Frozen แอ๊บแบ๊วเจ้าหญิงอันนากับราชินีเก็บกด
(ฉบับวิเคราะห์)
ก่อนหนังฉายและระหว่างฉายผมนั่งฟังเพลง let it go ทู๊กวันก้องอยู่ในหัว
เพราะมาก...ทั้งเวอร์ชั่นการ์ตูนและ Demi Lovato
แต่ไม่ว่างไปดูซะที...ฟังแต่เพื่อนบอกว่าดี สนุก ยั่วให้อยากอยู่นั่น
เมื่อวันก่อนหลังจากได้รางวัลแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมทั้งเพลงทั้งตัวหนังมาแล้ว...เลยได้เอามาฉายกันใหม่อีกรอบ
ก็ไปดูด้วยความอยากน้ำลายสอ
ดูจบก็ออกจากโรงด้วยความเอ๋อเบลอๆ...งงๆ
...นึกออกอย่างเดียว หนาวชิหาย
คืองี้ครับ...สนุกครับ เพลงเพราะ...แต่ผิดหวัง
เรื่องนี้ผมดูรอบเดียว แต่ตั้งใจดูมากเลยจำรายละเอียดได้เยอะพอสมควร
-------------------------------------------
ส่วนที่น่าปรับปรุง
1.เอลซ่าเก็บกดจากคำที่พ่อบอกให้เป็น...ให้ปกปิด
จึงควรมี
-ฉากที่ออกไปเจอผู้คน...แล้วปกปิด หลบ แอบ
-คุยกับคนอื่น แล้วสีหน้าลำบากใจ ขอตัวก่อน
-เพื่อนถามทำไมใส่ถุงมือก็อ้าง บลาๆ
คือมันไม่มีฉากตอกย้ำปมของเอลซ่าตรงนี้ นอกจากโดนขังในห้อง...กะทำร้ายน้อง
ผลคือ...ฉากที่เอลซ่าหนีขึ้นเขาไปสร้างปราสาท...ร้องเพลง let it go ปล่อยอารมณ์นั้นน่ะ
...มันควรจะพีค
ๆๆๆๆ ...เพราะเพลงมันพีค
ยๆๆ...มันไม่เป็นแบบนั้น มันอินไม่สุด
เพราะขาดช่วงเล่าตอกย้ำปมส่วนนั้นไป
2.ฉากร้องเพลง let it go จบเนี่ยเอลซ่าปล่อยอารมณ์ ไม่ผิดบัง ยอมรับกับพลังตัวเอง
เป็นตัวของตัวเองละ จบเพลงยิ้มตาจิกซะขนาดนั้น(คือจบเพลงแบบสวยเริดเชิดจิก ไอ ด๊อน แคร์)...แต่!!!
ตอนอันนามาเจอพี่สาว...ยังหน้าอมทุกข์อยู่เลย
ฉากที่ควรจะมีแทรกคือ...
-ฉากทีเอลซ่าลัลล้าที่ตัวเองได้ปลดปล่อยอารมณ์...ได้เป็นตัวเอง
-ฉากที่ไม่ต้องปิดบังน้อง...ได้สนิทกันเหมือนเดิม
-ฉากที่เอลซ่าใช้พลังได้อย่างสนุกเหมือนตอนเด็กๆ โดยไม่ต้องคิดควบคุม (นึกภาพตอนแจ็คฟรอสเล่นกับน้ำแข็ง)
ถ้ามีฉากเหล่านี้...ประเด็นในเรื่องของการยอมรับตัวเองจะชัดขึ้น...น้ำหนักช่วงที่น้องสำนึกผิดและเข้าใจพี่สาวจะมากขึ้น
แต่พอมันไม่มี!!....ผลคือ ไอ้ฉากร้องเพลงที่ควรจะทรงพลังเรื่องของการยอมรับตัวเอง ปล่อยพลังตัวเองออกมา...มันก็ดรอปลงไปอีก
3.ไม่มีการเล่าที่มาของคำสาปและพลังของเอลซ่า...ทำให้การกลายเป็นน้ำแข็งของน้องช่วงหลังอ่อนยวบ
งงเลย...ก่อนหน้านี้แค่หมดแรง...หายใจไม่ออก ตัวยังปกติ...พอเข้าไปกันพี่สาว แมร่งแข็งทั้งตัวซะงั้น!!
คือไอ้พลังที่โดนเข้าที่หัวหรือหัวใจไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่าจะตาย หรือเป็นอันตรายจริงๆ
พอมันไม่มีน้ำหนักไม่มีที่มาที่ไป....มันก็ไม่มีลุ้นว่าเฮ้ย ไกล้ตายแล้วนะ
สิ่งที่ควรจะมีคือ
- ฉากเล่าเรื่องพลังน้ำแข็ง...ถ้าโดนใส่ตัว สีตัวจะค่อยๆซีด? หรือ จะค่อยๆกลายเป็นน้ำแข็ง? หรือถ้ายิ่งเข้าไกล้ผู้ใช้ จะมีอัตราเร่งเร็วขึ้น? เป็นต้น
- ฉากแสดงความคืบหน้าของคำสาปที่น้องโดน...ความรุนแรงของคำสาปคือ อ่อนแรง...หัวใจโดนแช่แข็ง ตาย...อันนี้พอเข้าใจ
...แต่ถ้าตอนท้ายจะให้แข็งทั้งตัว ช่วยเปลี่ยนฉากวิ่งอ่อนแรงเป็น อวัยวะบางส่วนค่อยๆกลายเป็นน้ำแข็งเถอะ!!!
4.ส่วนเสริมเล็กน้อยๆที่จะทำให้เรื่องแข็งแรงขึ้น
-ฉากที่แสดงเหตุผลที่ผู้คนยอมรับ ราชินีเอลซ่าครองบัลลัง...ฉากที่ถึงแม้จะปกปิดแอบๆ แต่ก็ทำเพื่อประเทศ ทำงานหนักอย่างพ่อ
ไม่ใช่ออกจากห้องปิดตายมา เชิดหน้ารับตำแหน่ง ผู้คนยอมรับมายินดีกันหมด!! มันตลกไปนิด
เพราะยังไงสุดท้ายทั้งตอนต้นเรื่องและจนจบหนังก็ยังเล่นประเด็นเรื่องการดูแลบ้านเมือง
-ช่วงเจ็บปวดทรมานของอันนา...มันสามารถสะท้อนให้อันนาเห็นว่า "เอลซ่าต้องอยู่คนเดียวในห้องทนทุกข์ขนาดนี้เลยเหรอ"
อยากให้ชัดกว่านี้เพราะภาพมันมาไกล้เคียงละ...และถ้ามีมันจะตอกย้ำการแสดงความรักความเข้าใจในช่องระยะห่างพี่กับน้องมากขึ้นตอนท้าย
เช่น...อันนาเห็นถุงมือพี่สาว(ที่คอยปกปิดเก็บกดทรมานอึดอัด)...หรือ ภาพพี่สาวที่เคยสนุกสนานต้องเปลี่ยนไปเพราะขังตัวเองในห้องเป็นต้น
-โอลาฟ...สร้างความสนุกเฮฮาได้ดีเป็นสีสันของเรื่องตัวนึงแต่!!
มันมาแบบไม่มีเหตุผลอีกแล้วจึงกลับไปเรื่องเดิมที่ไม่บอกที่มาที่ไปของสารพัดพลังของเอลซ่า
เช่น...ตูเกิดมาเพราะเอลซ่าสร้าง....เอลซ่ายังไม่รู้เรื่องเลย...อันนาก็ไม่รู้เรื่อง เอ๊า...
เกิดมาเพื่อไรเนี่ย
(ถ้าเอลซ่าจงใจใช้พลังสร้างเพราะคิดถึงน้อง ไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาในปราสาทยังพอฟังขึ้น)
ตัวละครนี้สำคัญมากครับ เพราะมันคือตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของน้องกับพี่ที่เคยสนิทกันตอนเด็ก
...แต่หนังให้ความสำคัญกับตัวนี้น้อยมากนอกจากเฮฮา
จึงควรจะมีฉากที่ละลายไปแล้วหาทางคุมพลังน้ำแข็งให้ตัวเองบังคับได้ ให้ชีวิตโอลาฟอีกรอบได้ เป็นต้น
-ตอนท้ายเอลซ่าคุมพลังได้เฉย...อย่างที่บอก พอหนังไม่เล่าที่มาที่ไปให้ชัดเจน...ว่าเงื่อนไขที่จะคุมพลังได้คืออะไร แก้ไขยังไง
ความสนใจคนดูก็ลดลง เลยรอให้หนังเล่นมาแบบ อะ...อยากให้จบไงก็ปล่อยมา กรูรอดูละ
หนังเฉลยแค่น้องจะหายเพราะได้รับความรัก...ซึ่งแมร่งโคตรนามธรรม จริงๆก็เหมาะกับการ์ตูน
แต่จะมีน้ำหนักมากกว่านี้ ถ้าเล่าซักหน่อยว่า ยังไง!!
หรือเอลซ่าละลายหิมะในเมืองได้ เพราะอะไร!!! ....ไม่งั้นมันจะกลายเป็น หนังอยากให้จบเงี้ยง่ายดี...ไปซะฉิบ
-ตัวร้ายภาคนี้มันแย่งกันระหว่างฮันกับคำสาปของเอลซ่า...ซึ่งจากตัวหนังเนี่ยอุปสรรคใหญ่สุดคือคำสาปและการจัดการพลังน้ำแข็ง
ไอ้ฮันนี่บทน้อยใส่มาเหมือนจับยัด...ประเด็นครองเมืองหรือเฉลยเหตุผลตอนท้ายก็อ่อนยวบ
ดูแล้วเหมือนเอามาแค่เป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้น้องช่วยพี่สาวแก้คำสาปตอนไกล้จบเท่านั้น!
ถ้าจะให้ฮันมีบทบาทมากขึ้น...อาจจะไม่จำเป็นต้องเล่าประวัติมันมากแต่ให้ไปลงที่พฤติกรรมเลวๆมากกว่านี้
ฉากที่ควรเพิ่มคือ...แอบสืบจนทราบเงื่อนไขคำสาป...หลอกให้อันนากดดันเอลซ่า...วางแผนยั่วเอลซ่าให้ทำลายเมืองและปกป้องเสียเอง บลาๆ เป็นต้น
-จริงๆแล้วสามารถเพิ่มน้ำหนักของการแก้ปัญหาให้ดูน่าติดตามมากขึ้นโดยเพิ่มดีกรีความรุนแรงของปัญหาเช่น
เพิ่มฉากผ่านเวลา ผ่านไป 2 ปี เมืองถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่ไม่มีใครรู้สาเหตุ...เอลซ่ากลายเป็นราชินีแม่มดที่เนรเทศตัวเองไปอยู่บนเขาหิมะ
...เป็นตำนานขึ้นมาสร้างให้เป็นเควสที่น่าสนใจให้น้องผจญภัยไปเพื่อช่วยเหลือพี่สาว
...แล้วการผจญภัยของอันนากับคริสไปช่วยเหลือพี่สาวจะมีน้ำหนักขึ้น สนุกขึ้น
...อารมณ์เอลซ่าทุกทนข์ตอนท้ายจะเข้มข้นขึ้น (เพราะผ่านเวลามา)
โดยรวมแล้วมันขาดเหตุผลที่ตัวเอลซ่าและข้อมูลของคำสาปครับ
....ซึ่ง 2 อย่างนี้มันคือประเด็นหลักของเรื่องที่จะดำเนินต่อจนจบ
พอมันขาดโน่นนี่นั่นนิดหน่อย...เวลาดูก็สะดุดกันไป
หลายคนก็อ้างเหตุผลว่า "นี่การ์ตูน จะเอาเหตุผลไรนักหนา" เอ่อ...อืมม ครับ
--------------------------------------------------
มาดูส่วนที่น่าพอใจ
1.เรื่องราวของอันนา...มีที่มาที่ไป เหตุผลชัดเจน คาแรคเตอร์ชัดเจน ไม่ติดขัดอะไรเลย ไหลลื่นดีมากครับ
ทั้งความไร้เดียงสา ไม่คิด จนผิดพลาด จนแก้ไข จนปรับปรุงตัว โอเคครบ
2.เรื่องราวของคริสต๊อบ...เช่นกันครับมีที่มาที่ไปน้อยๆแต่ลากยาวลื่นไหลไม่มีสะดุด
...แถมบทสนทนากับอันนาก็สนุก น่ารักได้ข้อคิด กับครอบครัว ความพยายาม จนจบเรื่อง เป๊ะตามสูตร
3.เพลง...แน่นอนครับ เพลงเธออยากปั้นสโนวแมนไหม กับ เพลง ปล่อยมันไป มันโคตรพีค เพราะน่ารักมากครับ
4.น้ำแข็งสวยมากกกกกกก...ผมไม่รู้ว่าโรงหนังเร่งแอร์รึเปล่า แต่สั่นกึกๆๆๆๆ
5.เอลซ่าแอบอึ๊มนะครับ....แถมหุ่น Sเชฟ
6.คริสนี่แมร่งพระเอกจ๋ามาก ชอบความคิดมันเฟี้ยวเงาะดีครับ
สรุป...ถึงหนังจะขาดๆเกินๆแต่โดนรวมแล้วสนุกครับ
ส่วนตัวผมไม่เห็นสมกับรางวัล(ยกเว้นเพลง)...ยังมาตรฐานการ์ตูนดิสนีย์ทั่วไป
ดูในโรงคุ้ม....แต่คงไม่ซื้อเก็บและยังคงฟังเพลง let it go ต่อไป!
จำไว้ว่า...คุณจะแต่งงานกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกทันทีเลยไม่ได้นะครับ!!!(555)
[CR] Frozen แอ๊บแบ๊วเจ้าหญิงอันนากับราชินีเก็บกด (ฉบับวิเคราะห์หลุดกระแส)
Frozen แอ๊บแบ๊วเจ้าหญิงอันนากับราชินีเก็บกด
(ฉบับวิเคราะห์)
ก่อนหนังฉายและระหว่างฉายผมนั่งฟังเพลง let it go ทู๊กวันก้องอยู่ในหัว
เพราะมาก...ทั้งเวอร์ชั่นการ์ตูนและ Demi Lovato
แต่ไม่ว่างไปดูซะที...ฟังแต่เพื่อนบอกว่าดี สนุก ยั่วให้อยากอยู่นั่น
เมื่อวันก่อนหลังจากได้รางวัลแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมทั้งเพลงทั้งตัวหนังมาแล้ว...เลยได้เอามาฉายกันใหม่อีกรอบ
ก็ไปดูด้วยความอยากน้ำลายสอ
ดูจบก็ออกจากโรงด้วยความเอ๋อเบลอๆ...งงๆ
...นึกออกอย่างเดียว หนาวชิหาย
คืองี้ครับ...สนุกครับ เพลงเพราะ...แต่ผิดหวัง
เรื่องนี้ผมดูรอบเดียว แต่ตั้งใจดูมากเลยจำรายละเอียดได้เยอะพอสมควร
-------------------------------------------
ส่วนที่น่าปรับปรุง
1.เอลซ่าเก็บกดจากคำที่พ่อบอกให้เป็น...ให้ปกปิด
จึงควรมี
-ฉากที่ออกไปเจอผู้คน...แล้วปกปิด หลบ แอบ
-คุยกับคนอื่น แล้วสีหน้าลำบากใจ ขอตัวก่อน
-เพื่อนถามทำไมใส่ถุงมือก็อ้าง บลาๆ
คือมันไม่มีฉากตอกย้ำปมของเอลซ่าตรงนี้ นอกจากโดนขังในห้อง...กะทำร้ายน้อง
ผลคือ...ฉากที่เอลซ่าหนีขึ้นเขาไปสร้างปราสาท...ร้องเพลง let it go ปล่อยอารมณ์นั้นน่ะ
...มันควรจะพีคๆๆๆๆ ...เพราะเพลงมันพีคยๆๆ...มันไม่เป็นแบบนั้น มันอินไม่สุด
เพราะขาดช่วงเล่าตอกย้ำปมส่วนนั้นไป
2.ฉากร้องเพลง let it go จบเนี่ยเอลซ่าปล่อยอารมณ์ ไม่ผิดบัง ยอมรับกับพลังตัวเอง
เป็นตัวของตัวเองละ จบเพลงยิ้มตาจิกซะขนาดนั้น(คือจบเพลงแบบสวยเริดเชิดจิก ไอ ด๊อน แคร์)...แต่!!!
ตอนอันนามาเจอพี่สาว...ยังหน้าอมทุกข์อยู่เลย
ฉากที่ควรจะมีแทรกคือ...
-ฉากทีเอลซ่าลัลล้าที่ตัวเองได้ปลดปล่อยอารมณ์...ได้เป็นตัวเอง
-ฉากที่ไม่ต้องปิดบังน้อง...ได้สนิทกันเหมือนเดิม
-ฉากที่เอลซ่าใช้พลังได้อย่างสนุกเหมือนตอนเด็กๆ โดยไม่ต้องคิดควบคุม (นึกภาพตอนแจ็คฟรอสเล่นกับน้ำแข็ง)
ถ้ามีฉากเหล่านี้...ประเด็นในเรื่องของการยอมรับตัวเองจะชัดขึ้น...น้ำหนักช่วงที่น้องสำนึกผิดและเข้าใจพี่สาวจะมากขึ้น
แต่พอมันไม่มี!!....ผลคือ ไอ้ฉากร้องเพลงที่ควรจะทรงพลังเรื่องของการยอมรับตัวเอง ปล่อยพลังตัวเองออกมา...มันก็ดรอปลงไปอีก
3.ไม่มีการเล่าที่มาของคำสาปและพลังของเอลซ่า...ทำให้การกลายเป็นน้ำแข็งของน้องช่วงหลังอ่อนยวบ
งงเลย...ก่อนหน้านี้แค่หมดแรง...หายใจไม่ออก ตัวยังปกติ...พอเข้าไปกันพี่สาว แมร่งแข็งทั้งตัวซะงั้น!!
คือไอ้พลังที่โดนเข้าที่หัวหรือหัวใจไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่าจะตาย หรือเป็นอันตรายจริงๆ
พอมันไม่มีน้ำหนักไม่มีที่มาที่ไป....มันก็ไม่มีลุ้นว่าเฮ้ย ไกล้ตายแล้วนะ
สิ่งที่ควรจะมีคือ
- ฉากเล่าเรื่องพลังน้ำแข็ง...ถ้าโดนใส่ตัว สีตัวจะค่อยๆซีด? หรือ จะค่อยๆกลายเป็นน้ำแข็ง? หรือถ้ายิ่งเข้าไกล้ผู้ใช้ จะมีอัตราเร่งเร็วขึ้น? เป็นต้น
- ฉากแสดงความคืบหน้าของคำสาปที่น้องโดน...ความรุนแรงของคำสาปคือ อ่อนแรง...หัวใจโดนแช่แข็ง ตาย...อันนี้พอเข้าใจ
...แต่ถ้าตอนท้ายจะให้แข็งทั้งตัว ช่วยเปลี่ยนฉากวิ่งอ่อนแรงเป็น อวัยวะบางส่วนค่อยๆกลายเป็นน้ำแข็งเถอะ!!!
4.ส่วนเสริมเล็กน้อยๆที่จะทำให้เรื่องแข็งแรงขึ้น
-ฉากที่แสดงเหตุผลที่ผู้คนยอมรับ ราชินีเอลซ่าครองบัลลัง...ฉากที่ถึงแม้จะปกปิดแอบๆ แต่ก็ทำเพื่อประเทศ ทำงานหนักอย่างพ่อ
ไม่ใช่ออกจากห้องปิดตายมา เชิดหน้ารับตำแหน่ง ผู้คนยอมรับมายินดีกันหมด!! มันตลกไปนิด
เพราะยังไงสุดท้ายทั้งตอนต้นเรื่องและจนจบหนังก็ยังเล่นประเด็นเรื่องการดูแลบ้านเมือง
-ช่วงเจ็บปวดทรมานของอันนา...มันสามารถสะท้อนให้อันนาเห็นว่า "เอลซ่าต้องอยู่คนเดียวในห้องทนทุกข์ขนาดนี้เลยเหรอ"
อยากให้ชัดกว่านี้เพราะภาพมันมาไกล้เคียงละ...และถ้ามีมันจะตอกย้ำการแสดงความรักความเข้าใจในช่องระยะห่างพี่กับน้องมากขึ้นตอนท้าย
เช่น...อันนาเห็นถุงมือพี่สาว(ที่คอยปกปิดเก็บกดทรมานอึดอัด)...หรือ ภาพพี่สาวที่เคยสนุกสนานต้องเปลี่ยนไปเพราะขังตัวเองในห้องเป็นต้น
-โอลาฟ...สร้างความสนุกเฮฮาได้ดีเป็นสีสันของเรื่องตัวนึงแต่!!
มันมาแบบไม่มีเหตุผลอีกแล้วจึงกลับไปเรื่องเดิมที่ไม่บอกที่มาที่ไปของสารพัดพลังของเอลซ่า
เช่น...ตูเกิดมาเพราะเอลซ่าสร้าง....เอลซ่ายังไม่รู้เรื่องเลย...อันนาก็ไม่รู้เรื่อง เอ๊า...เกิดมาเพื่อไรเนี่ย
(ถ้าเอลซ่าจงใจใช้พลังสร้างเพราะคิดถึงน้อง ไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาในปราสาทยังพอฟังขึ้น)
ตัวละครนี้สำคัญมากครับ เพราะมันคือตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของน้องกับพี่ที่เคยสนิทกันตอนเด็ก
...แต่หนังให้ความสำคัญกับตัวนี้น้อยมากนอกจากเฮฮา
จึงควรจะมีฉากที่ละลายไปแล้วหาทางคุมพลังน้ำแข็งให้ตัวเองบังคับได้ ให้ชีวิตโอลาฟอีกรอบได้ เป็นต้น
-ตอนท้ายเอลซ่าคุมพลังได้เฉย...อย่างที่บอก พอหนังไม่เล่าที่มาที่ไปให้ชัดเจน...ว่าเงื่อนไขที่จะคุมพลังได้คืออะไร แก้ไขยังไง
ความสนใจคนดูก็ลดลง เลยรอให้หนังเล่นมาแบบ อะ...อยากให้จบไงก็ปล่อยมา กรูรอดูละ
หนังเฉลยแค่น้องจะหายเพราะได้รับความรัก...ซึ่งแมร่งโคตรนามธรรม จริงๆก็เหมาะกับการ์ตูน
แต่จะมีน้ำหนักมากกว่านี้ ถ้าเล่าซักหน่อยว่า ยังไง!!
หรือเอลซ่าละลายหิมะในเมืองได้ เพราะอะไร!!! ....ไม่งั้นมันจะกลายเป็น หนังอยากให้จบเงี้ยง่ายดี...ไปซะฉิบ
-ตัวร้ายภาคนี้มันแย่งกันระหว่างฮันกับคำสาปของเอลซ่า...ซึ่งจากตัวหนังเนี่ยอุปสรรคใหญ่สุดคือคำสาปและการจัดการพลังน้ำแข็ง
ไอ้ฮันนี่บทน้อยใส่มาเหมือนจับยัด...ประเด็นครองเมืองหรือเฉลยเหตุผลตอนท้ายก็อ่อนยวบ
ดูแล้วเหมือนเอามาแค่เป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้น้องช่วยพี่สาวแก้คำสาปตอนไกล้จบเท่านั้น!
ถ้าจะให้ฮันมีบทบาทมากขึ้น...อาจจะไม่จำเป็นต้องเล่าประวัติมันมากแต่ให้ไปลงที่พฤติกรรมเลวๆมากกว่านี้
ฉากที่ควรเพิ่มคือ...แอบสืบจนทราบเงื่อนไขคำสาป...หลอกให้อันนากดดันเอลซ่า...วางแผนยั่วเอลซ่าให้ทำลายเมืองและปกป้องเสียเอง บลาๆ เป็นต้น
-จริงๆแล้วสามารถเพิ่มน้ำหนักของการแก้ปัญหาให้ดูน่าติดตามมากขึ้นโดยเพิ่มดีกรีความรุนแรงของปัญหาเช่น
เพิ่มฉากผ่านเวลา ผ่านไป 2 ปี เมืองถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่ไม่มีใครรู้สาเหตุ...เอลซ่ากลายเป็นราชินีแม่มดที่เนรเทศตัวเองไปอยู่บนเขาหิมะ
...เป็นตำนานขึ้นมาสร้างให้เป็นเควสที่น่าสนใจให้น้องผจญภัยไปเพื่อช่วยเหลือพี่สาว
...แล้วการผจญภัยของอันนากับคริสไปช่วยเหลือพี่สาวจะมีน้ำหนักขึ้น สนุกขึ้น
...อารมณ์เอลซ่าทุกทนข์ตอนท้ายจะเข้มข้นขึ้น (เพราะผ่านเวลามา)
โดยรวมแล้วมันขาดเหตุผลที่ตัวเอลซ่าและข้อมูลของคำสาปครับ
....ซึ่ง 2 อย่างนี้มันคือประเด็นหลักของเรื่องที่จะดำเนินต่อจนจบ
พอมันขาดโน่นนี่นั่นนิดหน่อย...เวลาดูก็สะดุดกันไป
หลายคนก็อ้างเหตุผลว่า "นี่การ์ตูน จะเอาเหตุผลไรนักหนา" เอ่อ...อืมม ครับ
--------------------------------------------------
มาดูส่วนที่น่าพอใจ
1.เรื่องราวของอันนา...มีที่มาที่ไป เหตุผลชัดเจน คาแรคเตอร์ชัดเจน ไม่ติดขัดอะไรเลย ไหลลื่นดีมากครับ
ทั้งความไร้เดียงสา ไม่คิด จนผิดพลาด จนแก้ไข จนปรับปรุงตัว โอเคครบ
2.เรื่องราวของคริสต๊อบ...เช่นกันครับมีที่มาที่ไปน้อยๆแต่ลากยาวลื่นไหลไม่มีสะดุด
...แถมบทสนทนากับอันนาก็สนุก น่ารักได้ข้อคิด กับครอบครัว ความพยายาม จนจบเรื่อง เป๊ะตามสูตร
3.เพลง...แน่นอนครับ เพลงเธออยากปั้นสโนวแมนไหม กับ เพลง ปล่อยมันไป มันโคตรพีค เพราะน่ารักมากครับ
4.น้ำแข็งสวยมากกกกกกก...ผมไม่รู้ว่าโรงหนังเร่งแอร์รึเปล่า แต่สั่นกึกๆๆๆๆ
5.เอลซ่าแอบอึ๊มนะครับ....แถมหุ่น Sเชฟ
6.คริสนี่แมร่งพระเอกจ๋ามาก ชอบความคิดมันเฟี้ยวเงาะดีครับ
สรุป...ถึงหนังจะขาดๆเกินๆแต่โดนรวมแล้วสนุกครับ
ส่วนตัวผมไม่เห็นสมกับรางวัล(ยกเว้นเพลง)...ยังมาตรฐานการ์ตูนดิสนีย์ทั่วไป
ดูในโรงคุ้ม....แต่คงไม่ซื้อเก็บและยังคงฟังเพลง let it go ต่อไป!
จำไว้ว่า...คุณจะแต่งงานกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกทันทีเลยไม่ได้นะครับ!!!(555)