพิเศษในการตรวจดูและเลือกฉีดยาสลายเฉพาะในบริเวณที่เป็น Filler โดยตรง
***ทำไม่ได้จริงหรอกนะคะ เพราะ Filler มันเป็นของเหลว มันไปรวมแทรกอยู่กับเนื้อเยื่อของร่างกายคุณแล้ว
เราเคยฉีด Filler มาเยอะมากๆ ทั้งใช้เสริมจมูก และใช้ในการยกกระชับรูปหน้า
และได้รู้แล้วว่ามันมีผลเสียมากกว่าผลดี มีความเสี่ยงมากกว่าคุณประโยชน์ค่ะ
แต่ Filler จะมีประโยชน์มากในแง่ของการหารายได้เข้าคลินิกค่ะ เพราะแพทยสภายังไม่มีการควบคุมที่เข้มงวดมากพอ
ดังนั้น แพทย์ที่ไม่ได้จบเฉพาะทางใดๆมา (เพียงแค่ไปอบรมการฉีด Filler มานิดๆหน่อย หรือบางครั้งก็แค่เทรนกันเองในคลินิก)
ก็สามารถฉีด Filler ให้แก่คนไข้ได้แล้ว
นอกจากนี้ยังมีการใช้ Filler ในการยกกระชับใบหน้า สำหรับคลินิกที่ไม่ต้องการใช้เงินลงทุนเยอะ
หรือต้องการผลักภาระต้นทุนไปที่คนไข้ค่ะ เนื่องจากคลินิกไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนซื้อเครื่องมือราคาแพงๆมาใช้กับคนไข้
แต่ใช้วิธีฉีด Filler เติมเข้าไปแทน ซึ่งต้นทุนค่า Filler คนไข้ก็เป็นคนจ่ายเอง
คลินิกแค่ซื้อ Filler แบบเครดิตกับทางบริษัท และเก็บเงินค่าฉีด Filler เป็นเงินสดกับคนไข้
การฉีด Filler เพื่อยกกระชับหน้าหรือเติมเต็มนั้น จะดูดีแค่ในครั้งแรกๆค่ะ
แต่ยิ่งฉีดเข้าไปมาก ผิวหน้าที่ถูกฉีด Filler ก็จะถูกทำให้ยืดขยายออกเรื่อยๆคล้ายลูกโป่งที่ถูกเติมลมเข้าไปเรื่อยๆ
ต่อมาเมื่อผิวหน้าถูกยืดขยายออกไปมากขึ้น ก็ยิ่งจำเป็นต้องมีการใช้ Filler เพื่อเติมมากขึ้นไปอีก
ตามหลักการแล้ว ควรมีการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ ในการยกกระชับผิวหน้าก่อน ให้ผิวหน้ามีความแข็งแรงกระชับเข้ามาก่อน
แล้วค่อยเติม Filler เพิ่มเฉพาะในบางจุดที่จำเป็นให้น้อยที่สุดค่ะ
การฉีด Filler นั้น มีข้อควรระวังอีกเรื่องด้วยค่ะ ว่าเราควรจะฉีดกันแค่ในช่วงที่อายุยังไม่มาก
การฉีด Filler เพื่อเติมเต็มเหมาะกับคนที่ยังมีอายุไม่มากเท่านั้นค่ะ
ในคนที่อายุมาก จะมีปัจจัยเสี่ยงจากการฉีด Filler ในเรื่องของการมีหินปูนมาเกาะบริเวณที่ฉีด Filler เข้าไปค่ะ
(เลือดของผู้สูงอายุจะมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดหินปูนเกาะบริเวณต่างๆของร่างกายได้ง่าย เช่น กรณีที่เจอกระดูกงอกทับเส้นประสาทในผู้สูงอายุ)
ผลที่ตามมา คือ Filler ที่ฉีดเข้าไปแล้วมีหินปูนมาเกาะจะเห็นเป็นก้อนนูนได้ค่ะ เหมือนในเคสผู้สูงอายุหลายๆเคสที่ฉีด Filler แล้วเห็นเป็นก้อนนูนๆ
ด้วยความปรารถนาดี จากคนที่เคยพลาดไปแล้วกับ Filler ค่ะ
(ป.ล. เพิ่งเข้ามา edit ข้อความ ^.^ ขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่มีหลายท่านได้อ่านสิ่งที่เราตั้งใจเขียนแล้วเห็นว่าพอมีประโยชน์บ้าง)
และสำหรับในบางท่านที่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ก็ยังสนใจอยากลองฉีด Filler ดู เราอยากแนะนำว่าให้อดใจรออีกนิดนะคะ
เราเคยอ่านเจอว่าทางกรมการแพทย์กำลังจะเข้ามาออกกฎหมายกำกับดูแล และจัดมาตรฐานในการฉีด Filler ของคลินิกต่างๆให้เข้มงวดขึ้น
ยังไงๆ ถ้ามีหน่วยงานภาครัฐเข้ามากำกับดูแลมากขึ้น ก็น่าจะดีกว่าการที่คนไข้อย่างพวกเราต้องรับความเสี่ยงเอาเอง
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000003823
เรามีประสบการณ์ตรงมาก่อน โดยก่อนหน้านี้เราก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่นิยมฉีด Filler ทั้งจมูก ร่องแก้ม ใต้ตา
รอบแรกอาจจะไม่เจอปัญหา แต่พอ 1 ปีผ่านไปที่ Filler เริ่มสลายและได้ไปฉีด Filler รอบที่สอง กับหมอคนเดิม
ก็พบว่ามันจะทรงไม่สวย ดูบวม และที่สำคัญที่สุด คือ รอยเส้นเลือดแดงที่เป็นตาข่ายเส้นเลือดเหมือนใยแมงมุมบนผิวหน้าค่ะ
แถมเมื่อติดต่อกลับไปที่คลินิก หมอท่านนั้นก็ตอบกลับมาว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีรอยแดงเกิดขึ้น
และบอกให้เรารอไปเรื่อยๆก่อน รอยแดงจะหายไปได้เอง
เราก็โง่ หลงเชื่อ รอไปเรื่อยๆ หลายเดือนแล้วรอยเส้นเลือดแดงก็ยังอยู่ และได้ไปปรึกษากับอาจารย์แพทย์ด้านผิวหนังโดยตรง
อาจารย์แพทย์ท่านนี้กล่าวว่า รอยแดงแบบนี้ ถ้าปล่อยไว้นานมีโอกาสที่จะกลายเป็นปื้นฝ้าบนใบหน้าได้
ซึ่งเราหมดค่ารักษาไอ้เจ้าปื้นแดงนี้ไปมากกว่าค่าฉีด Filler เสียอีก
คลินิกต่างๆมักบอกแค่ว่าไม่พอใจ Filler ก็ฉีดสลายได้
แต่ความจริงแล้วการฉีดสารสลาย Filler นั้น เป็นการใช้เอนไซม์ Hyaluronidase
โดยที่เอนไซม์ตัวนี้ มันจะเข้าไปสลาย Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งมีอยู่ทั้งใน Filler และในผิวหนังของเราเอง
ดังนั้น เป็นที่แน่นอนที่สุดค่ะว่า การใช้สารฉีดสลาย Filler นี้ จะมีโอกาสที่มันจะไปสลายเนื้อเยื่อของคุณเองด้วย
ความจริงอีกอย่างก็คือ เรื่องการใช้ Hyaluronidase เพื่อฉีดสลาย Filler นั้น เป็นการใช้ที่ FDA
และ อ.ย. ยังไม่ได้รับรองความปลอดภัยนะคะ (เรียกว่าเป็นการใช้แบบ off label indication = การใช้ไม่ตรงตามฉลากยาที่ระบุ)
FDA รับรอง Hyaluronidase เพื่อใช้ในเรื่องอื่นๆ แต่ไม่ได้เอาไว้สลาย Filler นะคะ
อย่าลืมว่า Hyaluronidase มันจะสลายทุกอย่างที่เป็น Hyaluronic Acid (HA) ดังนั้นมันย่อมต้องสลายเนื้อเยื่อเราเองด้วยค่ะ
แพทย์ในบางคลินิกอาจจะอ้างว่ามีเทคนิคพิเศษในการตรวจดูและเลือกฉีดยาสลายเฉพาะในบริเวณที่เป็น Filler โดยตรง
***ทำไม่ได้จริงหรอกนะคะ เพราะ Filler มันเป็นของเหลว มันไปรวมแทรกอยู่กับเนื้อเยื่อของร่างกายคุณแล้ว
เราเคยฉีด Filler มาเยอะมากๆ ทั้งใช้เสริมจมูก และใช้ในการยกกระชับรูปหน้า
และได้รู้แล้วว่ามันมีผลเสียมากกว่าผลดี มีความเสี่ยงมากกว่าคุณประโยชน์ค่ะ
แต่ Filler จะมีประโยชน์มากในแง่ของการหารายได้เข้าคลินิกค่ะ เพราะแพทยสภายังไม่มีการควบคุมที่เข้มงวดมากพอ
ดังนั้น แพทย์ที่ไม่ได้จบเฉพาะทางใดๆมา (เพียงแค่ไปอบรมการฉีด Filler มานิดๆหน่อย หรือบางครั้งก็แค่เทรนกันเองในคลินิก)
ก็สามารถฉีด Filler ให้แก่คนไข้ได้แล้ว
นอกจากนี้ยังมีการใช้ Filler ในการยกกระชับใบหน้า สำหรับคลินิกที่ไม่ต้องการใช้เงินลงทุนเยอะ
หรือต้องการผลักภาระต้นทุนไปที่คนไข้ค่ะ เนื่องจากคลินิกไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนซื้อเครื่องมือราคาแพงๆมาใช้กับคนไข้
แต่ใช้วิธีฉีด Filler เติมเข้าไปแทน ซึ่งต้นทุนค่า Filler คนไข้ก็เป็นคนจ่ายเอง
คลินิกแค่ซื้อ Filler แบบเครดิตกับทางบริษัท และเก็บเงินค่าฉีด Filler เป็นเงินสดกับคนไข้
การฉีด Filler เพื่อยกกระชับหน้าหรือเติมเต็มนั้น จะดูดีแค่ในครั้งแรกๆค่ะ
แต่ยิ่งฉีดเข้าไปมาก ผิวหน้าที่ถูกฉีด Filler ก็จะถูกทำให้ยืดขยายออกเรื่อยๆคล้ายลูกโป่งที่ถูกเติมลมเข้าไปเรื่อยๆ
ต่อมาเมื่อผิวหน้าถูกยืดขยายออกไปมากขึ้น ก็ยิ่งจำเป็นต้องมีการใช้ Filler เพื่อเติมมากขึ้นไปอีก
ตามหลักการแล้ว ควรมีการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ ในการยกกระชับผิวหน้าก่อน ให้ผิวหน้ามีความแข็งแรงกระชับเข้ามาก่อน
แล้วค่อยเติม Filler เพิ่มเฉพาะในบางจุดที่จำเป็นให้น้อยที่สุดค่ะ
การฉีด Filler นั้น มีข้อควรระวังอีกเรื่องด้วยค่ะ ว่าเราควรจะฉีดกันแค่ในช่วงที่อายุยังไม่มาก
การฉีด Filler เพื่อเติมเต็มเหมาะกับคนที่ยังมีอายุไม่มากเท่านั้นค่ะ
ในคนที่อายุมาก จะมีปัจจัยเสี่ยงจากการฉีด Filler ในเรื่องของการมีหินปูนมาเกาะบริเวณที่ฉีด Filler เข้าไปค่ะ
(เลือดของผู้สูงอายุจะมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดหินปูนเกาะบริเวณต่างๆของร่างกายได้ง่าย เช่น กรณีที่เจอกระดูกงอกทับเส้นประสาทในผู้สูงอายุ)
ผลที่ตามมา คือ Filler ที่ฉีดเข้าไปแล้วมีหินปูนมาเกาะจะเห็นเป็นก้อนนูนได้ค่ะ เหมือนในเคสผู้สูงอายุหลายๆเคสที่ฉีด Filler แล้วเห็นเป็นก้อนนูนๆ
ด้วยความปรารถนาดี จากคนที่เคยพลาดไปแล้วกับ Filler ค่ะ
(ป.ล. เพิ่งเข้ามา edit ข้อความ ^.^ ขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่มีหลายท่านได้อ่านสิ่งที่เราตั้งใจเขียนแล้วเห็นว่าพอมีประโยชน์บ้าง)
และสำหรับในบางท่านที่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ก็ยังสนใจอยากลองฉีด Filler ดู เราอยากแนะนำว่าให้อดใจรออีกนิดนะคะ
เราเคยอ่านเจอว่าทางกรมการแพทย์กำลังจะเข้ามาออกกฎหมายกำกับดูแล และจัดมาตรฐานในการฉีด Filler ของคลินิกต่างๆให้เข้มงวดขึ้น
ยังไงๆ ถ้ามีหน่วยงานภาครัฐเข้ามากำกับดูแลมากขึ้น ก็น่าจะดีกว่าการที่คนไข้อย่างพวกเราต้องรับความเสี่ยงเอาเอง
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000003823
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งฉีดฟิลเลอร์จมูก แล้วโด่งจนรั้งตาตึงมาก กลัวค่ะ ใครเป็นบ้างคะ
คุณหมอฉีดตรงดั้งให้เยอะมาก จนมันดึงตาเรา ตาเปลี่ยนรูปเลยค่ะ กลายเป็นดูตาเขๆ1ข้าง
กังวลค่ะ จริงๆจมูกด้านข้างดูสวยดี แต่ด้านหน้าตั้งแต่ดั้งถึงตรงกลางมันใหญ่เท่าๆกันเลย แถมตาก็แปลกไป
บางคนบอกว่าวันแรกบวม เดี๋ยวก็ยุบลง แต่เรากลัวเป็นเดือนอะ
ใครทำแล้วตาตึงบ้างคะ ช่วยบอกเราทีว่ามันปกติ T-T