บทความเรื่องนี้เขียนโดยคุณพ่อซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตกับการศึกษาศาสตร์ที่เร้นลับอย่างเช่นโหราศาสตร์ ผ่านการเวลา ผ่านการผูกดวงและสังเกตครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ตกผลึกความคิดเกี่ยวกับการวางลัคนาซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์แก่คนที่สนใจศึกษาโหราศาสตร์ต่อไป ดังนี้ค่ะ
ปล.หากท่านผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัย อยากถามคำถาม หรือพูดคุยปรึกษา เชิญได้ที่
https://lakkanaa.blogspot.com
facebook: สัก กัจจะ
วางลัคนาให้ถูกต้องราศีไหนดี
ปัจจุบันอาชีพหมอดูเจริญรุ่งเรือง หมอดูขายดิบขายดี คนไทยชอบดูหมอ ใครๆก็อยากทราบวิถีชีวิตของตนเอง อดีตเป็นอย่างไร ปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตเป็นอย่างไร ครอบครัวเป็นอย่างไร บุตรธิดาเป็นอย่างไร มีบ้านเล็กบ้านน้อยกี่หลัง ทำอาชีพอะไรดี มีทรัพย์สมบัติกี่หมื่นกี่แสนล้าน ลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ตายที่ไหน ดีหรือร้าย สารพันปัญหา หมอดูรู้หมดพยากรณ์ได้ทุกเรื่อง ยิ่งไปกว่านี้หมอดูบางท่านมีความรู้พิเศษสามารถแก้กรรมได้ด้วย น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ต่างจากหมอรักษาโรคอย่างฟ้ากับดิน ศึกษาวิชาการแพทย์มาโดยเฉพาะ ค้นคว้ามีประสพการยาวนานชั่วชีวิต หลายครั้งรักษาช่วยชีวิตคนป่วยไว้ไม่ได้ ทั้งๆที่ได้พยายามอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ และขัดจากหลักธรรมที่ว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
การพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ เป็นการพยากรณ์โดยอาศัยตำแหน่งการโคจรของดวงดาวในท้องฟ้าประกอบกับการโคจรหมุนรอบตัวเองของโลกเป็นปัจจัยที่สำคัญ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มาจากเวลาตกฟากเป็นข้อมูลเบื้องต้น แล้วบันทึกเป็นรูปภาพเพื่อใช้เป็นหลักในการอ่านดวงชะตาตามทฤษฎีหรือกฏเกณฑ์ของวิชาโหราศาสตร์ หมอดูนอกจากต้องรู้ทฤษฎีหรือหลักการอ่านดวงชะตาที่ถูกต้องแล้ว ต้องมีรูปภาพหรือดวงชะตาที่สมบูรณ์ให้อ่านด้วย ถ้าไม่มีดวงชะตาก็ไม่ใช่โหราศาสตร์ บางครั้งได้เวลาตกฟากที่แน่นอนพร้อมสถานที่ที่ชัดเจน แต่ผู้พยากรณ์สมผุสดาวพระเคราะห์หรือวางลัคนาไม่ถูกต้องตรงกับฟ้องฟ้าจริงๆ รูปภาพหรือที่เรียกว่าดวงชะตานั้นก็ต้องไม่ถูกต้องเป็นธรรมดา แล้วจะใช้หลักเกณฑ์อะไรมาเป็นคำพยากรณ์ที่แม่นยำซึ่งมีร้อยแปดพันเรื่อง ถ้าหากเป็นดวงฤกษ์ ก็จะให้ผลไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์
สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์อรรควรราชกุมารี (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์)
ที่ ๑. ในสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
ประสูติเมื่อวันจันทร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีขาล สัมฤทธิศก จ.ศ. ๑๒๔๐ ตรงกับวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๒๑ เวลา ๒๓.๑๑ นาฬิกา
สิ้นพระชนม์เมื่อวันจันทร์ เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำ ปีมะโรง โทศก จ.ศ.๑๒๔๒ ตรงกับวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๓ เวลาประมาณ ๙.๒๐ นาฬิกา พระชันษา ๑ ปี ๙ เดือน ๒๐ วัน โดยอุบัติเหตุ เรือพระประเทียบล่ม ณ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกล็ด จังหวัดนนทบุรี (ปัจจุบันนี้ คือ วัดกู้) สิ้นประชนม์พร้อมพระบรมราชชนนี (สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี หรือที่ชาวบ้านเรียกพระนามว่า สมเด็จพระนางเรือล่ม)
เมื่อเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ประสูติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดีพระทัยถึงกับทรงพระราชหัตถ์บันทึกไว้ ในพระราชกิจรายวัน ตอนหนึ่งว่า
วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐
ฯ ล ฯ
๙ เวลา ๔ ทุ่ม พระองค์เจ้าสุนันทาประชวรครรภ์ เสด็จลงประทับที่ตำหนักจันทร รุ่งยังไม่ประสูติ
วันจันทร์ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิศก ๑๒๔๐
๑ ประทับอยู่ที่ตำหนักพระองค์เจ้าสุนันทา ได้เข้าที่เมื่อจวนรุ่ง จน ๕ โมง
ฯ ล ฯ
๕ เวลา ๕ ทุ่ม ๑๑ นาที กับ ๒๔ วินาที พระองค์เจ้าสุนันทาประสูติพระราชบุตรี
๖ มีพระราชหัตถ์ถึงเสด็จที่วัดขอรับประทานดวงพระชันษา (วันนี้ เป็นวันจตุสไดด้วย)
วันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐
ฯ ล ฯ
๔ ค่ำวันนี้ เราไปเฝ้าสมเด็จกรมพระทรงด้วยเรื่องพระลักขณาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ใหม่
วันพุธแรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิศก ๑๒๔๐
๑ หมื่นนเรศวรเฝ้าทูลด้วยสมเด็จกรมพระรับสั่งว่า พระลักขณาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงที่ประสูติใหม่นั้น เดิมวันประสูติท่านคิดว่าสถิตราศีมีน แต่ครั้นไปสอบมหานาทีดูว่าสถิตอยู่ราศีเมษ กับนาฬิกาที่ถวายมานั้น เป็นวันเต็มหว่างลักขณาต้องใช้เป็นเอปริลไตม์ ว่าท่านจดหมายมาที่ท่านเทวัญนั้นความสั้นนัก ไม่ใคร่จะเข้าใจ ครั้นทำสอบเข้าก็ยังตกอยู่ราศีมีน ประการหนึ่งเป็นที่สงสัย ที่เวลาเป็น ๑๗ มินิตน้อยเข้าแล้ว ทำไมถึงเลื่อนไปราศีเมษ กับเวลาที่ใช้แต่ก่อนนี้ก็ใช้มินไตม์
วันพฤหัสบดีแรม ๒ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐
ฯ ล ฯ
๔ สมเด็จกรมพระจดหมายถวายว่าด้วยลักขณาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงประสูติใหม่ ท่านได้หาหลวงโลกทีป ขุนเทพพยากรณ์ มาคำนวณตามมหานาทีถูกต้องกัน พระลักขณาสถิตราศีเมษ เสวยนวางค์ ๒ ที่ ๔ ตรียางค์ ๑ ทรงพระเจริญพระชนมายุ
วันศุกร์แรม ๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิศก ๑๒๔๐
๑ เช้า ๔ โมง กรมหมื่นนเรศไปเฝ้าเสด็จที่วัด ท่านรับสั่งว่า ท่านทำตำราหนึ่ง ไม่เหมือนกัน ท่านทำตามอันโตนาที ถ้าทำตามมหานาทีแล้วก็ต้องผิด ท่านทำถวายมาแต่ก่อนๆ ก็อันโตนาทีทั้งนั้น ถึงถวายฤกษ์ก็ได้ถวายด้วยอันโตนาที ถึงดวงเก่าๆ สอบดูเขาก็ลงด้วยอันโตนาทีทั้งนั้น ผิดอยู่ ๒ ดวง คือหม่อมไกรษรทำดูอยู่ตุล แต่เจ้าของว่าอยู่พิจิก อีกดวงหนึ่งเจ้าพระยาธราภัยทำดูอยู่พฤษภ เจ้าของว่าอยู่เมษ ถึงตำราทูลกระหม่อมท่านก็ทรงอย่างนี้ ท่านได้ลงดวงองค์จิตรเจริญไปครั้งหนึ่งผิด เพราะทรงจดเวลามาไม่ทรงเข้าพระทัยถนัดกลางวันเป็นกลางคืน กริ้วท่านทรงจดตำราประทานมาก็ถูกกัน ก็ครั้งนี้แล้วแต่จะทรงโปรดอย่างไหน ท่านตัดสินไม่ได้ ครั้นกรมหมื่นนเรศมาถวาย ก็ทรงว่าเมื่อถูกทั้ง ๒ อย่าง คนละตำราก็ต้องใช้ทั้ง ๒ อย่าง จึงทรงลงพระราชหัตถ์ในลายพระหัตถ์สมเด็จว่า เป็นตำรามหานาทีของสมเด็จกรมพระทรง
การวางลัคนาในวิชาโหราศาสตร์ไทยเป็นปัญหาถกเฉียงกันตลอดมา เป็นปัญหาสำคัญอย่างยิ่งที่เรื้อรังยาวนานที่ยังไม่ได้สะสางหรือแก้ไข
ปัจจุบันวิชาโหราศาสตร์นับว่าได้ก้าวหน้าไปไกลมาก มีผู้รู้มากมาย การคำนวณดวงขะตาไม่ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน มีเครื่องมือเป็นตัวช่วยที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็วและแม่นยำ ถ้าจะช่วยกันวิเคราะห์ว่าลัคนาที่แท้จริงนั้นซ่อนอยู่ที่ใด โดยใช้ดวงชะตาที่ได้เวลาตกฟากที่แน่นอน มีเหตุการณ์ประวัติโดดเด่นชัดเจนมาทำการวิเคราะห์หาข้อยุติ น่าจะไม่ยากนัก
ดวงชะตาสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ เป็นดวงชะตาที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง พระลัคนาอยู่ราศีเมษหรือราศีมีน ยังเป็นปัญหามืดแปดด้าน ขอเชิญนักโหราศาสตร์ที่ใจดีช่วยกันวิเคราะห์ให้ชัดเจน เพื่อเป็นคุณประโยชน์แก่ผู้ใคร่ศึกษาหรือค้นคว้าวิชาโหราศาสตร์ไทยในอนาคต จะไม่เป็น "ตาบอดคลำช้าง" จะไม่หลงทางต่อไป
วางลัคนาให้ถูกต้องราศีไหนดี
ปล.หากท่านผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัย อยากถามคำถาม หรือพูดคุยปรึกษา เชิญได้ที่
https://lakkanaa.blogspot.com
facebook: สัก กัจจะ
วางลัคนาให้ถูกต้องราศีไหนดี
ปัจจุบันอาชีพหมอดูเจริญรุ่งเรือง หมอดูขายดิบขายดี คนไทยชอบดูหมอ ใครๆก็อยากทราบวิถีชีวิตของตนเอง อดีตเป็นอย่างไร ปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตเป็นอย่างไร ครอบครัวเป็นอย่างไร บุตรธิดาเป็นอย่างไร มีบ้านเล็กบ้านน้อยกี่หลัง ทำอาชีพอะไรดี มีทรัพย์สมบัติกี่หมื่นกี่แสนล้าน ลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ตายที่ไหน ดีหรือร้าย สารพันปัญหา หมอดูรู้หมดพยากรณ์ได้ทุกเรื่อง ยิ่งไปกว่านี้หมอดูบางท่านมีความรู้พิเศษสามารถแก้กรรมได้ด้วย น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ต่างจากหมอรักษาโรคอย่างฟ้ากับดิน ศึกษาวิชาการแพทย์มาโดยเฉพาะ ค้นคว้ามีประสพการยาวนานชั่วชีวิต หลายครั้งรักษาช่วยชีวิตคนป่วยไว้ไม่ได้ ทั้งๆที่ได้พยายามอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ และขัดจากหลักธรรมที่ว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
การพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ เป็นการพยากรณ์โดยอาศัยตำแหน่งการโคจรของดวงดาวในท้องฟ้าประกอบกับการโคจรหมุนรอบตัวเองของโลกเป็นปัจจัยที่สำคัญ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มาจากเวลาตกฟากเป็นข้อมูลเบื้องต้น แล้วบันทึกเป็นรูปภาพเพื่อใช้เป็นหลักในการอ่านดวงชะตาตามทฤษฎีหรือกฏเกณฑ์ของวิชาโหราศาสตร์ หมอดูนอกจากต้องรู้ทฤษฎีหรือหลักการอ่านดวงชะตาที่ถูกต้องแล้ว ต้องมีรูปภาพหรือดวงชะตาที่สมบูรณ์ให้อ่านด้วย ถ้าไม่มีดวงชะตาก็ไม่ใช่โหราศาสตร์ บางครั้งได้เวลาตกฟากที่แน่นอนพร้อมสถานที่ที่ชัดเจน แต่ผู้พยากรณ์สมผุสดาวพระเคราะห์หรือวางลัคนาไม่ถูกต้องตรงกับฟ้องฟ้าจริงๆ รูปภาพหรือที่เรียกว่าดวงชะตานั้นก็ต้องไม่ถูกต้องเป็นธรรมดา แล้วจะใช้หลักเกณฑ์อะไรมาเป็นคำพยากรณ์ที่แม่นยำซึ่งมีร้อยแปดพันเรื่อง ถ้าหากเป็นดวงฤกษ์ ก็จะให้ผลไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์
สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์อรรควรราชกุมารี (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์)
ที่ ๑. ในสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
ประสูติเมื่อวันจันทร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีขาล สัมฤทธิศก จ.ศ. ๑๒๔๐ ตรงกับวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๒๑ เวลา ๒๓.๑๑ นาฬิกา
สิ้นพระชนม์เมื่อวันจันทร์ เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำ ปีมะโรง โทศก จ.ศ.๑๒๔๒ ตรงกับวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๓ เวลาประมาณ ๙.๒๐ นาฬิกา พระชันษา ๑ ปี ๙ เดือน ๒๐ วัน โดยอุบัติเหตุ เรือพระประเทียบล่ม ณ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกล็ด จังหวัดนนทบุรี (ปัจจุบันนี้ คือ วัดกู้) สิ้นประชนม์พร้อมพระบรมราชชนนี (สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี หรือที่ชาวบ้านเรียกพระนามว่า สมเด็จพระนางเรือล่ม)
เมื่อเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ประสูติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดีพระทัยถึงกับทรงพระราชหัตถ์บันทึกไว้ ในพระราชกิจรายวัน ตอนหนึ่งว่า
วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐
ฯ ล ฯ
๙ เวลา ๔ ทุ่ม พระองค์เจ้าสุนันทาประชวรครรภ์ เสด็จลงประทับที่ตำหนักจันทร รุ่งยังไม่ประสูติ
วันจันทร์ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิศก ๑๒๔๐
๑ ประทับอยู่ที่ตำหนักพระองค์เจ้าสุนันทา ได้เข้าที่เมื่อจวนรุ่ง จน ๕ โมง
ฯ ล ฯ
๕ เวลา ๕ ทุ่ม ๑๑ นาที กับ ๒๔ วินาที พระองค์เจ้าสุนันทาประสูติพระราชบุตรี
๖ มีพระราชหัตถ์ถึงเสด็จที่วัดขอรับประทานดวงพระชันษา (วันนี้ เป็นวันจตุสไดด้วย)
วันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐
ฯ ล ฯ
๔ ค่ำวันนี้ เราไปเฝ้าสมเด็จกรมพระทรงด้วยเรื่องพระลักขณาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ใหม่
วันพุธแรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิศก ๑๒๔๐
๑ หมื่นนเรศวรเฝ้าทูลด้วยสมเด็จกรมพระรับสั่งว่า พระลักขณาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงที่ประสูติใหม่นั้น เดิมวันประสูติท่านคิดว่าสถิตราศีมีน แต่ครั้นไปสอบมหานาทีดูว่าสถิตอยู่ราศีเมษ กับนาฬิกาที่ถวายมานั้น เป็นวันเต็มหว่างลักขณาต้องใช้เป็นเอปริลไตม์ ว่าท่านจดหมายมาที่ท่านเทวัญนั้นความสั้นนัก ไม่ใคร่จะเข้าใจ ครั้นทำสอบเข้าก็ยังตกอยู่ราศีมีน ประการหนึ่งเป็นที่สงสัย ที่เวลาเป็น ๑๗ มินิตน้อยเข้าแล้ว ทำไมถึงเลื่อนไปราศีเมษ กับเวลาที่ใช้แต่ก่อนนี้ก็ใช้มินไตม์
วันพฤหัสบดีแรม ๒ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐
ฯ ล ฯ
๔ สมเด็จกรมพระจดหมายถวายว่าด้วยลักขณาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงประสูติใหม่ ท่านได้หาหลวงโลกทีป ขุนเทพพยากรณ์ มาคำนวณตามมหานาทีถูกต้องกัน พระลักขณาสถิตราศีเมษ เสวยนวางค์ ๒ ที่ ๔ ตรียางค์ ๑ ทรงพระเจริญพระชนมายุ
วันศุกร์แรม ๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิศก ๑๒๔๐
๑ เช้า ๔ โมง กรมหมื่นนเรศไปเฝ้าเสด็จที่วัด ท่านรับสั่งว่า ท่านทำตำราหนึ่ง ไม่เหมือนกัน ท่านทำตามอันโตนาที ถ้าทำตามมหานาทีแล้วก็ต้องผิด ท่านทำถวายมาแต่ก่อนๆ ก็อันโตนาทีทั้งนั้น ถึงถวายฤกษ์ก็ได้ถวายด้วยอันโตนาที ถึงดวงเก่าๆ สอบดูเขาก็ลงด้วยอันโตนาทีทั้งนั้น ผิดอยู่ ๒ ดวง คือหม่อมไกรษรทำดูอยู่ตุล แต่เจ้าของว่าอยู่พิจิก อีกดวงหนึ่งเจ้าพระยาธราภัยทำดูอยู่พฤษภ เจ้าของว่าอยู่เมษ ถึงตำราทูลกระหม่อมท่านก็ทรงอย่างนี้ ท่านได้ลงดวงองค์จิตรเจริญไปครั้งหนึ่งผิด เพราะทรงจดเวลามาไม่ทรงเข้าพระทัยถนัดกลางวันเป็นกลางคืน กริ้วท่านทรงจดตำราประทานมาก็ถูกกัน ก็ครั้งนี้แล้วแต่จะทรงโปรดอย่างไหน ท่านตัดสินไม่ได้ ครั้นกรมหมื่นนเรศมาถวาย ก็ทรงว่าเมื่อถูกทั้ง ๒ อย่าง คนละตำราก็ต้องใช้ทั้ง ๒ อย่าง จึงทรงลงพระราชหัตถ์ในลายพระหัตถ์สมเด็จว่า เป็นตำรามหานาทีของสมเด็จกรมพระทรง
การวางลัคนาในวิชาโหราศาสตร์ไทยเป็นปัญหาถกเฉียงกันตลอดมา เป็นปัญหาสำคัญอย่างยิ่งที่เรื้อรังยาวนานที่ยังไม่ได้สะสางหรือแก้ไข
ปัจจุบันวิชาโหราศาสตร์นับว่าได้ก้าวหน้าไปไกลมาก มีผู้รู้มากมาย การคำนวณดวงขะตาไม่ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน มีเครื่องมือเป็นตัวช่วยที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็วและแม่นยำ ถ้าจะช่วยกันวิเคราะห์ว่าลัคนาที่แท้จริงนั้นซ่อนอยู่ที่ใด โดยใช้ดวงชะตาที่ได้เวลาตกฟากที่แน่นอน มีเหตุการณ์ประวัติโดดเด่นชัดเจนมาทำการวิเคราะห์หาข้อยุติ น่าจะไม่ยากนัก
ดวงชะตาสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ เป็นดวงชะตาที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง พระลัคนาอยู่ราศีเมษหรือราศีมีน ยังเป็นปัญหามืดแปดด้าน ขอเชิญนักโหราศาสตร์ที่ใจดีช่วยกันวิเคราะห์ให้ชัดเจน เพื่อเป็นคุณประโยชน์แก่ผู้ใคร่ศึกษาหรือค้นคว้าวิชาโหราศาสตร์ไทยในอนาคต จะไม่เป็น "ตาบอดคลำช้าง" จะไม่หลงทางต่อไป