ประสบการณ์ เตือนใจ ชนแล้ว บอกห่วงคนเจ็บ ไปหาหมอทำแผลก่อน แล้วซิ่งหนีไป เอะใจถ่ายรูปรถไว้คงไม่รู้ตัวสินะ !
ที่กำลังจะเขียนเล่าต่อไปนี้ ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ประสบกับตัวเอง
อยากเล่าให้เป็นอุทาหรณ์ ข้อเตือนใจค่ะ คนเราเดี๋ยวนี้ ปากอย่าง ใจอย่าง
นะคะ จะได้รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมคนนิสัยไม่ดีค่ะ
เหตุเกิด เมื่อวานค่ะ วันจันทร์ ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา ประมาณ บ่าย สามโมงครึ่ง
ขณะขับขี่ มอเตอร์ไซด์ ออกจาก แมคโครจรัญ หลังจากซื้อไก่ ผัก ผลไม้ เพื่อมาทำอาหารให้ ลูก ๆ (น้องหมาชิสุห์ 2 ตัวที่ บ้าน ) กิน เพราะหมดสต็อคแล้ว พร้อมกับ บางกอก นิตยสารโปรดของแม่
ขอบรรยายสภาพช่องทางการจราจร นิดนะคะ เนื่องจาก ทางกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่
มีช่องทาง 2 เลน แต่มอเตอร์ไซด์ก็มักจะขับคร่อมช่องกลางกันเพราะเขยื้อนตัวได้คอนข้างช้า แบ่ง ๆ กันไปเป็นปกติ น่ะค่ะ
ขณะขับขี่อยู่ เลยทางรถไฟมาเล็กน้อย ตรงไฟแดงแยก บางขุนนนท์ ไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง รถจึงเริ่มหยุดชลอจอด กัน
ข้างหน้าเราทั้ง2 เลนหยุดแล้ว เราก็หยุด ข้างหลังเราทางช่องขวา ก็หยุด แต่รถทางช่องซ้ายเราซึ่งจอดแล้ว แต่เค้าไหลมาเรื่อย ๆไม่รู้เรื่องเลย จนกระทั่ง
ไหลมาจน ยางล้อรถปืนขึ้นมาอยู่บนเท้าซ้ายที่เราวางที่พื้น แบบ หนีบกับตัวรถเพราะมีถึงผักอยู่ด้านหน้ากลัวผัก ผลไม้หล่นแม่ค้า ต้องร้องตะโกนให้ถอยกว่าจะได้ยิน ซึ่ง เราร้องลั่นเลย ให้ถอย คนที่เห็นเหตุการณืก็ช่วยกันตะโกน เหมือนคนขับ ไม่รู้เรื่อง กว่าจะถอยออก ล้อก็ค้างอยู่บนเท้าซ้ายของเรา อยู่ราว 10 วิได้
หลังจาก ที่ถอยรถออกพ้นเท้าเราได้ เค้าก็ไม่ลงมาดู
เราต้องเขยก เอารถจอดข้างทาง
แล้วเขยกไปดูที่กระจกรถเค้า เพราะรถตังติดไฟแดงอยู่ค่ะ
เค้าจึง ลดกระจกลงมา (คนขับเป็นผู้หญิงค่ะนั่งมาคนเดียว เห็นใส่หูฟังอยู่ด้วยค่ะ)
หน้าตาบูดบึ้งถามว่า พี่ขับรถยังไงเนี่ย ขับยังไงมาเบี่ยงเลนเบียดรถหนู
แทนที่จะถามเราสักนิดว่า เป็นอะไรมากมั๊ยพี่ บลา บลา ๆ
พูดอะไรก็ได้ที่มันน่าฟังมาก กว่ามา โยนความผิดให้เรา ทั้ง ๆ ที่เราก็จอดติดไฟแดงของเราอยู่ดีดี ไม่ได้วิ่งไปชนเค้าซะหน่อย
แหมปิ๊ดเลยค่ะ เราจอดด้านข้าง ตัวไหลมาทับยังมาว่าเราอีก เลยโต้ไปว่า
ถ้าเบี่ยงเลนจริง พี่อยู่ข้างหน้าน้อง น้องชนกระเด็นไปแล้วค่ะ
แล้วเค้าก็ไม่ลงมาดู เราเลื่อนมอไซด์ไปจอดให้รถวิ่งไปได้ เพราะ เริ่มไฟเขียวแล้ว ระหว่างเขยก รถก็ล้มไปอีกเพราะขาข้างที่โดนเยียบ ยันไปแล้วมันเจ็บเลยล้ม คนขับมอไซด์ที่เห็น เค้ามาช่วยยกตั้งให้พร้อมของที่หล่นอยู่
คนขับรถที่เฉี่ยวเรา ก็ขับเลียบเลยไป ไม่ลงมาดูเราสักนิด
แต่รถมันยังเพิ่งเขยื้อนได้ช้า ๆ มอไซด์คันหน้าที่ช่วยยกเค้าเลยโบกให้จอด ถึงเลียบรถเข้าข้างทาง
แล้วลงมาดูเรา แต่ก็พูดจาไม่ดี หาว่าความผิดประมาทร่วม ผิดทั้งคู่ หัวหมออีกแน่ะ
ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่เรียกร้องอะไร พักสักอาทิตย์ก็คงหาย เอง แต่มาพูดจาอย่างนี้ โมโหจี๊ดเลยค่ะ
ขอโทษแบบไม่เต็มใจ เพราะเราว่าทักว่าไม่ขอโทษยังมาว่าเราอีก แล้วยังมาหัวหมออีกนะ
เราเปลี่ยนความคิดทันทีเลย ต้องเสียเวลากันล่ะ ดัดนิสัยเสียหน่อย
เลยให้เรียกบริษัทประกันมา เค้าก็ไม่เรียก
ให้เรียกตำรวจก็ไม่เรียก บอกว่า ป้อมอยู่ข้างหน้า ก็บอกว่า ป้อมนี้ ไม่มีตำรวจ อ้าว ยังไม่ได้ไปดู รู้ได้ไงว่าไม่มี ตำรวจ
สักพักตำรวจขี่มอไซด์มาจากด้านหลัง พอเห็นตำรวจมาก็หน้าเสีย พยายามเคลียร์ว่า ห่วงคนเจ็บ พาไปหาหมดทำแผลก่อน
ตำรวจคิดว่าเคลียร์กันได้ก็ ให้ เคลียร์กันเอง และ ให้เลื่อนรถเข้าข้างทาง เพื่อเปิดทางจราจร แล้วเลยไปเลย
ซึ่งเราเอะใจเรื่องไม่เรียกประกัน ตอนเค้าเลื่อนรถ เลยแอบถ่ายรูปไว้ค่ะ คงไม่รู้ตัวน่ะค่ะ
แล้วขยับรถเรา มา เจรจาต่อ เค้าก็ พยายามพูดแต่เรื่องให้ไปทำแผลก่อน หาหมอก่อน
เราเองก็ ชักรู้สึกเจ็บละ ตอนแรกยังชา ๆ อยู่ เริ่มบวม เห็นห้อเลือดละ ก็ เลยตกลง และ ได้นัดกันว่าให้ไปเจอกันที่คิลีนิกแถวนั้น
โดยเลี้ยวซ้ายเข้าแยกบางขุนนนท์ไป สัก หน่อย มีคลีนิค ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นร้าน คลังยา เจอกันที่คลินิค นั้น
เป็นอันเข้าใจกันดี แล้วจึงขี่มอไซด์ออกไปรอที่ คลินิคนั้น
สุดท้ายรอ อยู่ ครึ่งชั่วโมง คงขับหนีไปแล้ว คงไม่คิดว่าเราได้ถ่ายรูปไว้ คิดวว่าลอยนวลได้สินะ มิน่า
ให้เรียกประกันก็ไม่ยอมเรียก ให้เรียกตำรวจก็บ่ายเบี่ยง ขอบัตรประชาชน ใบขับขี่ก็ไม่ให้
บอกพร้อมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล ตำรวจมาก็บอกจะพาไปหาหมอ
คงกะชิ่งหนีแต่แรกที่ไม่ลงมาดูเราแล้วแต่รถติดไฟแดง ใช้เล่ห์ หนีไปหน้าด้าน ๆ
คราวนี้โกรธเลยค่ะ ไปแจ้งความเลย
แต่พี่ตั้มแกว่า คงนัดแล้วหากันไม่เจอ หึหึ คลินิคเลี้ยวไป 50 เมตร 100 เมตร ก็ถึง คงหลงมั้งค่ะพี่ตั้ม
เล่ายาวเลย ระบายหน่อย นะคะ (ดีนะของเยอะเลยเอาขาหนีบรถไว้ ไม่งั้นยื่นไปเยอะ โดนทั้งขาแน่เลยค่ะ ห่วงแต่แม่ กับ น้องหมา ถ้าเป็นอะไรไป ไม่รู้จะอยู่กันยังไง)
ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังค่ะ
ปล. แก้ไขคำผิด และ เรียบเรียง เพื่อน ๆ ติงว่าไม่ค่อยรู่เรื่องค่ะ
ประสบการณ์ เตือนใจ ชนแล้ว บอกห่วงคนเจ็บ ไปหาหมอทำแผลก่อน แล้วซิ่งหนีไป เอะใจถ่ายรูปรถไว้คงไม่รู้ตัวสินะ !
ที่กำลังจะเขียนเล่าต่อไปนี้ ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ประสบกับตัวเอง
อยากเล่าให้เป็นอุทาหรณ์ ข้อเตือนใจค่ะ คนเราเดี๋ยวนี้ ปากอย่าง ใจอย่าง
นะคะ จะได้รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมคนนิสัยไม่ดีค่ะ
เหตุเกิด เมื่อวานค่ะ วันจันทร์ ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา ประมาณ บ่าย สามโมงครึ่ง
ขณะขับขี่ มอเตอร์ไซด์ ออกจาก แมคโครจรัญ หลังจากซื้อไก่ ผัก ผลไม้ เพื่อมาทำอาหารให้ ลูก ๆ (น้องหมาชิสุห์ 2 ตัวที่ บ้าน ) กิน เพราะหมดสต็อคแล้ว พร้อมกับ บางกอก นิตยสารโปรดของแม่
ขอบรรยายสภาพช่องทางการจราจร นิดนะคะ เนื่องจาก ทางกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่
มีช่องทาง 2 เลน แต่มอเตอร์ไซด์ก็มักจะขับคร่อมช่องกลางกันเพราะเขยื้อนตัวได้คอนข้างช้า แบ่ง ๆ กันไปเป็นปกติ น่ะค่ะ
ขณะขับขี่อยู่ เลยทางรถไฟมาเล็กน้อย ตรงไฟแดงแยก บางขุนนนท์ ไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง รถจึงเริ่มหยุดชลอจอด กัน
ข้างหน้าเราทั้ง2 เลนหยุดแล้ว เราก็หยุด ข้างหลังเราทางช่องขวา ก็หยุด แต่รถทางช่องซ้ายเราซึ่งจอดแล้ว แต่เค้าไหลมาเรื่อย ๆไม่รู้เรื่องเลย จนกระทั่ง ไหลมาจน ยางล้อรถปืนขึ้นมาอยู่บนเท้าซ้ายที่เราวางที่พื้น แบบ หนีบกับตัวรถเพราะมีถึงผักอยู่ด้านหน้ากลัวผัก ผลไม้หล่นแม่ค้า ต้องร้องตะโกนให้ถอยกว่าจะได้ยิน ซึ่ง เราร้องลั่นเลย ให้ถอย คนที่เห็นเหตุการณืก็ช่วยกันตะโกน เหมือนคนขับ ไม่รู้เรื่อง กว่าจะถอยออก ล้อก็ค้างอยู่บนเท้าซ้ายของเรา อยู่ราว 10 วิได้
หลังจาก ที่ถอยรถออกพ้นเท้าเราได้ เค้าก็ไม่ลงมาดู
เราต้องเขยก เอารถจอดข้างทาง
แล้วเขยกไปดูที่กระจกรถเค้า เพราะรถตังติดไฟแดงอยู่ค่ะ
เค้าจึง ลดกระจกลงมา (คนขับเป็นผู้หญิงค่ะนั่งมาคนเดียว เห็นใส่หูฟังอยู่ด้วยค่ะ)
หน้าตาบูดบึ้งถามว่า พี่ขับรถยังไงเนี่ย ขับยังไงมาเบี่ยงเลนเบียดรถหนู
แทนที่จะถามเราสักนิดว่า เป็นอะไรมากมั๊ยพี่ บลา บลา ๆ
พูดอะไรก็ได้ที่มันน่าฟังมาก กว่ามา โยนความผิดให้เรา ทั้ง ๆ ที่เราก็จอดติดไฟแดงของเราอยู่ดีดี ไม่ได้วิ่งไปชนเค้าซะหน่อย
แหมปิ๊ดเลยค่ะ เราจอดด้านข้าง ตัวไหลมาทับยังมาว่าเราอีก เลยโต้ไปว่า ถ้าเบี่ยงเลนจริง พี่อยู่ข้างหน้าน้อง น้องชนกระเด็นไปแล้วค่ะ
แล้วเค้าก็ไม่ลงมาดู เราเลื่อนมอไซด์ไปจอดให้รถวิ่งไปได้ เพราะ เริ่มไฟเขียวแล้ว ระหว่างเขยก รถก็ล้มไปอีกเพราะขาข้างที่โดนเยียบ ยันไปแล้วมันเจ็บเลยล้ม คนขับมอไซด์ที่เห็น เค้ามาช่วยยกตั้งให้พร้อมของที่หล่นอยู่
คนขับรถที่เฉี่ยวเรา ก็ขับเลียบเลยไป ไม่ลงมาดูเราสักนิด
แต่รถมันยังเพิ่งเขยื้อนได้ช้า ๆ มอไซด์คันหน้าที่ช่วยยกเค้าเลยโบกให้จอด ถึงเลียบรถเข้าข้างทาง
แล้วลงมาดูเรา แต่ก็พูดจาไม่ดี หาว่าความผิดประมาทร่วม ผิดทั้งคู่ หัวหมออีกแน่ะ
ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่เรียกร้องอะไร พักสักอาทิตย์ก็คงหาย เอง แต่มาพูดจาอย่างนี้ โมโหจี๊ดเลยค่ะ
ขอโทษแบบไม่เต็มใจ เพราะเราว่าทักว่าไม่ขอโทษยังมาว่าเราอีก แล้วยังมาหัวหมออีกนะ
เราเปลี่ยนความคิดทันทีเลย ต้องเสียเวลากันล่ะ ดัดนิสัยเสียหน่อย
เลยให้เรียกบริษัทประกันมา เค้าก็ไม่เรียก
ให้เรียกตำรวจก็ไม่เรียก บอกว่า ป้อมอยู่ข้างหน้า ก็บอกว่า ป้อมนี้ ไม่มีตำรวจ อ้าว ยังไม่ได้ไปดู รู้ได้ไงว่าไม่มี ตำรวจ
สักพักตำรวจขี่มอไซด์มาจากด้านหลัง พอเห็นตำรวจมาก็หน้าเสีย พยายามเคลียร์ว่า ห่วงคนเจ็บ พาไปหาหมดทำแผลก่อน
ตำรวจคิดว่าเคลียร์กันได้ก็ ให้ เคลียร์กันเอง และ ให้เลื่อนรถเข้าข้างทาง เพื่อเปิดทางจราจร แล้วเลยไปเลย
ซึ่งเราเอะใจเรื่องไม่เรียกประกัน ตอนเค้าเลื่อนรถ เลยแอบถ่ายรูปไว้ค่ะ คงไม่รู้ตัวน่ะค่ะ
แล้วขยับรถเรา มา เจรจาต่อ เค้าก็ พยายามพูดแต่เรื่องให้ไปทำแผลก่อน หาหมอก่อน
เราเองก็ ชักรู้สึกเจ็บละ ตอนแรกยังชา ๆ อยู่ เริ่มบวม เห็นห้อเลือดละ ก็ เลยตกลง และ ได้นัดกันว่าให้ไปเจอกันที่คิลีนิกแถวนั้น
โดยเลี้ยวซ้ายเข้าแยกบางขุนนนท์ไป สัก หน่อย มีคลีนิค ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นร้าน คลังยา เจอกันที่คลินิค นั้น
เป็นอันเข้าใจกันดี แล้วจึงขี่มอไซด์ออกไปรอที่ คลินิคนั้น
สุดท้ายรอ อยู่ ครึ่งชั่วโมง คงขับหนีไปแล้ว คงไม่คิดว่าเราได้ถ่ายรูปไว้ คิดวว่าลอยนวลได้สินะ มิน่า
ให้เรียกประกันก็ไม่ยอมเรียก ให้เรียกตำรวจก็บ่ายเบี่ยง ขอบัตรประชาชน ใบขับขี่ก็ไม่ให้
บอกพร้อมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล ตำรวจมาก็บอกจะพาไปหาหมอ
คงกะชิ่งหนีแต่แรกที่ไม่ลงมาดูเราแล้วแต่รถติดไฟแดง ใช้เล่ห์ หนีไปหน้าด้าน ๆ
คราวนี้โกรธเลยค่ะ ไปแจ้งความเลย
แต่พี่ตั้มแกว่า คงนัดแล้วหากันไม่เจอ หึหึ คลินิคเลี้ยวไป 50 เมตร 100 เมตร ก็ถึง คงหลงมั้งค่ะพี่ตั้ม
เล่ายาวเลย ระบายหน่อย นะคะ (ดีนะของเยอะเลยเอาขาหนีบรถไว้ ไม่งั้นยื่นไปเยอะ โดนทั้งขาแน่เลยค่ะ ห่วงแต่แม่ กับ น้องหมา ถ้าเป็นอะไรไป ไม่รู้จะอยู่กันยังไง)
ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังค่ะ
ปล. แก้ไขคำผิด และ เรียบเรียง เพื่อน ๆ ติงว่าไม่ค่อยรู่เรื่องค่ะ