เป็นเรื่องของพี่สาวครับ ขอปรึกษาเลยนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนซื้อรถคันนี้ (เชฟโรเล็ต โซนิค) แฟนของพี่สาวได้ใช้ชื่อของพี่สาวผมในการรับสิทธิ์ซื้อรถคันแรก
(เกริ่นยาวหน่อย ประเด็นจะอยู่ที่ย่อหน้า*****นะครับ)
เพราะตัวเขาเองมีรายชื่อติดแบล็คลิสต์ไม่สามารถซื้อรถยนต์ได้(พี่สาวบอกมาแบบนี้ครับ)
พี่สาวกับแฟนเลิกกันประมาณมีนาคมปีที่แล้ว และได้ตกลงกันว่าฝ่ายชายจะเป็นผู้รับผิดชอบผ่อนรถต่อ
เมื่อครบระยะเวลา 5 ปีที่สามารถโอนได้ พี่สาวผมจะเซ็นต์โอนให้ครับ
และเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ได้มี SMS เข้ามือถือพี่สาวผมว่าได้รับเงินคืนภาษี หนึ่งแสนบาท แต่บัตร ATM ฝ่ายชายเป็นผู้ถือไว้
ซึ่งพี่สาวผมก็คงไม่ได้ต้องการอะไรจากเงินก้อนนั้น เพราะฝ่ายชายเป็นฝ่ายผ่อนรถ มีแค่เงินดาวน์ที่พี่สาวผมไปยืมญาติมาช่วยดาวน์ให้ 30,000 บาท
ผมได้แนะนำให้พี่สาวไปอาญัติบัตรไว้ก่อน แล้วเอาเงินดาวน์ที่ได้ยืมญาติ 30,000 บาทไปคืนเขา ที่เหลือก็ให้ฝ่ายชายไป
แต่พี่สาวผมเขาบอกว่าไว้ใจฝ่ายชาย เดี๋ยวเขาจะโอนมาให้เอง ...จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คืนครับ เขาบอกว่าจะผ่อนคืนให้เดือนละ 5,000 ก็ผ่อนมาได้แค่เดือนแรกแล้วก็เงียบหายไป
*****คราวนี้ขอเข้าเรื่องกรณีผิดเงื่อนไขรถคันแรกนะครับ
ตอนนี้ฝ่ายชาย(คนผ่อนรถ) ไม่สามารถผ่อนต่อได้ ที่รู้เพราะไฟแนนซ์โทรมาตามที่พี่สาวผมครับ (หยุดผ่อนไป 2 งวดไฟแนนซ์เลยโทรมา ถึงเวลานี้กำลังเข้างวดที่ 4 ครับ)
ฝ่ายชายบอกว่า ให้พี่สาวผมอยู่เฉยๆ เขาคุยกับคนค้ำแล้ว (คนค้ำเป็นคนรู้จักของเขา)
หรือถ้าพี่สาวจะเอารถไปผ่อนต่อก็ได้ แต่เงิน1แสนก็จะเป็นของฝ่ายชายไป พี่สาวผมไม่สามารถผ่อนต่อได้เช่นกันครับ (เดือนละ 9xxx เหลืออีก 58 งวด)
เขาจะยอมให้รถโดนยึด และจะรับผิดชอบส่วนต่างของราคารถเมื่อรถออกขายทอดตลาด
ส่วนเงินภาษี 100,000 เขาจะผ่อนคืนให้ทีหลัง (เท่าที่รู้มา เงินส่วนที่ต้องคืนสรรพสามิตรก้อนนี้ ผ่อนไม่ได้ใช่ไหมครับ)
พี่สาวผมพยายามติดต่อฝ่ายชาย ว่าให้ช่วยอธิบายหน่อยว่าจะดำเนินการยังไงบ้าง ฝ่ายชายก็ไม่ค่อยจะรับสาย และไม่ค่อยบอกอะไรครับ อ้างติดลูกค้าตลอด
(ฝ่ายชายเป็นเซลล์มิตซูอยู่ใน กทม.)
จากที่ดูพฤติกรรมที่ผ่านมาของฝ่ายชายแล้ว ผมคิดว่าถ้าอยู่เฉยๆ พี่สาวผมเดือดร้อนแน่ครับ
เบื้องต้นที่พี่สาวผมทำตอนนี้นะครับ..
1. พี่สาวโทรไปเช็คกับไฟแนนซ์ว่ามีการติดต่อขอคืนรถไปหรือยัง (ฝ่ายชายบอกติดต่อไปแล้ว) คำตอบจากไฟแนนซ์คือ ยังครับ
2. พี่สาวโทรไปหาไฟแนนซ์เพื่อขอข้อมูลติดต่อคนค้ำเพื่อจะถามดูว่ามีการคุยรายละเอียดกับฝ่ายชายจริงหรือไม่ ได้เบอร์คนค้ำมาแล้ว แต่เขาไม่ได้ใช้เบอร์นี้แล้ว (ที่ต้องติดต่อคนค้ำ เพราะฝ่ายชายไม่ยอมคุยรายอะเอียดอะไรเลย)
3. มีคนแนะนำว่าให้ร่างสัญญาขึ้นมา เนื้อหาคือให้ฝ่ายชายเป็นผู้รับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ แล้วให้เขาเซ็นต์ (สัญญาแบบนี้มีน้ำหนักไหมครับ)
กรณีแบบนี้ พี่สาวผมควรทำอย่างไรดีครับ และเรื่องทั้งหมดสามารถไปตกอยู่กับคนค้ำทั้งหมดตามที่ฝ่ายชายบอกได้หรือไม่ครับ
ขอบคุณมากครับ
ปล. ถ้าแฟนเก่าพี่สาวผมอยู่ห้องรัชดา และได้อ่านกระทู้นี้ ขอร้องว่าช่วยบอกรายละเอียดพี่สาวผมและคุยกันให้รู้เรื่องหน่อยครับ
ขอสอบถามข้อมูลกรณีผิดเงื่อนไข "ภาษีรถคันแรก" ครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนซื้อรถคันนี้ (เชฟโรเล็ต โซนิค) แฟนของพี่สาวได้ใช้ชื่อของพี่สาวผมในการรับสิทธิ์ซื้อรถคันแรก
(เกริ่นยาวหน่อย ประเด็นจะอยู่ที่ย่อหน้า*****นะครับ)
เพราะตัวเขาเองมีรายชื่อติดแบล็คลิสต์ไม่สามารถซื้อรถยนต์ได้(พี่สาวบอกมาแบบนี้ครับ)
พี่สาวกับแฟนเลิกกันประมาณมีนาคมปีที่แล้ว และได้ตกลงกันว่าฝ่ายชายจะเป็นผู้รับผิดชอบผ่อนรถต่อ
เมื่อครบระยะเวลา 5 ปีที่สามารถโอนได้ พี่สาวผมจะเซ็นต์โอนให้ครับ
และเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ได้มี SMS เข้ามือถือพี่สาวผมว่าได้รับเงินคืนภาษี หนึ่งแสนบาท แต่บัตร ATM ฝ่ายชายเป็นผู้ถือไว้
ซึ่งพี่สาวผมก็คงไม่ได้ต้องการอะไรจากเงินก้อนนั้น เพราะฝ่ายชายเป็นฝ่ายผ่อนรถ มีแค่เงินดาวน์ที่พี่สาวผมไปยืมญาติมาช่วยดาวน์ให้ 30,000 บาท
ผมได้แนะนำให้พี่สาวไปอาญัติบัตรไว้ก่อน แล้วเอาเงินดาวน์ที่ได้ยืมญาติ 30,000 บาทไปคืนเขา ที่เหลือก็ให้ฝ่ายชายไป
แต่พี่สาวผมเขาบอกว่าไว้ใจฝ่ายชาย เดี๋ยวเขาจะโอนมาให้เอง ...จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คืนครับ เขาบอกว่าจะผ่อนคืนให้เดือนละ 5,000 ก็ผ่อนมาได้แค่เดือนแรกแล้วก็เงียบหายไป
*****คราวนี้ขอเข้าเรื่องกรณีผิดเงื่อนไขรถคันแรกนะครับ
ตอนนี้ฝ่ายชาย(คนผ่อนรถ) ไม่สามารถผ่อนต่อได้ ที่รู้เพราะไฟแนนซ์โทรมาตามที่พี่สาวผมครับ (หยุดผ่อนไป 2 งวดไฟแนนซ์เลยโทรมา ถึงเวลานี้กำลังเข้างวดที่ 4 ครับ)
ฝ่ายชายบอกว่า ให้พี่สาวผมอยู่เฉยๆ เขาคุยกับคนค้ำแล้ว (คนค้ำเป็นคนรู้จักของเขา)
หรือถ้าพี่สาวจะเอารถไปผ่อนต่อก็ได้ แต่เงิน1แสนก็จะเป็นของฝ่ายชายไป พี่สาวผมไม่สามารถผ่อนต่อได้เช่นกันครับ (เดือนละ 9xxx เหลืออีก 58 งวด)
เขาจะยอมให้รถโดนยึด และจะรับผิดชอบส่วนต่างของราคารถเมื่อรถออกขายทอดตลาด
ส่วนเงินภาษี 100,000 เขาจะผ่อนคืนให้ทีหลัง (เท่าที่รู้มา เงินส่วนที่ต้องคืนสรรพสามิตรก้อนนี้ ผ่อนไม่ได้ใช่ไหมครับ)
พี่สาวผมพยายามติดต่อฝ่ายชาย ว่าให้ช่วยอธิบายหน่อยว่าจะดำเนินการยังไงบ้าง ฝ่ายชายก็ไม่ค่อยจะรับสาย และไม่ค่อยบอกอะไรครับ อ้างติดลูกค้าตลอด
(ฝ่ายชายเป็นเซลล์มิตซูอยู่ใน กทม.)
จากที่ดูพฤติกรรมที่ผ่านมาของฝ่ายชายแล้ว ผมคิดว่าถ้าอยู่เฉยๆ พี่สาวผมเดือดร้อนแน่ครับ
เบื้องต้นที่พี่สาวผมทำตอนนี้นะครับ..
1. พี่สาวโทรไปเช็คกับไฟแนนซ์ว่ามีการติดต่อขอคืนรถไปหรือยัง (ฝ่ายชายบอกติดต่อไปแล้ว) คำตอบจากไฟแนนซ์คือ ยังครับ
2. พี่สาวโทรไปหาไฟแนนซ์เพื่อขอข้อมูลติดต่อคนค้ำเพื่อจะถามดูว่ามีการคุยรายละเอียดกับฝ่ายชายจริงหรือไม่ ได้เบอร์คนค้ำมาแล้ว แต่เขาไม่ได้ใช้เบอร์นี้แล้ว (ที่ต้องติดต่อคนค้ำ เพราะฝ่ายชายไม่ยอมคุยรายอะเอียดอะไรเลย)
3. มีคนแนะนำว่าให้ร่างสัญญาขึ้นมา เนื้อหาคือให้ฝ่ายชายเป็นผู้รับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ แล้วให้เขาเซ็นต์ (สัญญาแบบนี้มีน้ำหนักไหมครับ)
กรณีแบบนี้ พี่สาวผมควรทำอย่างไรดีครับ และเรื่องทั้งหมดสามารถไปตกอยู่กับคนค้ำทั้งหมดตามที่ฝ่ายชายบอกได้หรือไม่ครับ
ขอบคุณมากครับ
ปล. ถ้าแฟนเก่าพี่สาวผมอยู่ห้องรัชดา และได้อ่านกระทู้นี้ ขอร้องว่าช่วยบอกรายละเอียดพี่สาวผมและคุยกันให้รู้เรื่องหน่อยครับ