ออกจะช้าไปสักหน่อย แต่ก็ขอสวัสดีปีใหม่ครับ ปีใหม่ปีนี้ก็เลยถือโอกาสชวนทุกท่านออกไปเที่ยวไหว้พระขอพรปีใหม่เพื่อความเป็น
สิริมงคลครับ
สำหรับสถานที่เราจะไปกัน คือ วัดสุทัศน์ และ ภูเขาทองครับ เรามาไปเที่ยวกันเลยดีกว่า เย้...เย้
มีสุภาษิตบทหนึ่งความว่า "ระยะทางพันลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก" ผมจะขอเริ่มถ่ายจุดเริ่มต้นการเดินทาง ผมขึ้นรถเมล์สาย 20 จากปากซอย
วัดใหญ่ ไปลงวัดสนและต่อรถเมล์สาย 82 ไปลงปากคลองตลาดครับ
จากนั้นเดินไปตามถนนบ้านหม้อครับ ตรงไปเรื่อยๆ เข้าถนนเฟื่องนคร จะเจอกับสี่กั้กเสาชิ้งช้าครับ ตรงไปเข้าถนนตะนาว 20 เมตร
จะเจอซอยทางขวามือที่มีธนาคารกรุงเทพตั้งอยู่ เข้าไปประมาณ 20 เมตรเช่นกันครับ จะเจอร้านเย็นตาโฟนายอ้วนครับ
โดยส่วนตัวผมว่าเย็นตาโฟแห้งร้านนี้อร่อยครับ ที่จริงทางร้านจะให้เกี๊ยวกรอบแค่ 1 ชิ้น และจะมีเลือดหมุมาให้ 1-2 ก้อน แต่ผมไม่กินเลือดเลยเปลียนเป็นเกี๊ยวกรอบแทน ชวนทุกท่านไปชิม อร่อยหรือไม่อย่างไรก็มาเล่าสู่กันฟังได้
เมื่อหนังท้องตึง หลังตาก็หย่อน.... ไม่ใช่ล่ะ เมื่อหนังท้องตึงก็ต้องไปต่อครับ เดินย้อนกลับทางเก่า พอผ่านสี่กั๊กเสาชิ้งช้าเข้าถนนฟื้องนครประมาณ 20 เมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขา 1 ครับ ภายในซอยสุขา 1 และสุขา 2 ตอนเช้าๆเป็นตลาดครับ มีของต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นอาหารสด แกงถุง ขนม เสื้อผ้า ของใช้ต่างๆภายในบ้าน ของเล่น ฯลฯ ถ้าเบื่อเดิน department store แล้วลองมาเดินตลาดสดดูบ้างก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบครับ แต่เนื่องด้วยผมไปถึงสายตลาดเลยวายไปแล้วครับ พอเราเดินทะลุซอยสุขา 1 ก็จะพบกับวัดสุทัศน์ครับ
ผมไม่ได้เข้าไปไหว้พระในวิหารซึงพระประธานเป็นพระพุทธรูปที่อัญเชิญจากสุโขทัย ผมไหว้แต่พระในอุโบสถซึ่งพระประธานถูกหล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ครับ เนื่องจากเมื่อก่อนผมเคยทำงานอยู่แถวเสาชิงช้าครับตอนพักเที่ยงผมมักซื้อข้าวเข้าไปกินข้างโบสถ์ แล้วบางที่ก็หลับบนเก้าอี้ใต้เงาไม้ข้างโบสถ์เลย ไม่รู้ว่าไปแอบหลับในวัดจะบาปหรือเปล่า... รู้สึกคุ้นเคยกับพระในโบสถ์มากครับ(ท่านเมตตาให้ที่นอน?)
ออกจากวัดก็จะเจอเสาชิงช้าอยู่ด้านหน้าวัดครับ แล้วก็เดินไปตามถนนบำรุงเมือง ข้ามคลองรอบกรุงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนบริพัตรก็เจอ
วัดภูเขาทองครับ
บรรยากาศรอบวัดร่มรื่นมาก มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย รอบๆองค์เจดีย์ก็มีแผ่นป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาและการก่อสร้างภูเขาทอง ได้เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ดีทีเดียว
ได้เวลาปีนเขาแล้ว มีบันไดทำไว้อย่างดี มีการจัดสวนมีน้ำตกจำลองให้ความรู้สึกสดชื่นมาก ระหว่างทางขึ้นหากเมื่อยก็มีร้านกาแฟให้จิบพักเหนื่อยครับ
เมื่อขึ้นมาถึงวัดก็จะมีหมู่พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ และมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานพร้อมกับแผ่นข้อมูลว่ามีการขุดพบพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่เมืองกบิลพัสดุ์ โดยรัฐบาลอินเดียได้ถวายแด่รัชกาลที่ 5 และอัญเชิญประดิษฐานไว้ใต้พระบรมบรรพต(ภูเขาทอง)
จากนั้นเราขั้นไปไหว้ภูเขาทองกันครับ
วิวที่ถ่ายจากบนภูเขาทองครับ
จบแล้วครับ ถ้าท่านใดเคยใปมาแล้ว ก็เชิญชวนมาเล่าสู่กันฟังได้
โอกาสหน้าจะชวนทุกท่านไปเที่ยวกันอีกคร้บ
ปัจฉิมลิขิต
1. ผมอาจข้ามรายละเอียดบางอย่างไป ท่านใดอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามเข้ามาได้นะครับ
2. การท่องเทียวของผมจะใช้นโยบายประหยัดครับ อาจจะต้องเดินมากซักหน่อย แต่เราจะเห็นอะไรเยอะแยะเลยครับ
ชีวิตคือการเดินทาง ตอนที่ 1 ไหว้พระปีใหม่วัดสุทัศน์และภูเขาทอง
สิริมงคลครับ
สำหรับสถานที่เราจะไปกัน คือ วัดสุทัศน์ และ ภูเขาทองครับ เรามาไปเที่ยวกันเลยดีกว่า เย้...เย้
มีสุภาษิตบทหนึ่งความว่า "ระยะทางพันลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก" ผมจะขอเริ่มถ่ายจุดเริ่มต้นการเดินทาง ผมขึ้นรถเมล์สาย 20 จากปากซอย
วัดใหญ่ ไปลงวัดสนและต่อรถเมล์สาย 82 ไปลงปากคลองตลาดครับ
จากนั้นเดินไปตามถนนบ้านหม้อครับ ตรงไปเรื่อยๆ เข้าถนนเฟื่องนคร จะเจอกับสี่กั้กเสาชิ้งช้าครับ ตรงไปเข้าถนนตะนาว 20 เมตร
จะเจอซอยทางขวามือที่มีธนาคารกรุงเทพตั้งอยู่ เข้าไปประมาณ 20 เมตรเช่นกันครับ จะเจอร้านเย็นตาโฟนายอ้วนครับ
โดยส่วนตัวผมว่าเย็นตาโฟแห้งร้านนี้อร่อยครับ ที่จริงทางร้านจะให้เกี๊ยวกรอบแค่ 1 ชิ้น และจะมีเลือดหมุมาให้ 1-2 ก้อน แต่ผมไม่กินเลือดเลยเปลียนเป็นเกี๊ยวกรอบแทน ชวนทุกท่านไปชิม อร่อยหรือไม่อย่างไรก็มาเล่าสู่กันฟังได้
เมื่อหนังท้องตึง หลังตาก็หย่อน.... ไม่ใช่ล่ะ เมื่อหนังท้องตึงก็ต้องไปต่อครับ เดินย้อนกลับทางเก่า พอผ่านสี่กั๊กเสาชิ้งช้าเข้าถนนฟื้องนครประมาณ 20 เมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขา 1 ครับ ภายในซอยสุขา 1 และสุขา 2 ตอนเช้าๆเป็นตลาดครับ มีของต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นอาหารสด แกงถุง ขนม เสื้อผ้า ของใช้ต่างๆภายในบ้าน ของเล่น ฯลฯ ถ้าเบื่อเดิน department store แล้วลองมาเดินตลาดสดดูบ้างก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบครับ แต่เนื่องด้วยผมไปถึงสายตลาดเลยวายไปแล้วครับ พอเราเดินทะลุซอยสุขา 1 ก็จะพบกับวัดสุทัศน์ครับ
ผมไม่ได้เข้าไปไหว้พระในวิหารซึงพระประธานเป็นพระพุทธรูปที่อัญเชิญจากสุโขทัย ผมไหว้แต่พระในอุโบสถซึ่งพระประธานถูกหล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ครับ เนื่องจากเมื่อก่อนผมเคยทำงานอยู่แถวเสาชิงช้าครับตอนพักเที่ยงผมมักซื้อข้าวเข้าไปกินข้างโบสถ์ แล้วบางที่ก็หลับบนเก้าอี้ใต้เงาไม้ข้างโบสถ์เลย ไม่รู้ว่าไปแอบหลับในวัดจะบาปหรือเปล่า... รู้สึกคุ้นเคยกับพระในโบสถ์มากครับ(ท่านเมตตาให้ที่นอน?)
ออกจากวัดก็จะเจอเสาชิงช้าอยู่ด้านหน้าวัดครับ แล้วก็เดินไปตามถนนบำรุงเมือง ข้ามคลองรอบกรุงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนบริพัตรก็เจอ
วัดภูเขาทองครับ
บรรยากาศรอบวัดร่มรื่นมาก มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย รอบๆองค์เจดีย์ก็มีแผ่นป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาและการก่อสร้างภูเขาทอง ได้เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ดีทีเดียว
ได้เวลาปีนเขาแล้ว มีบันไดทำไว้อย่างดี มีการจัดสวนมีน้ำตกจำลองให้ความรู้สึกสดชื่นมาก ระหว่างทางขึ้นหากเมื่อยก็มีร้านกาแฟให้จิบพักเหนื่อยครับ
เมื่อขึ้นมาถึงวัดก็จะมีหมู่พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ และมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานพร้อมกับแผ่นข้อมูลว่ามีการขุดพบพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่เมืองกบิลพัสดุ์ โดยรัฐบาลอินเดียได้ถวายแด่รัชกาลที่ 5 และอัญเชิญประดิษฐานไว้ใต้พระบรมบรรพต(ภูเขาทอง)
จากนั้นเราขั้นไปไหว้ภูเขาทองกันครับ
วิวที่ถ่ายจากบนภูเขาทองครับ
จบแล้วครับ ถ้าท่านใดเคยใปมาแล้ว ก็เชิญชวนมาเล่าสู่กันฟังได้
โอกาสหน้าจะชวนทุกท่านไปเที่ยวกันอีกคร้บ
ปัจฉิมลิขิต
1. ผมอาจข้ามรายละเอียดบางอย่างไป ท่านใดอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามเข้ามาได้นะครับ
2. การท่องเทียวของผมจะใช้นโยบายประหยัดครับ อาจจะต้องเดินมากซักหน่อย แต่เราจะเห็นอะไรเยอะแยะเลยครับ