“ลูกเทือก” โวยโดนใส่ร้าย ปัดใช้เงินบริจาคกปปส.ซื้อที่ดิน - ลั่นพร้อมจ่ายหนี้แทนพ่อที่กู้มาสู้เพื่อชาติ
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Tan Thaugsuban (แทน เทือกสุบรรณ) ว่า “วิชามารมาอีกแล้ว ล่าสุดขี้ข้าไอ้โอ้ก พยายามจะใส่ร้ายผมว่า ลูกชายกำนันสุเทพ เอาเงินบริจาคไปซื้อที่ดิน!! จะใส่ร้ายผมก็ให้มันเนียนๆหน่อยครับ จริงๆไม่อยากตอบเรื่องไร้สาระ แต่เพื่อความสบายใจของพี่น้องมวลมหาประชาชน(และภรรยาบังคับให้มาตอบ) 1. ผมไม่ได้เป็นแกนนำ เป็นเพียงผู้ชุมนุมธรรมดาหนึ่ง มีหน้าที่ให้กำลังใจลุงกำนัน ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลเงินบริจาคครับ 2. อย่างที่พี่น้องทราบ เงินที่พี่น้องมาร่วมหุ้นกับลุงกำนันนั้น แม้จะมากอยู่ แต่ก็ยังไม่มากพอกับค่าใช้จ่าย 4 เวทีครับ ไม่มีเงินเหลือจะไปซื้อที่ดินหรอกครับ ทุกวันนี้ลุงกำนันยังต้องไปหายืมคนอื่นมาอีก เพื่อเติมในส่วนที่ขาด 3. ต่อให้เงินเหลือจริง และ ผมเป็นคนเก็บเงินจริง ใครจะบ้าให้ผมเอาไปซื้อที่ดิน ก็ต้องเก็บไว้เป็นเงินสดสิครับ จะได้สะดวกเวลาจะใช้สู้กับพวกชั่วนี่ ที่ดินกว่าจะขายได้ชุมนุมคงจบไปแล้วล่ะครับ
“4. ส่วนเรื่องที่ดินนี่ ผมใช้เงินสะสมของผมและภรรยา ไปร่วมหุ้นกับเพื่อนๆอีกหลายคนไปซื้อ และได้ทำสัญญาซื้อขายไว้ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว ก่อนที่พ่อผมจะมาเป็นลุงกำนันของพี่น้องประชาชน หลายเดือนครับ แต่ถ้าผมรู้ก่อนว่าคุณพ่อผมจะออกมาสู้ร่วมกับพี่น้องประชาชนแบบนี้ ผมก็คงไม่ซื้อ คงจะเก็บเงินสดไว้เพื่อให้พ่อใช้ในการต่อสู้เพื่อชาติครั้งนี้ครับ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมเสียดายอยู่ แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดล่วงหน้าครับ แต่ว่าข้อดีของการที่เอาเรื่องที่ดินผมมาเปิดเผย ก็ดีอย่างหนึ่งนะครับ ก็ถือโอกาสบอก เจ้าหนี้ที่ลุงกำนันกำลังไปยืมเงินมาใช้นะครับ ให้เงินลุงกำนันยืมได้เต็มที่ครับ ไม่ต้องกลัวแกไม่มีจ่าย ผมยังพอมีที่ดินอยู่ครับ พร้อมรับผิดชอบขาย มาใช้หนี้ให้พ่อผมทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้ครับ สู้เข้าไปอย่าได้ถอย!!” นายแทน ระบุ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันแถลงข่าวรายวัน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. กล่าวในรายการทอล์กโชว์ “ถลกหนังเทือก”ตอนหนึ่งว่ามีเรื่องน่าสนใจเหตุเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีที่ดินแปลงหนี่งตั้งที่ ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม อยู่ใกล้กับบ้านพักนายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ มีเนื้อที่จำนวน 52 ไร่ อยู่ติดถนนใหญ่ที่ดินแปลงนี้มีการเจรจาซื้อขาย โดยผู้ซื้อตกลงกับผู้ขายวางมัดจำเงินก้อนแรกเมื่อวันที่6 มิ.ย. 2556 จำนวน 21 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเช็คเงินสดหรือแคชเชียร์เช็ค และจะโอนจริงวันที่ 6 ธ.ค.56 ทั้งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจเพราะคนที่ไปวางสัญญาวางมัดจำซื้อขายที่ดินชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชายนายสุเทพ
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ นำภาพถ่ายที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมสำเนาแคชเชียร์เช็คมาแสดงพร้อม กล่าวว่า ตนเป็นคนนครศรีธรรมราช ถ้าไม่มีหลักฐานมาแสดงให้ดูก็เสียฟอร์ม พอถึงวันที่ 6 ธ.ค.56 เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคจากฝ่ายผู้ขายไม่สามารถมาดำเนินการได้จึงเลื่อนนัดหมายโอนที่ดินมาเป็นวันที่ 29 ม.ค. 2557 ในวันโอนนายแทนและพวกซึ่งแสดงตัวเป็นผู้ซื้อร่วมอีก 4 คน เดินทางเข้าจ.นครศรีธรรมราช คนเขาเห็นกันทั่วเพราะนี่คือลูกชายของผู้ยิ่งใหญ่โดยนายแทนและพวกหอบเอาแคชเชียร์เช็คอีกหลายใบไปจ่ายค่าที่ดินแปลงนี้รวมมูลค่าที่ดินที่จ่ายเพิ่มอีก 212 ล้านบาท เท่ากับเป็นการซื้อขายและจ่ายเงินกันสด ๆ รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการโอนที่ดินวันเดียวกันนี้ต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีการแบ่งกันถือครองที่ดินกันคนละเล็กละน้อยขณะที่นายแทนถือครองที่ดิน 80 % ของทั้งหมด ซึ่งนายแทนต้องมีเงินสดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทตนรู้อีกว่าในการทำสัญญาการโอนนั้นนายแทนดำเนินการด้วยตัวเอง ซึ่งวันที่ 29 ม.ค.57 เป็นวันที่นายสุเทพประกาศชัตดาวน์ประเทศไทย แต่ในขณะที่คนใต้บ้านตนเที่ยววิ่งเป่านกหวีดปิดสถานที่ราชการ นายแทนกลับมุดเข้าสำนักงานที่ดินจ.นครศรีธรรมราชโอนที่แปลงนี้ได้ หมายความว่าอย่างไรลุงกำนันจะชัตดาวน์แต่คนอื่นเท่านั้นใช่หรือไม่ลูกชายตัวเองหอบเงินสดไปซื้อที่ดิน 200 กว่าล้านได้ใช่หรือไม่ แต่ประชาชนคนอื่นจะทำธุรกรรมทำไม่ได้เพราะเขาชัตดาวน์ขอให้ กปปส.ไปถามนายสุเทพว่า ที่ตนพูดนั้นจริงหรือไม่ ที่ว่าการปฏิรูประเทศไทย เป็นการปฏิรูปให้คนอยู่ใต้อำนาจนายสุเทพหรือไม่ กปปส.เชื่อนายสุเทพได้สักเรื่องหรือไม่ เพราะกิจการในเครือนายสุเทพไม่เคยหยุดแม้แต่วันเดียว
“ เงินที่ซื้อที่ดินเป็นเงินสดเอาไปซื้อแคชเชียร์เช็คมา คนมีเงินสด 200 ล้านต้องมีเงินในบัญชีมากขนาดไหน ผมมีสิทธิ์สงสัยว่าเงินที่มวลมหาประชาชนบริจาค เผลอ ๆ จะมาลงในที่แปลงนี้หรือไม่ ผมก็ไม่ทราบเรื่องนี้จริงหรือไม่ ให้นายสุเทพชี้แจงมา แล้วผมยังสงสัยต่อไปว่าคน 4 คนที่ไปเข้าชื่อซื้อที่ร่วมกับนายแทนอาจจะเป็นนอมินีของลุงกำนันก็ได้ และที่ดินแปลงนี้อาจจะเป็นของลุงกำนัน 100% นายสุเทพพูดอะไรท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่คิดหรือว่า นายสุเทพ จะไม่รู้ว่าลูกไปซื้อที่ดินในวันชัตดาวน์ลูกชายจะกล้าไปซื้อหรือถ้านายสุเทพไม่สั่ง พูดก็พูดได้ว่านายสุเทพไปซื้อที่ดินในวันชัตดาวน์ ” แกนนำนปช. ระบุ
...ให้ความเป็นธรรมแก่เค้าบ้างนะครับ เขาไม่ใช่ลุงเทือกโกงและทุกอย่างควรพิสูจน์ความจริงอย่างละเอียดซะก่อน
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU1UYzJNVFV3Tmc9PQ==&subcatid=
“ลูกเทือก” โวยโดนใส่ร้าย ปัดใช้เงินบริจาคกปปส.ซื้อที่ดิน - ลั่นพร้อมจ่ายหนี้แทนพ่อที่กู้มาสู้เพื่อชาติ
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Tan Thaugsuban (แทน เทือกสุบรรณ) ว่า “วิชามารมาอีกแล้ว ล่าสุดขี้ข้าไอ้โอ้ก พยายามจะใส่ร้ายผมว่า ลูกชายกำนันสุเทพ เอาเงินบริจาคไปซื้อที่ดิน!! จะใส่ร้ายผมก็ให้มันเนียนๆหน่อยครับ จริงๆไม่อยากตอบเรื่องไร้สาระ แต่เพื่อความสบายใจของพี่น้องมวลมหาประชาชน(และภรรยาบังคับให้มาตอบ) 1. ผมไม่ได้เป็นแกนนำ เป็นเพียงผู้ชุมนุมธรรมดาหนึ่ง มีหน้าที่ให้กำลังใจลุงกำนัน ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลเงินบริจาคครับ 2. อย่างที่พี่น้องทราบ เงินที่พี่น้องมาร่วมหุ้นกับลุงกำนันนั้น แม้จะมากอยู่ แต่ก็ยังไม่มากพอกับค่าใช้จ่าย 4 เวทีครับ ไม่มีเงินเหลือจะไปซื้อที่ดินหรอกครับ ทุกวันนี้ลุงกำนันยังต้องไปหายืมคนอื่นมาอีก เพื่อเติมในส่วนที่ขาด 3. ต่อให้เงินเหลือจริง และ ผมเป็นคนเก็บเงินจริง ใครจะบ้าให้ผมเอาไปซื้อที่ดิน ก็ต้องเก็บไว้เป็นเงินสดสิครับ จะได้สะดวกเวลาจะใช้สู้กับพวกชั่วนี่ ที่ดินกว่าจะขายได้ชุมนุมคงจบไปแล้วล่ะครับ
“4. ส่วนเรื่องที่ดินนี่ ผมใช้เงินสะสมของผมและภรรยา ไปร่วมหุ้นกับเพื่อนๆอีกหลายคนไปซื้อ และได้ทำสัญญาซื้อขายไว้ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว ก่อนที่พ่อผมจะมาเป็นลุงกำนันของพี่น้องประชาชน หลายเดือนครับ แต่ถ้าผมรู้ก่อนว่าคุณพ่อผมจะออกมาสู้ร่วมกับพี่น้องประชาชนแบบนี้ ผมก็คงไม่ซื้อ คงจะเก็บเงินสดไว้เพื่อให้พ่อใช้ในการต่อสู้เพื่อชาติครั้งนี้ครับ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมเสียดายอยู่ แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดล่วงหน้าครับ แต่ว่าข้อดีของการที่เอาเรื่องที่ดินผมมาเปิดเผย ก็ดีอย่างหนึ่งนะครับ ก็ถือโอกาสบอก เจ้าหนี้ที่ลุงกำนันกำลังไปยืมเงินมาใช้นะครับ ให้เงินลุงกำนันยืมได้เต็มที่ครับ ไม่ต้องกลัวแกไม่มีจ่าย ผมยังพอมีที่ดินอยู่ครับ พร้อมรับผิดชอบขาย มาใช้หนี้ให้พ่อผมทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้ครับ สู้เข้าไปอย่าได้ถอย!!” นายแทน ระบุ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันแถลงข่าวรายวัน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. กล่าวในรายการทอล์กโชว์ “ถลกหนังเทือก”ตอนหนึ่งว่ามีเรื่องน่าสนใจเหตุเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีที่ดินแปลงหนี่งตั้งที่ ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม อยู่ใกล้กับบ้านพักนายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ มีเนื้อที่จำนวน 52 ไร่ อยู่ติดถนนใหญ่ที่ดินแปลงนี้มีการเจรจาซื้อขาย โดยผู้ซื้อตกลงกับผู้ขายวางมัดจำเงินก้อนแรกเมื่อวันที่6 มิ.ย. 2556 จำนวน 21 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเช็คเงินสดหรือแคชเชียร์เช็ค และจะโอนจริงวันที่ 6 ธ.ค.56 ทั้งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจเพราะคนที่ไปวางสัญญาวางมัดจำซื้อขายที่ดินชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชายนายสุเทพ
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ นำภาพถ่ายที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมสำเนาแคชเชียร์เช็คมาแสดงพร้อม กล่าวว่า ตนเป็นคนนครศรีธรรมราช ถ้าไม่มีหลักฐานมาแสดงให้ดูก็เสียฟอร์ม พอถึงวันที่ 6 ธ.ค.56 เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคจากฝ่ายผู้ขายไม่สามารถมาดำเนินการได้จึงเลื่อนนัดหมายโอนที่ดินมาเป็นวันที่ 29 ม.ค. 2557 ในวันโอนนายแทนและพวกซึ่งแสดงตัวเป็นผู้ซื้อร่วมอีก 4 คน เดินทางเข้าจ.นครศรีธรรมราช คนเขาเห็นกันทั่วเพราะนี่คือลูกชายของผู้ยิ่งใหญ่โดยนายแทนและพวกหอบเอาแคชเชียร์เช็คอีกหลายใบไปจ่ายค่าที่ดินแปลงนี้รวมมูลค่าที่ดินที่จ่ายเพิ่มอีก 212 ล้านบาท เท่ากับเป็นการซื้อขายและจ่ายเงินกันสด ๆ รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการโอนที่ดินวันเดียวกันนี้ต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีการแบ่งกันถือครองที่ดินกันคนละเล็กละน้อยขณะที่นายแทนถือครองที่ดิน 80 % ของทั้งหมด ซึ่งนายแทนต้องมีเงินสดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทตนรู้อีกว่าในการทำสัญญาการโอนนั้นนายแทนดำเนินการด้วยตัวเอง ซึ่งวันที่ 29 ม.ค.57 เป็นวันที่นายสุเทพประกาศชัตดาวน์ประเทศไทย แต่ในขณะที่คนใต้บ้านตนเที่ยววิ่งเป่านกหวีดปิดสถานที่ราชการ นายแทนกลับมุดเข้าสำนักงานที่ดินจ.นครศรีธรรมราชโอนที่แปลงนี้ได้ หมายความว่าอย่างไรลุงกำนันจะชัตดาวน์แต่คนอื่นเท่านั้นใช่หรือไม่ลูกชายตัวเองหอบเงินสดไปซื้อที่ดิน 200 กว่าล้านได้ใช่หรือไม่ แต่ประชาชนคนอื่นจะทำธุรกรรมทำไม่ได้เพราะเขาชัตดาวน์ขอให้ กปปส.ไปถามนายสุเทพว่า ที่ตนพูดนั้นจริงหรือไม่ ที่ว่าการปฏิรูประเทศไทย เป็นการปฏิรูปให้คนอยู่ใต้อำนาจนายสุเทพหรือไม่ กปปส.เชื่อนายสุเทพได้สักเรื่องหรือไม่ เพราะกิจการในเครือนายสุเทพไม่เคยหยุดแม้แต่วันเดียว
“ เงินที่ซื้อที่ดินเป็นเงินสดเอาไปซื้อแคชเชียร์เช็คมา คนมีเงินสด 200 ล้านต้องมีเงินในบัญชีมากขนาดไหน ผมมีสิทธิ์สงสัยว่าเงินที่มวลมหาประชาชนบริจาค เผลอ ๆ จะมาลงในที่แปลงนี้หรือไม่ ผมก็ไม่ทราบเรื่องนี้จริงหรือไม่ ให้นายสุเทพชี้แจงมา แล้วผมยังสงสัยต่อไปว่าคน 4 คนที่ไปเข้าชื่อซื้อที่ร่วมกับนายแทนอาจจะเป็นนอมินีของลุงกำนันก็ได้ และที่ดินแปลงนี้อาจจะเป็นของลุงกำนัน 100% นายสุเทพพูดอะไรท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่คิดหรือว่า นายสุเทพ จะไม่รู้ว่าลูกไปซื้อที่ดินในวันชัตดาวน์ลูกชายจะกล้าไปซื้อหรือถ้านายสุเทพไม่สั่ง พูดก็พูดได้ว่านายสุเทพไปซื้อที่ดินในวันชัตดาวน์ ” แกนนำนปช. ระบุ
...ให้ความเป็นธรรมแก่เค้าบ้างนะครับ เขาไม่ใช่ลุงเทือกโกงและทุกอย่างควรพิสูจน์ความจริงอย่างละเอียดซะก่อน
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU1UYzJNVFV3Tmc9PQ==&subcatid=