ความจริงมันไม่ได้แรงเหมือนการจั่วหัวกระทู้ไว้นะครับ
แต่เมื่อเข้าไปอ่านเฟสบุคของอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล(
https://www.facebook.com/somsakjeam?ref=ts&fref=ts)
แล้วมันสุดๆจริงๆเมื่ออาจารย์ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวต่อพื้นที่สาธารณะ
ทั้งนี้อาจารย์สมศักดิ์ยังได้เปิดให้แขกทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม
พื้นที่ของอาจารย์ได้แสดงความคิดเห็น บางความเห็นก็เป็นกลาง
บางความเห็นก็เห็นด้วยกับอาจารย์ บางความเห็นเห็นต่างขั้วกับอาจารย์
บางความเห็นรับไม่ได้กับความคิดอาจารย์ มีทั้งใช้คำพูดสุภาพ จนใช้คำพูดอภิมหาหยาบล้างบางเจ็ดชั่วคน
จนบางทีแอบคิด หรือคิดแบบโจ่งแจ้งว่าอาจารย์ทนนั่งรับคำประทานพรจากจากคำพูดเศษเดนอย่างนั้นได้อย่างไร(นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ติดตามความคิดอาจารย์)
ความจริงความคิดเห็นของอาจารย์มันโดดเด้งในสังคมไทยมานานพอๆกับผมเริ่มตาสว่าง
และอาจารย์ได้ถูกเชิญไปลองของ หรือดักตีหัวโดยถูกเชิญไปออกสื่อต่างๆไม่มากก็น้อย
แต่ก็ทุบอาจารย์ไม่ลงเสียทีกับความจริงที่มันเป็นสิ่งไม่ตาย
สิ่งที่อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้ไปแตะนั่นก็คือ องค์กรแห่งศรัทรา ที่เป็นเจ้าของสโลแกนว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่"
สุดจะทึ่งไปอีกที่หลายท่านที่ตั้งตนเป็นหน่วยล่าล้างเผ่าพันธุ์อาจารย์
ตามไปเทศนากัณฑ์แล้วกัณฑ์เล่า หรือมีเวลาก็แวะมาให้โอวาทอยู่ทุกความคิดเห็น
ประดุจเพจของอาจารย์สมศักด์เป็นส้วมหลุมสาธารณะ
นี่ถ้าหากผมคิดคำด่าแบบหยาบสุดๆใดๆไม่ออกต้องเข้าไปยืมคำด่าจากเพจอาจารย์มาใช้
โดยความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าอาจารย์สมศักดิ์มีธงในใจแล้ว
แต่การแสดงความคิดเห็นของอาจารย์เป็นกลางต่อทุกฝ่ายอย่างไม่ประนีประนอม
คนเข้าไปอ่านความคิดเห็นของอาจารย์ ก็มีธงในใจอยู่แล้วกลายเป็นว่าถูกใจชอบใจก็ใส่กันไม่เลี้ยง
ที่เขียนถึงอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ก็ไม่ได้มีความหมายอื่นใดนอกเสียจากความประทับใจส่วนตัวที่มีต่ออาจารย์จากใจจริง
และอดเป็นห่วงไม่ได้ต่อสถานการณ์ที่ ทบ. ออกมาประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า ฟัง พูด อ่าน เขียน ในทรรศนะของทหารแบบใช้สมองแล้วเป็นยังไง
อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ครับสิ่งที่อาจารย์มอบให้กับสังคมไทย และอนาคตของสังคมไทย
ที่ผมเห็น คือ การเคารพความจริงที่คิด พูด เขียน อย่างกล้าหาญ
และผมเชื่อมั่นว่าเหล่านี้จะเป็นการจุดประกายให้คนรุ่นต่อๆไปที่ได้เห็นคุณค่า คำของอาจารย์
กล้าเดินออกมาจากเส้นที่เขาขีดไว้ไม่ให้เราข้ามไปสักที ทั้งๆที่เรามองเห็นอยู่ต่อหน้าว่ามันคืออะไร
บนเมืองที่มีการเมืองการปกครองอันแปลกประหลาดนี้ ถึงกับมีนิยามว่า "เรื่องบางอย่างอยู่เหนือเหตุผล" ในการบริหารบ้านเมือง
ผมเชื่อเหลือเกินว่าการที่อาจารย์แสดงความคิดเห็นบนเพจของอาจารย์นั้น เต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่มองโลกด้วยความเป็นกลาง
อาจารย์มองคนเป็นคนเหมือนกัน หนึ่งวิญญาณเท่ากัน หนึ่งเสียงเท่ากัน เป็นมนุษย์ทาน อุจจาระ ร่วมเพศ นอน เหมือนกัน
อาจารย์ไม่ได้มีเจตนาที่จะล่วงละเมิดใดๆ ประสงค์ร้ายใดๆ จาบจ้วงดูหมิ่นใดๆ ต่อบุคคลใดๆก็ตามที่อาจารย์กล่าวถึงแน่นอน
ในสังคมของการวิพากษ์วิจารณ์ เราต่างรู้ว่าในกรอบของประชาธิปไตยที่แท้จริงทำได้อย่างไร
"ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ" แต่ไหงทองแท้กลับกลัวไฟ ประหลาด!
และผมก็ทึ่งมากๆที่อาจารย์ทำให้ผมได้เห็นภาพชัดเจนของ คำว่า กระจกเงา
มิตรแท้เท่านั้นแหละครับที่กล้าที่จะให้เกียรติผู้อื่นโดย ยอมอุทิศตนเองเพื่อเป็นกระจกเงาสะท้อนให้เขาเห็นตัวเอง.
เมื่ออาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ถูกพวกคลั่งองค์กรแห่งศรัทราตามล่าล้างเผ่าพันธุ์
แต่เมื่อเข้าไปอ่านเฟสบุคของอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล(https://www.facebook.com/somsakjeam?ref=ts&fref=ts)
แล้วมันสุดๆจริงๆเมื่ออาจารย์ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวต่อพื้นที่สาธารณะ
ทั้งนี้อาจารย์สมศักดิ์ยังได้เปิดให้แขกทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม
พื้นที่ของอาจารย์ได้แสดงความคิดเห็น บางความเห็นก็เป็นกลาง
บางความเห็นก็เห็นด้วยกับอาจารย์ บางความเห็นเห็นต่างขั้วกับอาจารย์
บางความเห็นรับไม่ได้กับความคิดอาจารย์ มีทั้งใช้คำพูดสุภาพ จนใช้คำพูดอภิมหาหยาบล้างบางเจ็ดชั่วคน
จนบางทีแอบคิด หรือคิดแบบโจ่งแจ้งว่าอาจารย์ทนนั่งรับคำประทานพรจากจากคำพูดเศษเดนอย่างนั้นได้อย่างไร(นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ติดตามความคิดอาจารย์)
ความจริงความคิดเห็นของอาจารย์มันโดดเด้งในสังคมไทยมานานพอๆกับผมเริ่มตาสว่าง
และอาจารย์ได้ถูกเชิญไปลองของ หรือดักตีหัวโดยถูกเชิญไปออกสื่อต่างๆไม่มากก็น้อย
แต่ก็ทุบอาจารย์ไม่ลงเสียทีกับความจริงที่มันเป็นสิ่งไม่ตาย
สิ่งที่อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้ไปแตะนั่นก็คือ องค์กรแห่งศรัทรา ที่เป็นเจ้าของสโลแกนว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่"
สุดจะทึ่งไปอีกที่หลายท่านที่ตั้งตนเป็นหน่วยล่าล้างเผ่าพันธุ์อาจารย์
ตามไปเทศนากัณฑ์แล้วกัณฑ์เล่า หรือมีเวลาก็แวะมาให้โอวาทอยู่ทุกความคิดเห็น
ประดุจเพจของอาจารย์สมศักด์เป็นส้วมหลุมสาธารณะ
นี่ถ้าหากผมคิดคำด่าแบบหยาบสุดๆใดๆไม่ออกต้องเข้าไปยืมคำด่าจากเพจอาจารย์มาใช้
โดยความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าอาจารย์สมศักดิ์มีธงในใจแล้ว
แต่การแสดงความคิดเห็นของอาจารย์เป็นกลางต่อทุกฝ่ายอย่างไม่ประนีประนอม
คนเข้าไปอ่านความคิดเห็นของอาจารย์ ก็มีธงในใจอยู่แล้วกลายเป็นว่าถูกใจชอบใจก็ใส่กันไม่เลี้ยง
ที่เขียนถึงอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ก็ไม่ได้มีความหมายอื่นใดนอกเสียจากความประทับใจส่วนตัวที่มีต่ออาจารย์จากใจจริง
และอดเป็นห่วงไม่ได้ต่อสถานการณ์ที่ ทบ. ออกมาประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า ฟัง พูด อ่าน เขียน ในทรรศนะของทหารแบบใช้สมองแล้วเป็นยังไง
อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ครับสิ่งที่อาจารย์มอบให้กับสังคมไทย และอนาคตของสังคมไทย
ที่ผมเห็น คือ การเคารพความจริงที่คิด พูด เขียน อย่างกล้าหาญ
และผมเชื่อมั่นว่าเหล่านี้จะเป็นการจุดประกายให้คนรุ่นต่อๆไปที่ได้เห็นคุณค่า คำของอาจารย์
กล้าเดินออกมาจากเส้นที่เขาขีดไว้ไม่ให้เราข้ามไปสักที ทั้งๆที่เรามองเห็นอยู่ต่อหน้าว่ามันคืออะไร
บนเมืองที่มีการเมืองการปกครองอันแปลกประหลาดนี้ ถึงกับมีนิยามว่า "เรื่องบางอย่างอยู่เหนือเหตุผล" ในการบริหารบ้านเมือง
ผมเชื่อเหลือเกินว่าการที่อาจารย์แสดงความคิดเห็นบนเพจของอาจารย์นั้น เต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่มองโลกด้วยความเป็นกลาง
อาจารย์มองคนเป็นคนเหมือนกัน หนึ่งวิญญาณเท่ากัน หนึ่งเสียงเท่ากัน เป็นมนุษย์ทาน อุจจาระ ร่วมเพศ นอน เหมือนกัน
อาจารย์ไม่ได้มีเจตนาที่จะล่วงละเมิดใดๆ ประสงค์ร้ายใดๆ จาบจ้วงดูหมิ่นใดๆ ต่อบุคคลใดๆก็ตามที่อาจารย์กล่าวถึงแน่นอน
ในสังคมของการวิพากษ์วิจารณ์ เราต่างรู้ว่าในกรอบของประชาธิปไตยที่แท้จริงทำได้อย่างไร
"ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ" แต่ไหงทองแท้กลับกลัวไฟ ประหลาด!
และผมก็ทึ่งมากๆที่อาจารย์ทำให้ผมได้เห็นภาพชัดเจนของ คำว่า กระจกเงา
มิตรแท้เท่านั้นแหละครับที่กล้าที่จะให้เกียรติผู้อื่นโดย ยอมอุทิศตนเองเพื่อเป็นกระจกเงาสะท้อนให้เขาเห็นตัวเอง.