สวัสดีครับ คาดว่าหลายๆคนคงจำผมไม่ได้แล้ว เพราะตั้งแต่พันทิปเปลี่ยนระบบใหม่ ผมก็ไม่ได้มาเขียนรีวิวนานมาก
ตอนนู้นเคยตั้งกระทู้กรุแปรงแต่งหน้าของคุณอั้ม ภัช-ชราภาพ (คุณแม่ผมเอง) ไป
เวลาผ่านไปสองปีกว่า (นับตั้งแต่น้ำท่วมครั้งใหญ่) ก็ได้มีการซื้อแปรงแต่งหน้าเพิ่มเข้ามา
รวมทั้งเครื่องสำอางที่ใช้แต่งให้คุณอั้มด้วย ซึ่งในส่วนของเครื่องสำอาง จะค่อยทำรีวิวนะครับ
วันนี้ขอโฟกัสที่แปรงแต่งหน้าก่อน เพื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่กำลังมองหาแปรงแต่งหน้าไว้ใช้
แปรงแต่งหน้า เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การลงทุนจริงๆ ผมเองก็หลงไหลในการสะสมแปรงนะ
เพราะมันเหมือนได้ซื้อพู่กันระบายสีอันใหม่มาระบายสี
โอเค ก่อนจะเริ่มรีวิวแปรง ขอบอกก่อนเลยนะครับว่า
"ทุกอย่างที่รีวิว ไม่ได้รับการว่าจ้าง หรือรับมาจากบริษัท ทุกชิ้นซื้อเองทั้งสิ้นครับ"
ก่อนรีวิวแปรง รอรีวิวสิ่งสิ่งนึงที่ออกแบบมาสำหรับคนที่รักแปรงแต่งหน้า ใช้แปรงแต่งหน้าบ่อย
นั่นคือ
Sigma Dry'n Shape
มันคืออะไร? ง่ายเลย มันก็คือตัวที่ช่วยทำให้แปรงแต่งหน้าของเราแห้งไวขึ้นเวลาเราล้าง
และพิเศษกว่านั้นคือ มันจะช่วยรักษาทรงของแปรงด้วยครับ
อันนี้ ผมสั่งจากในเว็ปที่เป็นตัวแทนซิกม่า (ซื้อมานานแล้ว ผมเองก็จำเว็ปไม่ได้) แต่มีหลายร้านเลยครับที่มีเครื่องหมายตัวแทนซิกม่า ราคาพันกว่าบาท
หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ เป็นคล้ายๆกระเป๋าหนัง ดูทนทาน ไม่ก๊องแก๊งไก่กาอาราเล่
(แน่ละ ถ้าราคาแบบนี้แล้วก๊องแก๊งนะ ผมมีสาปส่ง)
ด้านใน พอเปิดออกมา จะเป็นช่องๆเหมือนกระเป๋าใส่แปรงครับ
มีช่องทั้งหมด 12 ช่อง โดยแบ่งตามขนาด
ช่องใหญ่สุด 2
ช่องใหญ่รองลงมา 3
ช่องกลาง 3
ช่องเล็ก 2
ช่องเล็กสุด 2
how to use? ง่ายๆเลย หลังจากที่ล้างแปรงของคุณเสร็จแล้ว ก็เอาแปรงใส่ช่อง จากบนลงล่าง โดยด้านบนที่เป็นยางยืดจะทำหน้าที่บีบรัดและดูดซึมน้ำและความชื้นในแปรงออก และบีบกระชับรูปทรงแปรง
ทำให้เวลาแปรงแห้ง จะไม่บานออกครับ ถนอมแปรงได้ดีเลยทีเดียวนะ
ทางแบรนด์เค้าบอกว่ามันจะทำให้แปรงแห้งภายใน 6 ชั่วโมง แต่เอาจริงๆ ผมไม่ได้มานั่งจับเวลาอะไรขนาดนั้น
แค่ทิ้งเอาไว้ 1 วันมันก็แห้งแล้วครับ สะดวกดีนะ จากที่ปกติผมจะเอาแปรงวางกับโต๊ะแล้วเอาพัดลมเป่าจ่อเบาๆไว้
จากประสบการณ์ที่ใช้มา
ข้อดี
๑.สะดวก แค่เอาแปรงมาใส่ตามช่องแล้ววางไว้
๒.ช่วยให้แปรงแห้งไว
๓.ช่วยรักษาทรงของแปรง โดยเฉพาะแปรงใหญ่ๆ และแปรงแพงๆ (ข้อนี้สำคัญมากเลย)
แน่นอนมันมีข้อเสียนะ
๑. ช่องเล็กที่เอาไว้ใส่แปรงเล็กๆมันให้มาเยอะเกินไป มันไร้ประโยชน์สำหรับผมที่ไม่ค่อยมีแปรงเล็กๆ
อีกอย่าง แปรงเล็กๆ ไม่ค่อยจำเป็นที่จะเอามาทำให้แห้งเร็วเท่าไหร่ เพราะขนาดที่เล็ก มันแห้งไวอยู่แล้ว
๒.หากท่านมีแปรงที่หลากหลายยี่ห้อในกรุของคุณและแปรงของคุณมีรูปทรงประหลาด (เช่น real techniques) มันจะลำบากในการเอาด้านฐานแปรงเข้าช่องมาครับ!
๓. ราคาที่ค่อนข้างสูง
สินค้านี้เหมาะกับใคร?
-คนที่ชอบล้างแปรงบ่อย
-คนที่ชอบรักษาและถนุถนอมแปรงแต่งหน้า
-และจะยิ่งเหมาะกับคนที่มีแปรงเป็นเซ็ทด้ามยาวๆ เช่นซิกม่า แม๊ค เพราะจะไม่มีปัญหาในการใส่แปรงเข้าช่องเท่าไหร่นัก
อ่ะเข้าเรื่องแปรงซักที
ขอเริ่มจากแปรงเล็กๆก่อนนะครับ
ด้ามแรกเป็นของ Muji
เป็นแปรง อายแชโด้ว ขนนุ่มลื่ม ไม่ทิ่มไม่บาดหน้า ผมมันเอาไว้ใช้ไล้ดั้ง
ตัวด้ามทำจากไม้ มีน้ำหนักเบามากๆ พกพาสะดวก ผมจำราคาไม่ได้นะครับ น่าจะไม่เกิน 500
เป็นอีกหนึ่งแปรงที่แนะนำเพราะว่าหาซื้อง่าย และคุณภาพเยี่ยม ผมแนะนำครับ
ด้ามต่อไป เป็นเซ็ทแปรงอันโด่งดังจาก Real Techniques by Samantha Chapman
เนื่องจากใช้แล้วชอบเลยมีการซื้อมาเพิ่มเติมจากเดิม เมื่อก่อนเคยรีวิว Core Collection
ไปแล้ว
วันนี้จะมาพูดถึง ตัวอื่นของเค้าบ้าง เริ่มด้วยExpert Face Brush
แปรงด้ามนี้เป็นแปรงเดี่ยวๆที่สามารถซื้อแยกได้นะครับ
จำราคาไม่ได้เช่นเคย ด้ามนี้ฝากพี่สาวซื้อจากอเมริกา เลยไม่แพงมาก
อ่านรีวิวจากบล็อคเกอร์ฝรั่ง มีคำชมต่างๆนาจนทำให้ผมมีกิเลสอยากสอยมาลอง
ซึ่งลองแล้วถามใช้ดีไม๊? ตอบเลยว่าใช้ดีครับ
ไม่บาดหน้าตามสไตล์ของเค้า เกลี่ยผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น บีบีครีม เบส หรือจะเป็รครีมบรัช
ทำได้เยี่ยมมาก มันจะให้ลุ๊คที่หนากว่า Buffing brush ของเจ๊แซมนิดนึงนะครับ เพราะความที่ขนแปรงของเจ้า expert face brush เนี่ย มันมีความแน่นกว่า และขนาดขนแปรงโดยรวมเล็กกกว่ากัน
เวลาลงผลิตภัณฑ์จะใช้เวลานานกว่าหน่อย แต่จะละเอียดกว่าครับ เพียงแต่ว่าความเห็นส่วนตัวของผม ผมชอบ buffing brush มาก เลยใช้เจ้าบัฟฟิ่งบรัชบ่อยกว่า
หากถามว่าเสียดายเงินไม๊ คุ้มที่ลงทุนรึเปล่า? กล้าตอบว่าไม่เสียด้ายตัง และคุ้มที่ลงทุน เพราะราคาไม่แพง เทียบกับคุณภาพแล้ว คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
ข้อเสียที่ผมขอติคือ ดีไซน์ของแปรง (ซึ่งเป็นรสนิยมส่วนตัวที่ผมไม่ชอบสีแปรงสดใสซักเท่าไหร่) นอกจากนั้น บางคนอาจจะชอบที่แปรงตั้งได้ แต่เอาจริงๆ ผมแทบไม่ได้ตั้ง นอกจากมันจะกินที่เวลาใส่ในถ้วยเก็บแปรงแล้ว เวลาจะใส่แปรงลงเจ้า Sigma Dry'n Shape เนี่ยสุดแสนจะลำบาก แต่ก็หยวนๆครับ เพราะแปรงเค้าดีจริงๆ
ด้ามต่อไปของ Real Techniques ที่ได้สอยมาเพ่ิมนั่นคือ Blush brush
ซื้อมาพร้อมกันกับอันข้างบน คือว่า ขนแปรงเค้านุ่มมากกกกครับเจ้าBlush brushด้ามนี้
นุ่มขนาดไหน? นุ่มกว่า Nars Yachiyo (1,700+-บาท) แต่เจ้านี้ สี่ร้อยกว่าบาท โอ้แม่เจ้า
แต่ต้องเจ้าใจว่ามันมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน บางคนอาจจะคิดว่าผมเวอร์รึเปล่า
ทำไมถึงรู้ว่านุ่มกว่ายาชิโยหน่ะหรอ พอดีวันนั้นผมแต่งหน้าให้พี่สาวไปงานแต่งงาน
เค้าไม่รู้จักแปรง ใดๆทั้งสิ้น วันนั้นใช้ทั้งสองแปรง ทั้งยาชิโย และทั้งบัฟฟิ่งบรัช แลแปรงปัดแก้ม
พี่สาวบอกเลยว่าทำไมแปรงสีดำแข็งวะ? แป่ววว มันบอกว่าแปรงด้ามสีๆอ่ะนุ่มกว่า
แปรงนี้สามารถเอามาทั้งลงแป้งก็ได้ หรือจะลงบรอนเซอร์ หรือจะปัดแก้มตามจุดประสงค์หลักของมันก็ได้
ถ้าปัดแก้ม จะเหมาะกับบรัชที่มีพิ้กเม้นท์ที่จัดจ้าน เพราะขนแปรงฟู ทำให้ลงสีได้ฟุ้ง
ข้อดี
๑.ราคาไม่แพง
๒.เป็นขนสังเคราะห์ที่นุ่มและไม่บาดหน้า
๓.สามารถประยุคใช้ได้
ข้อเสีย
๑.ฐานแปรงกว้าง (ที่ทางแบรนด์บอกว่าเป็นข้อที่ที่สามารถตั้งได้ หลายๆคนชอบ แต่ผมไม่ค่อยชอบอ่ะ)
๒. ถ้าใช้กับบรัชออนที่เนื้อแข็ง จะต้องปวนแปรงหลายรอบหน่อยไม่งั้นสีจะไม่ค่อยออก ถ้าชอบทาแก้มสีเข้มๆ จะต้องปัดหลายๆรอบ
[CR] [CR] UPDATE แปรงแต่งหน้าในกรุ และอุปกรณ์นิดหน่อย
ตอนนู้นเคยตั้งกระทู้กรุแปรงแต่งหน้าของคุณอั้ม ภัช-ชราภาพ (คุณแม่ผมเอง) ไป
เวลาผ่านไปสองปีกว่า (นับตั้งแต่น้ำท่วมครั้งใหญ่) ก็ได้มีการซื้อแปรงแต่งหน้าเพิ่มเข้ามา
รวมทั้งเครื่องสำอางที่ใช้แต่งให้คุณอั้มด้วย ซึ่งในส่วนของเครื่องสำอาง จะค่อยทำรีวิวนะครับ
วันนี้ขอโฟกัสที่แปรงแต่งหน้าก่อน เพื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่กำลังมองหาแปรงแต่งหน้าไว้ใช้
แปรงแต่งหน้า เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การลงทุนจริงๆ ผมเองก็หลงไหลในการสะสมแปรงนะ
เพราะมันเหมือนได้ซื้อพู่กันระบายสีอันใหม่มาระบายสี
โอเค ก่อนจะเริ่มรีวิวแปรง ขอบอกก่อนเลยนะครับว่า
"ทุกอย่างที่รีวิว ไม่ได้รับการว่าจ้าง หรือรับมาจากบริษัท ทุกชิ้นซื้อเองทั้งสิ้นครับ"
ก่อนรีวิวแปรง รอรีวิวสิ่งสิ่งนึงที่ออกแบบมาสำหรับคนที่รักแปรงแต่งหน้า ใช้แปรงแต่งหน้าบ่อย
นั่นคือ Sigma Dry'n Shape
มันคืออะไร? ง่ายเลย มันก็คือตัวที่ช่วยทำให้แปรงแต่งหน้าของเราแห้งไวขึ้นเวลาเราล้าง
และพิเศษกว่านั้นคือ มันจะช่วยรักษาทรงของแปรงด้วยครับ
อันนี้ ผมสั่งจากในเว็ปที่เป็นตัวแทนซิกม่า (ซื้อมานานแล้ว ผมเองก็จำเว็ปไม่ได้) แต่มีหลายร้านเลยครับที่มีเครื่องหมายตัวแทนซิกม่า ราคาพันกว่าบาท
หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ เป็นคล้ายๆกระเป๋าหนัง ดูทนทาน ไม่ก๊องแก๊งไก่กาอาราเล่
(แน่ละ ถ้าราคาแบบนี้แล้วก๊องแก๊งนะ ผมมีสาปส่ง)
ด้านใน พอเปิดออกมา จะเป็นช่องๆเหมือนกระเป๋าใส่แปรงครับ
มีช่องทั้งหมด 12 ช่อง โดยแบ่งตามขนาด
ช่องใหญ่สุด 2
ช่องใหญ่รองลงมา 3
ช่องกลาง 3
ช่องเล็ก 2
ช่องเล็กสุด 2
how to use? ง่ายๆเลย หลังจากที่ล้างแปรงของคุณเสร็จแล้ว ก็เอาแปรงใส่ช่อง จากบนลงล่าง โดยด้านบนที่เป็นยางยืดจะทำหน้าที่บีบรัดและดูดซึมน้ำและความชื้นในแปรงออก และบีบกระชับรูปทรงแปรง
ทำให้เวลาแปรงแห้ง จะไม่บานออกครับ ถนอมแปรงได้ดีเลยทีเดียวนะ
ทางแบรนด์เค้าบอกว่ามันจะทำให้แปรงแห้งภายใน 6 ชั่วโมง แต่เอาจริงๆ ผมไม่ได้มานั่งจับเวลาอะไรขนาดนั้น
แค่ทิ้งเอาไว้ 1 วันมันก็แห้งแล้วครับ สะดวกดีนะ จากที่ปกติผมจะเอาแปรงวางกับโต๊ะแล้วเอาพัดลมเป่าจ่อเบาๆไว้
จากประสบการณ์ที่ใช้มา
ข้อดี
๑.สะดวก แค่เอาแปรงมาใส่ตามช่องแล้ววางไว้
๒.ช่วยให้แปรงแห้งไว
๓.ช่วยรักษาทรงของแปรง โดยเฉพาะแปรงใหญ่ๆ และแปรงแพงๆ (ข้อนี้สำคัญมากเลย)
แน่นอนมันมีข้อเสียนะ
๑. ช่องเล็กที่เอาไว้ใส่แปรงเล็กๆมันให้มาเยอะเกินไป มันไร้ประโยชน์สำหรับผมที่ไม่ค่อยมีแปรงเล็กๆ
อีกอย่าง แปรงเล็กๆ ไม่ค่อยจำเป็นที่จะเอามาทำให้แห้งเร็วเท่าไหร่ เพราะขนาดที่เล็ก มันแห้งไวอยู่แล้ว
๒.หากท่านมีแปรงที่หลากหลายยี่ห้อในกรุของคุณและแปรงของคุณมีรูปทรงประหลาด (เช่น real techniques) มันจะลำบากในการเอาด้านฐานแปรงเข้าช่องมาครับ!
๓. ราคาที่ค่อนข้างสูง
สินค้านี้เหมาะกับใคร?
-คนที่ชอบล้างแปรงบ่อย
-คนที่ชอบรักษาและถนุถนอมแปรงแต่งหน้า
-และจะยิ่งเหมาะกับคนที่มีแปรงเป็นเซ็ทด้ามยาวๆ เช่นซิกม่า แม๊ค เพราะจะไม่มีปัญหาในการใส่แปรงเข้าช่องเท่าไหร่นัก
อ่ะเข้าเรื่องแปรงซักที
ขอเริ่มจากแปรงเล็กๆก่อนนะครับ
ด้ามแรกเป็นของ Muji
เป็นแปรง อายแชโด้ว ขนนุ่มลื่ม ไม่ทิ่มไม่บาดหน้า ผมมันเอาไว้ใช้ไล้ดั้ง
ตัวด้ามทำจากไม้ มีน้ำหนักเบามากๆ พกพาสะดวก ผมจำราคาไม่ได้นะครับ น่าจะไม่เกิน 500
เป็นอีกหนึ่งแปรงที่แนะนำเพราะว่าหาซื้อง่าย และคุณภาพเยี่ยม ผมแนะนำครับ
ด้ามต่อไป เป็นเซ็ทแปรงอันโด่งดังจาก Real Techniques by Samantha Chapman
เนื่องจากใช้แล้วชอบเลยมีการซื้อมาเพิ่มเติมจากเดิม เมื่อก่อนเคยรีวิว Core Collection
ไปแล้ว
วันนี้จะมาพูดถึง ตัวอื่นของเค้าบ้าง เริ่มด้วยExpert Face Brush
แปรงด้ามนี้เป็นแปรงเดี่ยวๆที่สามารถซื้อแยกได้นะครับ
จำราคาไม่ได้เช่นเคย ด้ามนี้ฝากพี่สาวซื้อจากอเมริกา เลยไม่แพงมาก
อ่านรีวิวจากบล็อคเกอร์ฝรั่ง มีคำชมต่างๆนาจนทำให้ผมมีกิเลสอยากสอยมาลอง
ซึ่งลองแล้วถามใช้ดีไม๊? ตอบเลยว่าใช้ดีครับ
ไม่บาดหน้าตามสไตล์ของเค้า เกลี่ยผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น บีบีครีม เบส หรือจะเป็รครีมบรัช
ทำได้เยี่ยมมาก มันจะให้ลุ๊คที่หนากว่า Buffing brush ของเจ๊แซมนิดนึงนะครับ เพราะความที่ขนแปรงของเจ้า expert face brush เนี่ย มันมีความแน่นกว่า และขนาดขนแปรงโดยรวมเล็กกกว่ากัน
เวลาลงผลิตภัณฑ์จะใช้เวลานานกว่าหน่อย แต่จะละเอียดกว่าครับ เพียงแต่ว่าความเห็นส่วนตัวของผม ผมชอบ buffing brush มาก เลยใช้เจ้าบัฟฟิ่งบรัชบ่อยกว่า
หากถามว่าเสียดายเงินไม๊ คุ้มที่ลงทุนรึเปล่า? กล้าตอบว่าไม่เสียด้ายตัง และคุ้มที่ลงทุน เพราะราคาไม่แพง เทียบกับคุณภาพแล้ว คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
ข้อเสียที่ผมขอติคือ ดีไซน์ของแปรง (ซึ่งเป็นรสนิยมส่วนตัวที่ผมไม่ชอบสีแปรงสดใสซักเท่าไหร่) นอกจากนั้น บางคนอาจจะชอบที่แปรงตั้งได้ แต่เอาจริงๆ ผมแทบไม่ได้ตั้ง นอกจากมันจะกินที่เวลาใส่ในถ้วยเก็บแปรงแล้ว เวลาจะใส่แปรงลงเจ้า Sigma Dry'n Shape เนี่ยสุดแสนจะลำบาก แต่ก็หยวนๆครับ เพราะแปรงเค้าดีจริงๆ
ด้ามต่อไปของ Real Techniques ที่ได้สอยมาเพ่ิมนั่นคือ Blush brush
ซื้อมาพร้อมกันกับอันข้างบน คือว่า ขนแปรงเค้านุ่มมากกกกครับเจ้าBlush brushด้ามนี้
นุ่มขนาดไหน? นุ่มกว่า Nars Yachiyo (1,700+-บาท) แต่เจ้านี้ สี่ร้อยกว่าบาท โอ้แม่เจ้า
แต่ต้องเจ้าใจว่ามันมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน บางคนอาจจะคิดว่าผมเวอร์รึเปล่า
ทำไมถึงรู้ว่านุ่มกว่ายาชิโยหน่ะหรอ พอดีวันนั้นผมแต่งหน้าให้พี่สาวไปงานแต่งงาน
เค้าไม่รู้จักแปรง ใดๆทั้งสิ้น วันนั้นใช้ทั้งสองแปรง ทั้งยาชิโย และทั้งบัฟฟิ่งบรัช แลแปรงปัดแก้ม
พี่สาวบอกเลยว่าทำไมแปรงสีดำแข็งวะ? แป่ววว มันบอกว่าแปรงด้ามสีๆอ่ะนุ่มกว่า
แปรงนี้สามารถเอามาทั้งลงแป้งก็ได้ หรือจะลงบรอนเซอร์ หรือจะปัดแก้มตามจุดประสงค์หลักของมันก็ได้
ถ้าปัดแก้ม จะเหมาะกับบรัชที่มีพิ้กเม้นท์ที่จัดจ้าน เพราะขนแปรงฟู ทำให้ลงสีได้ฟุ้ง
ข้อดี
๑.ราคาไม่แพง
๒.เป็นขนสังเคราะห์ที่นุ่มและไม่บาดหน้า
๓.สามารถประยุคใช้ได้
ข้อเสีย
๑.ฐานแปรงกว้าง (ที่ทางแบรนด์บอกว่าเป็นข้อที่ที่สามารถตั้งได้ หลายๆคนชอบ แต่ผมไม่ค่อยชอบอ่ะ)
๒. ถ้าใช้กับบรัชออนที่เนื้อแข็ง จะต้องปวนแปรงหลายรอบหน่อยไม่งั้นสีจะไม่ค่อยออก ถ้าชอบทาแก้มสีเข้มๆ จะต้องปัดหลายๆรอบ