รูปแรกของโฮเซหลังจากที่มาถึงเกาะ marshall เขาดูสมบูรณ์กว่าที่คาดเอาไว้แต่หมอได้สันนิษฐานว่าร่างกายอาจเกิดการบวมขึ้น
จากการได้รับแสงแดดมากเกินไป
เขาล่องลอยอยู่กลางทะเลในเรือ 24 ฟุตนาน 14 เดือน โดยระยะทางนั้นราวๆ 8000 ไมล์ สุดท้ายแล้วก็พยายามลากตัวเองให้มาถึงฝั่งจนได้
ทีมแพทย์ช่วยโฮเซเดินออกจากเรือช่วยเหลือเพื่อนำเขาไปที่รพ. หมอบอกว่า ความดันโลหิตต่ำนิดหน่อย
แต่นอกเหนือจากนั้นก็แข็งแรงดีเทียบกับสิ่งที่เขาได้พบเจอมา
โฮเซบอกว่า คนอื่นๆที่ไปกับเขาด้วยตายไปตั้งแต่สี่อาทิตย์แรก เขามีอายุประมาน 15 - 18 ปี
จาก เอล ซาวาดอร์ (ที่ที่เขาออกเรือในตอนแรก) เมกซิโก เขาถูกกระแสน้ำพัดไปถึงเกาะ marshall
โฮเซยกนิ้วขึ้นให้กับนักข่าวแล้วพูดว่า 'ผมทำได้แล้ว' แล้วยิ้มอย่างไม่ยอมแพ้
เขาบอกว่า ความคิดของเขาที่นึกถึงครอบครัว พระเจ้า และการคิดดีว่าเขาจะรอด ทำให้เขามาถึงวันนี้ได้
"ผมจำอะไรได้ไม่ค่อยมาก จำได้แต่เพียง ทะเล.. ทะเล... ทะเล"
ชายหนุ่มคนนี้ นาม
'Jose Salvador Alvarenga' (โฮเซ ซาลวาดอร์ อัลวาเรงก้า)
เป็นชาวประมงที่ล่องเรือออกไปในมหาสมุทรปาซิฟิกเพื่อไปจับปลาตามปกติ
แต่ในคราวนี้กระแสน้ำได้พัดเขาไปกลางมหาสมุทรปาซิฟิกพร้อมกับคลื่นพายุลมแรง
สุดท้ายแล้วเครื่องยนต์ของเรือก็ดับไปในวันที่ 31 ธันวาคม 2012 เหลือไว้แต่ลูกเรือที่เดินทางไปกับเขาด้วยสองสามคน
โฮเซต้องทนดูเพื่อนของเขาที่ต้องทุกข์ทรมานตายอย่างช้าๆในแสงแดดที่รุนแรงนี่
กับที่เพื่อนของเขาต้องอาเจียนเอาอาหารดิบที่ต้องฝืนทนกินออกมา เพราะคนอื่นๆไม่สามารถทนรับอาหารดิบๆสดๆได้
หลังจากนั้นโฮเซก็ต้องทนอยู่กลางทะเลโดยมีมีดแค่หนึ่งเล่มกับที่เล็กๆที่คอยกันแสงแดดให้เขาได้
เขาเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ทำไม่ได้ จึงภาวนาขอพรถึงพระเจ้าแทน เขาเชื่อว่าพระเจ้าจะปกป้องเขาได้
โฮเซบอกว่า เขาต้องจับเต่ามาแล้วกินเลือดของมันเพื่อให้มีน้ำได้ไปหล่อเลี้ยงในร่างกาย แล้วก็ต้องทนกินฉี่ของตัวเองอีกด้วย
เขาจับนกตกปลาขึ้นมาเพื่อกินเนื้อของมัน
"ผมจับปลามาเพื่อกินเนื้อของมัน แล้วเมื่อจับฉลามตัวเล็กๆมาได้ก็ดี ผมรู้เรื่องฉลาม ผมจับมันอยู่ตลอดเวลา"
"ผมไม่รู้เรื่องมหาสมุทรเลย ส่วนมากก็จะอยู่แต่ที่ริมฝั่งเมกซิโก ไม่เคยออกมาไกลกว่านั้น"
หลายๆคนอาจถามว่า เขายึดสติของเขาอยู่ได้ยังไง
"เวลาผมจะกินจะดื่ม ผมทำให้จิตใจตื่นตัวแล้วก็สวดมนตร์ สวดขอบคุณปลาที่ทำให้ผมได้มีอาหารกิน
ผมนึกถึงพระเจ้าอยู่เสมอ สวดอ้อนวอนให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป"
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขามีกำลังอยู่ต่อไปก็คือครอบครัวของเขา
"ผมนึกถึงครอบครัวของผมตลอดเวลา ภรรยาและลูกสาววัยสิบขวบ
คิดว่าพวกเขาคงจะคิดถึงเขาและคิดว่าเขาตายไปแล้วแน่ๆ ผมอยากจะโทรหาเขาแต่จำเบอร์หรือหมู่บ้านไม่ได้
ผมดีใจมากที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง"
เมื่อเรือของโฮเซมาชนติดราวปะการัง เขาก็กระโดดลงน้ำแล้วว่ายเข้าสู่ฝั่ง เมื่อคิดได้ว่าจะเจอพื้นดิน เขาก็มีกำลังที่จะทำแบบนั้น
เมื่อมาถึงก็ไปพักอยู่ใต้ต้นมะพร้าวจนหญิงสาวสองคนมาเจอเข้า แล้วตกใจกับผิวที่ถูกแสงแดดเผา
กับกางเกงขาดๆที่ถูกความเค็มของน้ำทะเลกัดกิน แล้วทั้งสองก็พาเขาเข้าหมู่บ้านไป เอาเสื้อผ้าให้ใส่แล้วหาน้ำสะอาดให้ดื่ม
จนคนหนึ่งในหมู่บ้านก็นึกได้ถึงหนัง
castaway ที่ 'ทอม แฮงค์ส' แสดง เขาจึงรู้
เรื่องราวของโฮเซดังไปทั่วโลก หลายๆข่าวดังออกมาว่าติดอยู่กลางทะเลนาน 16 เดือน แต่สภาพร่างกายของเขาดูแข็งแรงกว่าที่คิด
หมอบอกว่า อาจมีผลมาจาก
edema (เอดีม่า) ซึ่งก็คือผลจากการได้รับแสงอาทิตย์มากเกินไปทำให้ตัวพอง และเกลือ
ท่าทางการเดินของเขาดูง่อนๆแง่นๆ แต่คาดว่านั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาที่แท้จริงคืออาการทางจิตของเขามากกว่า
จากการที่ต้องมองดูเพื่อนของเขาตายอย่างช้าๆ ไม่มีอาหารกิน ขาดน้ำ อยู่ในแสงอาทิตย์นานเกินไป ร้อนๆกลางวัน หนาวๆกลางคืน
และยิ่งแย่กว่านั้นคือต้องเป็นแบบนี้นานกว่าหนึ่งปี
หมอบอกว่า ที่เขามีสภาพที่ดีแบบนี้อาจเป็นเพราะเขาหาอะไรมากินได้เท่าที่จะทำได้
เลือดเต่ามีวิตามินและโปรตีนเทียบเท่ากับอาหารเช้าของอเมริกาเลยทีเดียว (ไข่กับเสต๊ก)
แต่ก็ยังแทนที่ของน้ำฝนไม่ได้ อีกทั้งยังเชื่อว่าเขากินลูกตาของเต่าอีกด้วย เพราะมันเต็มไปด้วยน้ำจืดที่สามารถกินได้
อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาสามารถทนกินอาหารดิบๆได้จึงทำให้เขารอดมาได้ ในขณะที่ลูกเรือคนอื่นๆอาเจียนมันออกมา
มีหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เพราะจากสภาพของเขาที่ดูดีเกินกว่าคนอื่นๆที่เคยเจอเรื่องแบบนี้
และเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อถือที่โฮเซเล่าให้ฟัง
แล้วคุณคิดว่าไงกันคะ ?
จริงหรือเท็จ?? Castaway ติดกลางทะเลปาซิฟิกนาน 14 เดือน กลับมาได้อย่างปาฏิหารย์!!!
รูปแรกของโฮเซหลังจากที่มาถึงเกาะ marshall เขาดูสมบูรณ์กว่าที่คาดเอาไว้แต่หมอได้สันนิษฐานว่าร่างกายอาจเกิดการบวมขึ้น
จากการได้รับแสงแดดมากเกินไป
เขาล่องลอยอยู่กลางทะเลในเรือ 24 ฟุตนาน 14 เดือน โดยระยะทางนั้นราวๆ 8000 ไมล์ สุดท้ายแล้วก็พยายามลากตัวเองให้มาถึงฝั่งจนได้
ทีมแพทย์ช่วยโฮเซเดินออกจากเรือช่วยเหลือเพื่อนำเขาไปที่รพ. หมอบอกว่า ความดันโลหิตต่ำนิดหน่อย
แต่นอกเหนือจากนั้นก็แข็งแรงดีเทียบกับสิ่งที่เขาได้พบเจอมา
โฮเซบอกว่า คนอื่นๆที่ไปกับเขาด้วยตายไปตั้งแต่สี่อาทิตย์แรก เขามีอายุประมาน 15 - 18 ปี
จาก เอล ซาวาดอร์ (ที่ที่เขาออกเรือในตอนแรก) เมกซิโก เขาถูกกระแสน้ำพัดไปถึงเกาะ marshall
โฮเซยกนิ้วขึ้นให้กับนักข่าวแล้วพูดว่า 'ผมทำได้แล้ว' แล้วยิ้มอย่างไม่ยอมแพ้
เขาบอกว่า ความคิดของเขาที่นึกถึงครอบครัว พระเจ้า และการคิดดีว่าเขาจะรอด ทำให้เขามาถึงวันนี้ได้
"ผมจำอะไรได้ไม่ค่อยมาก จำได้แต่เพียง ทะเล.. ทะเล... ทะเล"
ชายหนุ่มคนนี้ นาม 'Jose Salvador Alvarenga' (โฮเซ ซาลวาดอร์ อัลวาเรงก้า)
เป็นชาวประมงที่ล่องเรือออกไปในมหาสมุทรปาซิฟิกเพื่อไปจับปลาตามปกติ
แต่ในคราวนี้กระแสน้ำได้พัดเขาไปกลางมหาสมุทรปาซิฟิกพร้อมกับคลื่นพายุลมแรง
สุดท้ายแล้วเครื่องยนต์ของเรือก็ดับไปในวันที่ 31 ธันวาคม 2012 เหลือไว้แต่ลูกเรือที่เดินทางไปกับเขาด้วยสองสามคน
โฮเซต้องทนดูเพื่อนของเขาที่ต้องทุกข์ทรมานตายอย่างช้าๆในแสงแดดที่รุนแรงนี่
กับที่เพื่อนของเขาต้องอาเจียนเอาอาหารดิบที่ต้องฝืนทนกินออกมา เพราะคนอื่นๆไม่สามารถทนรับอาหารดิบๆสดๆได้
หลังจากนั้นโฮเซก็ต้องทนอยู่กลางทะเลโดยมีมีดแค่หนึ่งเล่มกับที่เล็กๆที่คอยกันแสงแดดให้เขาได้
เขาเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ทำไม่ได้ จึงภาวนาขอพรถึงพระเจ้าแทน เขาเชื่อว่าพระเจ้าจะปกป้องเขาได้
โฮเซบอกว่า เขาต้องจับเต่ามาแล้วกินเลือดของมันเพื่อให้มีน้ำได้ไปหล่อเลี้ยงในร่างกาย แล้วก็ต้องทนกินฉี่ของตัวเองอีกด้วย
เขาจับนกตกปลาขึ้นมาเพื่อกินเนื้อของมัน
"ผมจับปลามาเพื่อกินเนื้อของมัน แล้วเมื่อจับฉลามตัวเล็กๆมาได้ก็ดี ผมรู้เรื่องฉลาม ผมจับมันอยู่ตลอดเวลา"
"ผมไม่รู้เรื่องมหาสมุทรเลย ส่วนมากก็จะอยู่แต่ที่ริมฝั่งเมกซิโก ไม่เคยออกมาไกลกว่านั้น"
หลายๆคนอาจถามว่า เขายึดสติของเขาอยู่ได้ยังไง
"เวลาผมจะกินจะดื่ม ผมทำให้จิตใจตื่นตัวแล้วก็สวดมนตร์ สวดขอบคุณปลาที่ทำให้ผมได้มีอาหารกิน
ผมนึกถึงพระเจ้าอยู่เสมอ สวดอ้อนวอนให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป"
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขามีกำลังอยู่ต่อไปก็คือครอบครัวของเขา
"ผมนึกถึงครอบครัวของผมตลอดเวลา ภรรยาและลูกสาววัยสิบขวบ
คิดว่าพวกเขาคงจะคิดถึงเขาและคิดว่าเขาตายไปแล้วแน่ๆ ผมอยากจะโทรหาเขาแต่จำเบอร์หรือหมู่บ้านไม่ได้
ผมดีใจมากที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง"
เมื่อเรือของโฮเซมาชนติดราวปะการัง เขาก็กระโดดลงน้ำแล้วว่ายเข้าสู่ฝั่ง เมื่อคิดได้ว่าจะเจอพื้นดิน เขาก็มีกำลังที่จะทำแบบนั้น
เมื่อมาถึงก็ไปพักอยู่ใต้ต้นมะพร้าวจนหญิงสาวสองคนมาเจอเข้า แล้วตกใจกับผิวที่ถูกแสงแดดเผา
กับกางเกงขาดๆที่ถูกความเค็มของน้ำทะเลกัดกิน แล้วทั้งสองก็พาเขาเข้าหมู่บ้านไป เอาเสื้อผ้าให้ใส่แล้วหาน้ำสะอาดให้ดื่ม
จนคนหนึ่งในหมู่บ้านก็นึกได้ถึงหนัง castaway ที่ 'ทอม แฮงค์ส' แสดง เขาจึงรู้
เรื่องราวของโฮเซดังไปทั่วโลก หลายๆข่าวดังออกมาว่าติดอยู่กลางทะเลนาน 16 เดือน แต่สภาพร่างกายของเขาดูแข็งแรงกว่าที่คิด
หมอบอกว่า อาจมีผลมาจาก edema (เอดีม่า) ซึ่งก็คือผลจากการได้รับแสงอาทิตย์มากเกินไปทำให้ตัวพอง และเกลือ
ท่าทางการเดินของเขาดูง่อนๆแง่นๆ แต่คาดว่านั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาที่แท้จริงคืออาการทางจิตของเขามากกว่า
จากการที่ต้องมองดูเพื่อนของเขาตายอย่างช้าๆ ไม่มีอาหารกิน ขาดน้ำ อยู่ในแสงอาทิตย์นานเกินไป ร้อนๆกลางวัน หนาวๆกลางคืน
และยิ่งแย่กว่านั้นคือต้องเป็นแบบนี้นานกว่าหนึ่งปี
หมอบอกว่า ที่เขามีสภาพที่ดีแบบนี้อาจเป็นเพราะเขาหาอะไรมากินได้เท่าที่จะทำได้
เลือดเต่ามีวิตามินและโปรตีนเทียบเท่ากับอาหารเช้าของอเมริกาเลยทีเดียว (ไข่กับเสต๊ก)
แต่ก็ยังแทนที่ของน้ำฝนไม่ได้ อีกทั้งยังเชื่อว่าเขากินลูกตาของเต่าอีกด้วย เพราะมันเต็มไปด้วยน้ำจืดที่สามารถกินได้
อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาสามารถทนกินอาหารดิบๆได้จึงทำให้เขารอดมาได้ ในขณะที่ลูกเรือคนอื่นๆอาเจียนมันออกมา
มีหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เพราะจากสภาพของเขาที่ดูดีเกินกว่าคนอื่นๆที่เคยเจอเรื่องแบบนี้
และเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อถือที่โฮเซเล่าให้ฟัง
แล้วคุณคิดว่าไงกันคะ ?