อยากให้เปรียบเทียบ New City 2014 กับ City ตัวเก่าให้หน่อยครับ

กระทู้คำถาม
คือผมเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้มากเรื่องรถ อาจจะรู้เบื้องต้นไม่รู้เชิงลึก
เอาตัว Top มาเทียบกันนะครับ ผมขอถามเป็นข้อๆแล้วกันนะครับ

1.การขับเคลื่อน และ ช่วงล่างตัวไหนดีกว่ากัน เมื่อเทียบกับตัวเก่า (พวกสเปค แรงบิด แรงม้า บลาๆ + ประสิทธิภาพการใช้จริง)
2.ความเร็ว,ความแรง,อัตตราการเร่ง เมื่อเทียบกับตัวเก่า
3.ถุงลม 6 ตัวของ New City ตัว Top นี่ดีหรือไม่ เพื่อนบอกอันตรายมากกว่าดี ?
4.ระบบ VSA ที่หลายๆคนดีใจที่มีเข้ามามันดียังไง ยกตัวอย่างง่ายๆไห้ผมหน่อยครับ
5.ระบบปรับแอร์อัตโนมัตินี่ ดีไหมครับ หรือ แบบ หมุนๆเลือกระดับ ดีกว่า
6.ถ้าเทียบกับตัวเก่าแล้ว มีอะไรดีด้อยลงบ้างครับ

ขอบคุณมากๆเลยครับ

แถมท้ายนะครับ ตัว Sv+ 749,900 บาท
ถ้าผม ดาวน์ 250000 บาท ผ่อนสัก 5-6 ปี
นี่ เขาคิดอัตตราดอกเบี้ยยังไงครับ ตกเดือนละประมานเท่าไร (อยากผ่อนเดือนละ 6500-7500)
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ข้อ 1

ผมว่าโดยรวมมันไม่ต่างกันมากขนาดรู้สึกได้หรอกครับ ถึงแม้ ถ้าเทียบตัวเลขบางอย่าง มันจะต่างกัน เช่น

ในส่วนของ แรงม้าตัวเก่า คือ 88 (120 PS) / 6,600 รอบ แต่ตัวใหม่ 86 (117 PS) / 6,000 รอบ ถึงแม้อาจจะดูเผิน ๆ ว่า แรงม้าลดลงไป 3 ตัว PS รอบ จาก 6,600 เหลือ 6,000 รอบ ก็อาจจะบอกได้ว่า มันอาจจะจัดจ้านน้อยกว่าตัวเก่าสักนิดนึง นั่นคงเป็นผลมาจาก การที่ต้องปรับจูนให้เครื่องยนต์สามารถใช้น้ำมัน E85 ได้นั่นเองครับ

แต่ มันก็ไม่ใช่จะลดลงซะทุกอย่าง ในส่วนของแรงบิด กลับเพิ่มขึ้น แถมรอบยังต่ำลงด้วย อันนี้ผมถือว่า เป็นสิ่งที่ดีกว่าตัวเก่าครับ

จากเดิม ตัวเก่า 145 (14.8) ที่ 4,800 รอบ กับตัวใหม่ 146 (14.9) ที่รอบ 4,700 รอบ นั่นก็คือ แรงบิดที่ต่างกันคือ เพิ่มขึ้น 1 นิวตัน- เมตร และรอบเครื่องยนต์ลดลงไป 100 รอบ

ในเรื่องของระบบช่วงล่าง ผมเจอข้อที่มันต่างกัน 1 จุดก็คือ ใน CITY ตัวเก่า จะมี เหล็กกันโคลงให้ทั้ง 4 ล้อ แต่ใน ALL NEW ตัวใหม่ กลับไม่มีเหล็กกันโคลงให้สักรุ่นเลยในล้อหลัง

เรื่องเหล็กกันโคลง จะว่าไป ผมก็ไม่อยากให้ไปซีเรียสอะไรกับมันมากครับ ไม่ใช่ว่า ไม่มีแล้ว จะไม่ดีหรืออะไร เพราะอย่าง CITY CNG เอง ช่วงล่างด้านหลัง ก็ไม่มีเหล็กกันโคลงเช่นกันครับ

แต่ทั้งนี้ หน้าที่ของมัน จะช่วยในเรื่องการทรงตัวในการเข้าโค้ง หรือ ขณะเปลี่ยนเลนเท่านั้น ดังนั้น เหล็กกันโคลงจะไม่มีผลต่อการรับน้ำหนัก หรือ การขับรถที่มีหลุมบ่อ ขรุขระใด ๆ ทั้งสิ้น และอีกอย่าง HONDA เขาก็ยัด VSA เข้าไปแล้ว ผมว่า มันจบเลยนะ

ข้อ 2

ถ้าดูจาก แรงม้า รอบเครื่องยนต์ อันนี้ ก็น่าจะต้องรอดูผลทดสอบ อัตราเร่งของสำนักรถยนต์ต่าง ๆ นะครับ แต่โดยส่วนตัวผมว่า มันต่างกันไม่เยอะหรอกครับ คือ ต่างแบบอาจจะไม่รู้สึกครับ ผมว่า ในจุดนี้ มันขึ้นกับหลาย ๆ องค์ประกอบครับ

ถึงแม้ จะมีสำนักจับความเร็วออกมาเช่น  0 - 100 กม/ชม ใช้เวลาไปกี่วินาที แต่ผมอยากจะถามว่า ตัวเลขพวกนี้เนี่ย ในชีวิตประจำวันเรา เราขับรถแบบนั้นเหรอ คือ พอไฟเขียว ต้องกดมิดคันเร่งให้ได้ระยะเวลาน้อยที่สุด เพราะฉะนั้น ผมว่า อย่าไปซีเรียสเลยครับ

อย่างที่ผมบอกว่า มันไม่ได้มีผลแค่อย่างเดียว แต่อยากให้ดูถึงเรื่องอื่น ๆ เช่น แรงดันลมยาง มันก็มีผลทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น และ อืดด้วย ดังนั้น สมมติ ผลทดสอบออกมา อาจจะบอกว่า CITY ตัวเก่า อัตราเร่งดีกว่าตัวใหม่

แต่ในชีวิตจริง เกิดคนขับ CITY ตัวเก่า มีของในรถเยอะแยะ แบบ ย้ายบ้านไปด้วย ลมยางก็อ่อน ถามว่า เขาจะทำอัตราเร่งได้ดีเหรอ เมื่อเทียบกับ คุณใช้ ALL NEW CITY แต่ มีการดูแล ลมยางที่เหมาะสม ของในรถที่ไม่จำเป็นก็เอาออก ผมอยากให้ดูตรงจุดนี้มากกว่าครับ

ข้อ 3

เรื่องถุงลม ผมไปเจอคลิปนึง น่ารักมากครับ มันอธิบายได้ชัดเจนเลยครับ ลองดูละกัน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เราจะเห็นอุบัติเหตุการชนด้านข้างบ่อย ๆ และคนขับมักจะเสียชีวิต ทั้ง ๆ ที่ โครงสร้างรถแทบไม่เป็นอะไรเลย สาเหตุก็เพราะ ศีรษะไปกระแทกอย่างรุนแรงกับข้างในรถนี่เหละครับ อาจจะทำให้คอหักเสียชีวิตคาที่ครับ

ถุงลมนิรภัย ปัจจุบัน ได้รับการพัฒนาไปดีขึ้นครับ ฉลาดขึ้น อย่างของ HONDA เองปัจจุบัน ก็ใช้ถุงลมแบบ i-SRS เช่น ใน ถุงลมด้านข้างของ ALL NEW CITY หรือ ถุงลมคู่หน้าของ HONDA ACCORD ตัวปัจจุบัน ก็จะใช้ถุงลมนิรภัยแบบ i-SRS ครับ

แต่ทั้งนี้ โปรดจำไว้เสมอว่า มันเป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยนะครับ ไม่ใช่ มันจะทำงานได้อย่างปราศจากถุงลมนิรภัย และในทางกลับกัน หากคุณไม่คาดเข็มขัดนิรภัยในรถที่มีถุงลมนิรภัย ผมอยากจะบอกว่า หากมีอะไรเกิดขึ้น การที่คุณไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และถุงลมออกมา อาจจะทำให้คุณบาดเจ็บมากกว่า การที่คุณไม่คาดเข็มขัดนิรภัยในรถที่ไม่มีถุงลมซะอีกครับ

ข้อ 4

ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ซึ่งเจ้าตัวนี้ มีหลายชื่อมากครับ ในยี่ห้ออื่น ก็จะเรียกต่างกันครับ  

ข้อดีของมันก็คือ ช่วยควบคุมการทรงตัว รักษาสมดุลของรถ ในขณะเกิด หน้าดื้อโค้ง หรือ ท้ายปัด ที่เรียกว่า understeer กับ oversteer นั่นเหละครับ

ในสภาะ การหักหลบอะไรกระทันหัน และหักกลับอีกจังหวะ ยิ่งรถสูง ๆ อย่าง SUV จะยิ่งเสียการทรงง่าย และ หมุน ตกข้างทาง หรือ อาจจะพลิกคว่ำในที่สุด เจ้า ระบบ VSA จะช่วยรักษาสมดุลของรถครับ ลองดูจากคลิปครับ เป็นคลิปสั้น ๆ น่าจะเข้าใจง่าย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นอกจากนี้ ในภาวะ รถเกิดเสียการทรงตัว เช่น เจอแอ่งน้ำ และรถเกิดอาการเหินน้ำ ซึ่งอันตรายมาก เพราะ พวงมาลัยจะไม่สามารถควบคุมรถได้ หากเบรก รถอาจจะหมุนตกข้างทางได้ ดังนั้น เจ้า VSA นี่เหละครับ จะเป็นพระเอก ช่วยให้คุณกลับมาควบคุมรถได้

นอกจากนี้ ใน VSA ของ HONDA ยังมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรีด้วย ในขณะที่บางยี่ห้อ อาจจะ เรียกแยกกัน เช่นของ โตโยต้า จะบอกว่า รถเขามี ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC อะไรแบบนี้ บางคนก็สงสัยว่า เอ๊ะ ของ HONDA มีหรือปล่าว

ซึ่งจริง ๆ มีครับ เพียงแค่ HONDA ไม่ได้แจกแจกให้ทราบเท่านั้นเองครับ

ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายมากคือ หากออกตัวบนถนนลื่นมาก ๆ เช่น พื้นกระเบื้องเปียกน้ำ ขณะขึ้นเนินอะไรแบบนี้ มันจะลด ลดอาการล้อหมุนฟรีได้ครับ โดยการจับเบรกและปล่อยเป็นระยะ ๆ รวมถึง ลดกำลังเครื่องยนต์ด้วย

ข้อ 5

แอร์อัตโนมัติ ผมว่า ยังไงมันก็ดีกว่า แอร์แบบมือหมุนธรรมดานะครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ การรักษาอุณหภูมิ หรือ ความสวยงามของหน้าตาของมัน มันเหนือกว่าครับ ซึ่ง ข้อแตกต่างของมันก็คือ มันจะทำงานประสานกับอุณหภูมิภายนอกด้วย

เช่น สมมติ คุณใช้แอร์ปกติเนี่ย ถ้าคุณเปิดแอร์เบอร์ 2 ต่อให้ข้างนอก ฝนตก อุณหภูมิเหลือสัก 22 องศา มันก็เย็นของมันแบบนั้น ต่อให้ ข้างนอก แดดจัด 40 องศา มันก็เย็นของมันอย่างนั้น หิมะจะตก มันก็เย็นของมันอย่างนั้น แต่ สำหรับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัตินั้น ต่างกันครับ

เช่น หาก คุณปรับที่ 25 องศา แล้วฝนตก ข้างนอก อากาศเย็นกว่าข้างในรถ แอร์ก็จะทำงานเบาลง ปล่อยลมเย็นออกมาน้อยลง ในทางกลับกัน หากอุณหภูมิข้างนอกสูงมาก แอร์มันก็จะปรับการทำงานของมันได้เองครับ

นอกจากนี้ หากคุณขับรถไปภาคเหนือ อากาศหนาวมาก ๆ แอร์อัตโนมัติ จะปรับการทำงานเป็น HEATER ให้กับคุณอีกต่างหากครับ ซึ่งจะเป่าลมร้อนออกมาให้คุณโดยอัตโนมัติเลยครับ

ที่บอกมาเนี่ย แอร์ธรรมดามันไม่มีนะครับ นี่คือ สิ่งที่ต่างกันครับ

ข้อ 6

เรื่องข้อด้อย หลาย ๆ คนอาจจะมองในเรื่องของ ทำไม ดิสก์เบรกหลังหายไป หรือ อย่างที่ผมบอกในข้อแรกเลย ทำไมเหล็กกันโคลงหลังหายไปหละ มันเป็นข้อด้อยหรือปล่าว อันนี้ ก็ต้องทดลองขับดูครับ แต่ผมเชื่อว่า มันไม่น่าต่างกันมากหรอกครับ

อย่างในเรื่องของ ดรัมเบรก กับดิสก์เบรก จริง ๆ แล้ว เบรกหลังมันรับภาระแรงเบรกน้อยกว่าเบรกหน้าอยู่แล้วครับ สัก 30 % มั้ง เบรกหน้ารับไป 70 % ประมาณนี้เหละ การเซ็ทระบบเบรกดี ๆ ก็สามารถทำให้ รถที่มี ดรัมเบรกหลัง เบรกดีกว่า รถที่มีดิสก์เบรก 4 ล้อก็ได้ครับ

โดยส่วนตัว คิดว่า ไม่น่าจะมีอะไรต่างกันเยอะครับ ผมว่า จุดด้อยที่ HONDA เจอ ก็ต้องได้รับการแก้ไขในโฉมนี้อยู่แล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่