"ตกแต่งบ้านอย่างไร... ให้สบายกระเป๋า"
เมื่อเราซื้อบ้านหลังใหม่เป็นที่เรียบร้อย หลายคนกลับพบความจริงว่า “เงินหมดแล้ว” ทำให้ไม่มีเงินไปตกแต่งบ้านอย่างที่ใจต้องการ ถ้าเป็นแบบนี้จะทำอย่างไรดีนะ? หากเรามีบ้านสวย แต่สวยแบบโล่งๆ (คือไม่มีของตกแต่งอะไรเลย) ก็คงจะดีไปอีกแบบ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราทำให้บ้านของเรามีสีสันขึ้น ตกแต่งให้สวยงามมากขึ้น ลองมาดูเทคนิคการตกแต่งบ้านแบบ “สบายกระเป๋า” กันดูครับ
เทคนิคแรก… ออกไปเดินหาเฟอร์นิเจอร์มือสอง
แน่นอนที่สุดว่าเฟอร์นิเจอร์มือหนึ่งย่อมมีราคาแพง อย่ากระนั้นเลย… เราออกไปหาเฟอร์นิเจอร์มือสองกันดีกว่า เราสามารถเดินหาแหล่งเฟอร์นิเจอร์มือสองราคาไม่แพงได้ตามแหล่งยอดนิยม ได้แก่ สวนจตุจักร ตลาดนัดสินค้ามือสอง หรือสามารถค้นหาได้ในเว็บไซค์ขายของมือสอง … แต่ทว่า.. การเลือกซื้อของมือสองเราต้องพิจารณาให้รอบคอบ และระมัดระวังซักนิด เพราะของที่เราซื้อมาอาจต้องมาซ่อมแซมเพิ่มเติม ทำให้เสียตังค์มากกว่าก็เป็นได้ครับ
เทคนิคที่สอง… ลองใช้กระจกทำให้บ้านดูกว้างขึ้น …
เพราะบ้านสมัยใหม่นับวันยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมย่านใจกลางเมืองที่มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัด หากเราใช้กระจกมาช่วยในการตกแต่งบ้านให้ดูกว้างขึ้น ก็จะทำให้เรารู้สึกคลายความอึดอัดลงไปได้ครับ ที่สำคัญกระจกนั้นราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ เดี๋ยวนี้การหาซื้อกระจกตกแต่งบ้านก็ไม่ยาก เราสามารถเดินไปปรึกษาตามห้างร้านที่ขายอุปกรณ์ตกแต่ง สะดวกสบายและไม่ยากครับ ลองดูครับ
เทคนิคที่สาม… ลองทาสีผนังปรับลุคเสียใหม่
บางทีสีผนังที่เป็นพื้นมาจากโครงการจัดสรรที่เราเลือกซื้อนั้นก็ดูจืดชืด ไม่น่าสดใสเสียเลย … เอาแบบนี้ดีกว่าครับ … เราลองปรับลุคเสียใหม่ด้วยการทาสีสันสดใส เอาแบบที่ทำให้มีชีวิตชีวา หรือจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจดีๆ ก็ได้ครับ เรื่องของสีเราสามารถเข้าไปสอบถามช่างสี หรือร้านค้าที่เกี่ยวข้องให้ช่วยจัดระบบสีให้เหมาะสม และลงตัวกับที่พักอาศัยของเราได้ไม่ยากเช่นกันครับ
เทคนิคที่สี่… เลือกใช้แสงช่วยทำให้ดูดี
การใช้แสง การปรับแสงในบ้านจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น ในห้องนอนก็ควรเป็นแสงที่ให้ความอบอุ่น เลือกใช้หลอดไฟที่ให้แสง warm light แต่ราคาไม่แพง ถ้าเป็นห้องทำงานควรปรับแสงให้เพียงพอ หรือห้องรับประทานอาหารควรปรับแสงให้สว่าง เป็นต้น
เทคนิคที่ห้า… หาภาพวาดเก๋ๆ มาประดับบ้าน
เคยไปบ้านหรูๆ ที่ติดภาพวาด หรืองานศิลปะสวยๆ มั้ยครับ … เราก็สามารถทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของเรา “ดูดี” ขึ้นมาได้ ด้วยการหาภาพวาดสวยๆ หรืองานศิลปะเก๋ๆ มาติดผนังดูบ้าง แต่กระซิบว่า… เป็นงานราคาไม่แพง มิใช่ของแท้แต่ประการใดครับ… การมองหางานศิลปะดีๆ มาติดผนังบ้านเราสามารถทำให้บ้านเราดูมีคลาสขึ้นมาได้ไม่ยาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกของแต่ละท่านนะครับ
เทคนิคที่หก… ใช้ “ขนาด” ช่วยให้ดูโอ่อ่า
ห้องเล็กๆ หากลองหาเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเข้ากับห้อง หรือบ้านของเรา โดยใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ จะช่วยทำให้บ้านของเราดู “แกรนด์” ขึ้นมาได้ครับ … เคยสังเกตมั้ยครับเวลาเราไปดูการตกแต่งของบ้านตัวอย่าง บางทีทางโครงการมักจะใช้รูปปั้นสไตล์อิตาลี แจกันงามๆ อลังการ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ดู “หรูหรา” ขึ้นมาได้ไม่ยาก … ลองดูครับรับรองดูดีแน่นอน
เทคนิคสุดท้าย… “คำนวณค่าใช้จ่ายในกระเป๋าก่อนจับจ่าย”
เทคนิคนี้จะช่วยไม่ให้เกิดเหตุการณ์ “กระเป๋ารั่ว” เวลาเราไปช็อปฯ ของตกแต่งบ้านได้ครับ… โดยเราควร “จำกัด” วงเงินที่เราจะซื้อของ หรือเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน … ว่าที่จริงแล้วหากเราไม่ต้องการตกแต่งเพื่อ “โชว์” ใคร เราก็ควรเลือกซื้อของตกแต่งบ้านที่จำเป็นจริงๆ เป็นอันดับต้นๆ จะดีกว่าครับ… ลองวางแผนการเงินของเราดีๆ มีเงินเหลือค่อยซื้อของที่ช่วยเสริมให้บ้านเราดูดีก็ได้ครับ ที่สำคัญระวังการใช้บัตรเครดิตเวลารูดซื้อสินค้า เพราะหากรูดเพลินก็จะกระเป๋ารั่ว และต้องมาคอยตามเก็บทีหลัง ไม่คุ้มกันเลยครับ…
หวังว่าเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยให้บ้านของคุณผู้อ่านดูดี และเหมาะสมกับการใช้งานขึ้นมาได้ ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดแบบนี้ ระมัดระวังการใช้จ่ายเสียหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร… จริงมั้ยครับ… ใครมีเทคนิคดีๆ มาแชร์กันได้นะครับ
ที่มาบทความ...
http://www.topofliving.com/
เอามาฝากครับ... “เทคนิคการตกแต่งบ้านแบบประหยัด”
เมื่อเราซื้อบ้านหลังใหม่เป็นที่เรียบร้อย หลายคนกลับพบความจริงว่า “เงินหมดแล้ว” ทำให้ไม่มีเงินไปตกแต่งบ้านอย่างที่ใจต้องการ ถ้าเป็นแบบนี้จะทำอย่างไรดีนะ? หากเรามีบ้านสวย แต่สวยแบบโล่งๆ (คือไม่มีของตกแต่งอะไรเลย) ก็คงจะดีไปอีกแบบ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราทำให้บ้านของเรามีสีสันขึ้น ตกแต่งให้สวยงามมากขึ้น ลองมาดูเทคนิคการตกแต่งบ้านแบบ “สบายกระเป๋า” กันดูครับ
เทคนิคแรก… ออกไปเดินหาเฟอร์นิเจอร์มือสอง
แน่นอนที่สุดว่าเฟอร์นิเจอร์มือหนึ่งย่อมมีราคาแพง อย่ากระนั้นเลย… เราออกไปหาเฟอร์นิเจอร์มือสองกันดีกว่า เราสามารถเดินหาแหล่งเฟอร์นิเจอร์มือสองราคาไม่แพงได้ตามแหล่งยอดนิยม ได้แก่ สวนจตุจักร ตลาดนัดสินค้ามือสอง หรือสามารถค้นหาได้ในเว็บไซค์ขายของมือสอง … แต่ทว่า.. การเลือกซื้อของมือสองเราต้องพิจารณาให้รอบคอบ และระมัดระวังซักนิด เพราะของที่เราซื้อมาอาจต้องมาซ่อมแซมเพิ่มเติม ทำให้เสียตังค์มากกว่าก็เป็นได้ครับ
เทคนิคที่สอง… ลองใช้กระจกทำให้บ้านดูกว้างขึ้น …
เพราะบ้านสมัยใหม่นับวันยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมย่านใจกลางเมืองที่มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัด หากเราใช้กระจกมาช่วยในการตกแต่งบ้านให้ดูกว้างขึ้น ก็จะทำให้เรารู้สึกคลายความอึดอัดลงไปได้ครับ ที่สำคัญกระจกนั้นราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ เดี๋ยวนี้การหาซื้อกระจกตกแต่งบ้านก็ไม่ยาก เราสามารถเดินไปปรึกษาตามห้างร้านที่ขายอุปกรณ์ตกแต่ง สะดวกสบายและไม่ยากครับ ลองดูครับ
เทคนิคที่สาม… ลองทาสีผนังปรับลุคเสียใหม่
บางทีสีผนังที่เป็นพื้นมาจากโครงการจัดสรรที่เราเลือกซื้อนั้นก็ดูจืดชืด ไม่น่าสดใสเสียเลย … เอาแบบนี้ดีกว่าครับ … เราลองปรับลุคเสียใหม่ด้วยการทาสีสันสดใส เอาแบบที่ทำให้มีชีวิตชีวา หรือจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจดีๆ ก็ได้ครับ เรื่องของสีเราสามารถเข้าไปสอบถามช่างสี หรือร้านค้าที่เกี่ยวข้องให้ช่วยจัดระบบสีให้เหมาะสม และลงตัวกับที่พักอาศัยของเราได้ไม่ยากเช่นกันครับ
เทคนิคที่สี่… เลือกใช้แสงช่วยทำให้ดูดี
การใช้แสง การปรับแสงในบ้านจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น ในห้องนอนก็ควรเป็นแสงที่ให้ความอบอุ่น เลือกใช้หลอดไฟที่ให้แสง warm light แต่ราคาไม่แพง ถ้าเป็นห้องทำงานควรปรับแสงให้เพียงพอ หรือห้องรับประทานอาหารควรปรับแสงให้สว่าง เป็นต้น
เทคนิคที่ห้า… หาภาพวาดเก๋ๆ มาประดับบ้าน
เคยไปบ้านหรูๆ ที่ติดภาพวาด หรืองานศิลปะสวยๆ มั้ยครับ … เราก็สามารถทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของเรา “ดูดี” ขึ้นมาได้ ด้วยการหาภาพวาดสวยๆ หรืองานศิลปะเก๋ๆ มาติดผนังดูบ้าง แต่กระซิบว่า… เป็นงานราคาไม่แพง มิใช่ของแท้แต่ประการใดครับ… การมองหางานศิลปะดีๆ มาติดผนังบ้านเราสามารถทำให้บ้านเราดูมีคลาสขึ้นมาได้ไม่ยาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกของแต่ละท่านนะครับ
เทคนิคที่หก… ใช้ “ขนาด” ช่วยให้ดูโอ่อ่า
ห้องเล็กๆ หากลองหาเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเข้ากับห้อง หรือบ้านของเรา โดยใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ จะช่วยทำให้บ้านของเราดู “แกรนด์” ขึ้นมาได้ครับ … เคยสังเกตมั้ยครับเวลาเราไปดูการตกแต่งของบ้านตัวอย่าง บางทีทางโครงการมักจะใช้รูปปั้นสไตล์อิตาลี แจกันงามๆ อลังการ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ดู “หรูหรา” ขึ้นมาได้ไม่ยาก … ลองดูครับรับรองดูดีแน่นอน
เทคนิคสุดท้าย… “คำนวณค่าใช้จ่ายในกระเป๋าก่อนจับจ่าย”
เทคนิคนี้จะช่วยไม่ให้เกิดเหตุการณ์ “กระเป๋ารั่ว” เวลาเราไปช็อปฯ ของตกแต่งบ้านได้ครับ… โดยเราควร “จำกัด” วงเงินที่เราจะซื้อของ หรือเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน … ว่าที่จริงแล้วหากเราไม่ต้องการตกแต่งเพื่อ “โชว์” ใคร เราก็ควรเลือกซื้อของตกแต่งบ้านที่จำเป็นจริงๆ เป็นอันดับต้นๆ จะดีกว่าครับ… ลองวางแผนการเงินของเราดีๆ มีเงินเหลือค่อยซื้อของที่ช่วยเสริมให้บ้านเราดูดีก็ได้ครับ ที่สำคัญระวังการใช้บัตรเครดิตเวลารูดซื้อสินค้า เพราะหากรูดเพลินก็จะกระเป๋ารั่ว และต้องมาคอยตามเก็บทีหลัง ไม่คุ้มกันเลยครับ…
หวังว่าเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยให้บ้านของคุณผู้อ่านดูดี และเหมาะสมกับการใช้งานขึ้นมาได้ ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดแบบนี้ ระมัดระวังการใช้จ่ายเสียหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร… จริงมั้ยครับ… ใครมีเทคนิคดีๆ มาแชร์กันได้นะครับ
ที่มาบทความ...http://www.topofliving.com/