เท่าที่เฝ้าดูการเมืองในตอนนี้ กบฏเทือกซึ่งเป็นนักการเมืองพรรค ปชป มาก่อน พยายามจะพูดหว่านล้อมว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งไม่ดี ยังไงก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะการเลือกตั้งคือสิ่งชั่วร้าย
แต่ก็แปลก ทั้งๆที่บอกว่าเลือกตั้งเป็นสิ่งไม่ดี แต่บนเวทีประกาศทุกวันว่าอยากให้มีการปฏิรูปก่อน"เลือกตั้ง" และแกนนำบางคนเองก็ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนน?
ส่วนนักการเมืองพรรค ปชป และหัวหน้าพรรคหนีทหารก็เห็นด้วย จึงตัดสินใจบอยคอตหนีการเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่าการเลือกตั้งไม่ใช่เป็นเครื่องชี้วัดอะไรได้?
และที่งงไม่หาย ในเมื่อพรรค ปชป ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ทำไมไม่แนะนำให้ ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร ลาออกไปเสีย เพราะที่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม อันเนื่องมาจากการเลือกตั้ง และได้รับเสียงส่วนใหญ่จากคนกรุงเทพฯ
ส่วนคนกรุงเทพฯเองที่ไม่เห็นด้วยกับ 1 สิทธิ์ 1 เสียง ในเมื่ออ้างเสมอว่าเสียงคนส่วนน้อยมีความหมายมากกว่าเสียงคนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีการศึกษาที่สูงกว่า ย่อมรู้จักเลือกและฉลาดกว่า แต่ทำไมคราวก่อนคุณพงศพัศ ที่ได้คะแนนน้อยกว่าถึงไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม กลายเป็นหม่อมสุขุมพันธ์ ???? สรุปว่าจะใช้มาตราฐานแบบไหนกันแน่?
ตัวอย่างง่ายๆนี้ ทำให้เห็นว่า นักการเมืองพรรค ปชป นั้น ดีแต่เล่นการเมืองในลักษณะเอาดีใส่ตัว พลิกลิ้นไปวันๆเท่านั้น โดยไม่สนว่าจะทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหา หรือทำให้คนไทยไม่เคารพกฏ กติกากัน ขอเพียงให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายได้ก็พอ
แต่ทว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคการเมืองทุกพรรคล้วนส่งคนลงสมัครกันหมด ไม่ว่าพรรคเล็กพรรคน้อยที่เพิ่งจะก่อตั้งได้ไม่นาน หรือแม้แต่ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่มีข้อเสียน้อยที่สุด
ดังนั้น หากพรรค ปชป เฃื่อมั่นว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็น่าจะประกาศยุบพรรคตัวเองลงเสีย เพราะอยู่ไปก็ไร้ค่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญไทยนั้นเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ขืนอยู่ต่อไปก็ไม่มีทางที่จะได้เป็นรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว
ในเมื่อพรรค ปชป เป็นพรรคเดียวที่รังเกียจการเลือกตั้ง
ในเมื่อไม่เชื่อในเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
ในเมื่อไม่เคารพในสิทธิ์และเสียงของประชาชนว่ามีความเท่าเทียมกัน
ก็อย่าเอาเท้าราน้ำต่อไปเลย อย่าทำตัวเป็นแกะดำของระบอบประชาธิปไตยแบบนี้
หากไม่ชอบการเลือกตั้ง และสลิ่มทั้งหลายก็เห็นชอบ ควรจะยุบพรรคทิ้งไปเลย อยู่ไปก็ไร้ค่า ประเทศไทยจะได้เดินไปข้างหน้าเสียที
กล้าๆหน่อย อยู่ไปก็อายคนทั้งโลกนะฮ้า
ถ้าไม่เอาเลือกตั้ง?
แต่ก็แปลก ทั้งๆที่บอกว่าเลือกตั้งเป็นสิ่งไม่ดี แต่บนเวทีประกาศทุกวันว่าอยากให้มีการปฏิรูปก่อน"เลือกตั้ง" และแกนนำบางคนเองก็ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนน?
ส่วนนักการเมืองพรรค ปชป และหัวหน้าพรรคหนีทหารก็เห็นด้วย จึงตัดสินใจบอยคอตหนีการเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่าการเลือกตั้งไม่ใช่เป็นเครื่องชี้วัดอะไรได้?
และที่งงไม่หาย ในเมื่อพรรค ปชป ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ทำไมไม่แนะนำให้ ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร ลาออกไปเสีย เพราะที่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม อันเนื่องมาจากการเลือกตั้ง และได้รับเสียงส่วนใหญ่จากคนกรุงเทพฯ
ส่วนคนกรุงเทพฯเองที่ไม่เห็นด้วยกับ 1 สิทธิ์ 1 เสียง ในเมื่ออ้างเสมอว่าเสียงคนส่วนน้อยมีความหมายมากกว่าเสียงคนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีการศึกษาที่สูงกว่า ย่อมรู้จักเลือกและฉลาดกว่า แต่ทำไมคราวก่อนคุณพงศพัศ ที่ได้คะแนนน้อยกว่าถึงไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม กลายเป็นหม่อมสุขุมพันธ์ ???? สรุปว่าจะใช้มาตราฐานแบบไหนกันแน่?
ตัวอย่างง่ายๆนี้ ทำให้เห็นว่า นักการเมืองพรรค ปชป นั้น ดีแต่เล่นการเมืองในลักษณะเอาดีใส่ตัว พลิกลิ้นไปวันๆเท่านั้น โดยไม่สนว่าจะทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหา หรือทำให้คนไทยไม่เคารพกฏ กติกากัน ขอเพียงให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายได้ก็พอ
แต่ทว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคการเมืองทุกพรรคล้วนส่งคนลงสมัครกันหมด ไม่ว่าพรรคเล็กพรรคน้อยที่เพิ่งจะก่อตั้งได้ไม่นาน หรือแม้แต่ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่มีข้อเสียน้อยที่สุด
ดังนั้น หากพรรค ปชป เฃื่อมั่นว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็น่าจะประกาศยุบพรรคตัวเองลงเสีย เพราะอยู่ไปก็ไร้ค่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญไทยนั้นเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ขืนอยู่ต่อไปก็ไม่มีทางที่จะได้เป็นรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว
ในเมื่อพรรค ปชป เป็นพรรคเดียวที่รังเกียจการเลือกตั้ง
ในเมื่อไม่เชื่อในเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
ในเมื่อไม่เคารพในสิทธิ์และเสียงของประชาชนว่ามีความเท่าเทียมกัน
ก็อย่าเอาเท้าราน้ำต่อไปเลย อย่าทำตัวเป็นแกะดำของระบอบประชาธิปไตยแบบนี้
หากไม่ชอบการเลือกตั้ง และสลิ่มทั้งหลายก็เห็นชอบ ควรจะยุบพรรคทิ้งไปเลย อยู่ไปก็ไร้ค่า ประเทศไทยจะได้เดินไปข้างหน้าเสียที
กล้าๆหน่อย อยู่ไปก็อายคนทั้งโลกนะฮ้า