คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ออกตัวล้อฟรีว่า พี่ไม่บังอาจรับสมอ้างเป็น ..ผู้รู้..
แค่พอมีประสบการณ์โน่นนิดนี่หน่อย.. ข้อเสนอแนะนี้ เป็น คหสต. ของพี่นะคะ ..คุณน้อง จขกท. ลองพิจารณาหาข้อมูลเพิ่ม
มาสนับสนุนหรือคัดค้านความเห็นพี่อีกทีละกันค่ะ ^^
ลองดีดดูแบบหยาบๆ เนี่ย ..เงินต้นรวม 1.75 MB. i = 6.375% ต่อปี
Roughly ดอกเบี้ยเฉลี่ยเดือนละ 9,300 .. ผ่อนเดือนละหมื่นนิดๆ ..เงินต้นคงลดไปนิดเดียวจริงๆ น่ะแหล่ะค่ะ
..พอเข้าใจได้ว่า คุณ จขกท. อยากเข้ามากอบกู้สถานการณ์
แต่ข้อมูลหนี้สิน ไม่มากพอให้วิแคะ ^^ เพราะเห็นแต่ยอดคนละวง 1.2 + 0.55
..แน่ใจแค่เป็นหนี้ในระบบ จาก i = 6.375
..ตัวบ้านราคาประเมิน cover มูลหนี้หรือเปล่า ก็ไม่ชัดเจน ..และมีประเด็นในพิจารณาอีกเยอะแยะค่ะ
..เรื่องกู้เงิน โดยทำเรื่องซื้อ-ขายบ้านจากพ่อแม่ ..
ถ้าพี่เข้าใจไม่ผิดนะ ..ลูก ซื้อบ้านต่อจากพ่อแม่ตรงๆ ไม่ได้
..จะเอาไป refinance เพื่อรับภาระหนี้สินแทนก็ไม่ได้
แม้แต่ลูกสาว ที่ต่อให้แต่งงาน เปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามีแล้ว ยังทำเรื่องซื้อบ้านพ่อแม่ตัวเอง เพื่อเอาไป refinance ไม่ได้เลย ..
เพราะยังไงความเป็นพ่อ - แม่ - ลูก ยังสามารถเห็นได้จากทะเบียนบ้านอยู่ดี
คนที่ทำการณ์นี้ได้ คือคุณลูกเขย ..ที่สามารถซื้อบ้านพ่อตาแม่ยายได้
ซึ่งก็ต้องไปเข้ากระบวนการพิจารณาเรื่องการกู้ซื้อบ้านมือสอง
..มีประเด็นเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ ..ราคาประเมินบ้าน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ
ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของการซื้อขาย - โอน - จดจำนอง - ภาษีอื่นๆ ถ้ามี แล้วแต่กรณี
เช่น ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้ ฯลฯ
และเรื่องที่ควรพิจารณาดีๆ คืออัตราดอกเบี้ย ต้องคอยตามดูแลใกล้ชิด เพราะโปรโมชั่นมีระยะเวลา
..พี่เคยมีประสบการณ์เจ็บตับในเรื่องนี้อยู่ เพราะความที่เวลาผ่านไปเร็วมาก
6 เดือนแรก ดอกเบี้ย 0% .. 6 เดือนต่อมา MRR ลบเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่เหลือ i = 3 แก่ๆ ค่อนไปทาง 4%
แต่ระยะเวลาต่อจากนั้น MLR - 1 กว่าๆ ..เลยโดนดอกเบี้ยในอัตรา 6 แก่ๆ .. เวลามองใบเสร็จแล้วสะเทือนอารมณ์ค่ะ
..ต้องทนให้ครบ 3 ปีตามสัญญา ถึงจะ refinance ไปหาดอกเบี้ยที่ถูกกว่าได้ ..เหตุการณ์ประมาณนี้ เป็นต้นค่ะ
..เรื่องกู้สลากออมสิน ..ดอกเบี้ยอยู่แถวๆ 4% +/- นิดหน่อยค่ะ ..ถ้าซื้อสลาก 5 แสน ก็จะกู้ได้ 4.75 แสน
คิดดอกเบี้ยต่อปีกลมๆ 19,000 บ. การันตีถูกรางวัลเล็กสุด เลขท้าย 4 ตัว เดือนละ 150+150 = 300 บ.
..ตลอดทั้งปี จะถูกรางวัลอย่างน้อย 3,600 บ.
บวกดอกเบี้ยของตัวสลาก เมื่อครบอายุ 3 ปี .. 10,000 หน่วย x 3 บ. = 30,000
บุญพาวาสนาส่งเพราะเป็นลูกกตัญญู อาจถูกรางวัลใหญ่ขึ้น ..แต่ฟันธงให้ไม่ได้จ้า ^^
แต่ต้องไม่ลืมว่า ระหว่างปี ไม่ต้องตามจ่ายค่างวดก็จริง แต่พอครบปี ต้องไปจ่ายเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ย
หลงจ้ง ก็ 475,000 + 19,000 = 494,000 หรือ ต้องหยอดกระปุกเดือนละ 41,200 บ. โดยประมาณ
หรือไม่งั้นก็ใกล้ๆ ครบสัญญา ก็ไปต่อดอก .. คือจ่ายดอกเบี้ย แล้วทำสัญญาใหม่ ..ไปจนกว่าจะหาเงินมาจ่ายต้นเค้าได้
..ซึ่งบอกตรงๆ พี่ว่า ถ้า cash flow ไม่คล่องจริง ..ไม่มีกำไร หรือเหลือใช้จริง .. ปวดหัวแน่นอน
ดังนั้น ในทางเลือกนี้ ..ให้พิจารณาเองละกันค่ะ
และโดย คหสต. พี่เห็นว่า Simply is the best ..
โดยเฉพาะถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องการบริหารจัดการการเงินถึงขั้นมองขาด
แล้วพยายามดิ้นรน ทำอะไรที่เกินความรู้ที่มีในพุง
บางทีอาจกลายเป็นการยิ่งดิ้น ยิ่งจมก็ได้นะคะ
หรือไม่ก็กลายเป็น ลิงแก้แห .. ยุ่งไปกันใหญ่
..ถ้า 5 แสนนี้เป็นเงินเย็น เจียดมาช่วยลดภาระให้พ่อแม่ได้เลย โดยเราไม่ได้เดือดร้อน
เพราะไปเอาเงินร้อน เงินทุนหมุนเวียนมาใช้
ถ้าเป็นพี่.. พี่ว่า พี่เอา 5 แสนนี้ไปเคลียร์วง 5.5 แสนของคุณพ่อ เหลือวงนี้ 5 หมื่น + ดอกเบี้ย
เดือนถัดๆ ไป ก็รีบช่วยกันปิด ให้หมดไปซะวงหนึ่งไวๆ
เหลือวง 1.2 ล้านของคุณแม่ .. คุณพ่อคุณแม่ยังมีแรงหา ยังมีความสามารถในการชำระหนี้เองอยู่แล้วส่วนหนึ่ง
คุณช่วยอีกส่วนหนึ่ง เช่นที่บอกว่า ช่วยสบทบทุนได้เดือนละหมื่น ..
ส่วนนี้ก็ไปช่วยตัดต้นได้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ
โดยไม่จำเป็นต้องไปหาทางเปลี่ยนชื่อบ้านให้เป็นทรัพย์สิน ( ซึ่งยังเป็นหนี้สิน ) ของคุณเอง
..ยกเว้น จำเป็น !
ยังไงก็ลองพิจารณาให้รอบด้านนะคะ
โชคดีค่ะ
แค่พอมีประสบการณ์โน่นนิดนี่หน่อย.. ข้อเสนอแนะนี้ เป็น คหสต. ของพี่นะคะ ..คุณน้อง จขกท. ลองพิจารณาหาข้อมูลเพิ่ม
มาสนับสนุนหรือคัดค้านความเห็นพี่อีกทีละกันค่ะ ^^
ลองดีดดูแบบหยาบๆ เนี่ย ..เงินต้นรวม 1.75 MB. i = 6.375% ต่อปี
Roughly ดอกเบี้ยเฉลี่ยเดือนละ 9,300 .. ผ่อนเดือนละหมื่นนิดๆ ..เงินต้นคงลดไปนิดเดียวจริงๆ น่ะแหล่ะค่ะ
..พอเข้าใจได้ว่า คุณ จขกท. อยากเข้ามากอบกู้สถานการณ์
แต่ข้อมูลหนี้สิน ไม่มากพอให้วิแคะ ^^ เพราะเห็นแต่ยอดคนละวง 1.2 + 0.55
..แน่ใจแค่เป็นหนี้ในระบบ จาก i = 6.375
..ตัวบ้านราคาประเมิน cover มูลหนี้หรือเปล่า ก็ไม่ชัดเจน ..และมีประเด็นในพิจารณาอีกเยอะแยะค่ะ
..เรื่องกู้เงิน โดยทำเรื่องซื้อ-ขายบ้านจากพ่อแม่ ..
ถ้าพี่เข้าใจไม่ผิดนะ ..ลูก ซื้อบ้านต่อจากพ่อแม่ตรงๆ ไม่ได้
..จะเอาไป refinance เพื่อรับภาระหนี้สินแทนก็ไม่ได้
แม้แต่ลูกสาว ที่ต่อให้แต่งงาน เปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามีแล้ว ยังทำเรื่องซื้อบ้านพ่อแม่ตัวเอง เพื่อเอาไป refinance ไม่ได้เลย ..
เพราะยังไงความเป็นพ่อ - แม่ - ลูก ยังสามารถเห็นได้จากทะเบียนบ้านอยู่ดี
คนที่ทำการณ์นี้ได้ คือคุณลูกเขย ..ที่สามารถซื้อบ้านพ่อตาแม่ยายได้
ซึ่งก็ต้องไปเข้ากระบวนการพิจารณาเรื่องการกู้ซื้อบ้านมือสอง
..มีประเด็นเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ ..ราคาประเมินบ้าน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ
ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของการซื้อขาย - โอน - จดจำนอง - ภาษีอื่นๆ ถ้ามี แล้วแต่กรณี
เช่น ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้ ฯลฯ
และเรื่องที่ควรพิจารณาดีๆ คืออัตราดอกเบี้ย ต้องคอยตามดูแลใกล้ชิด เพราะโปรโมชั่นมีระยะเวลา
..พี่เคยมีประสบการณ์เจ็บตับในเรื่องนี้อยู่ เพราะความที่เวลาผ่านไปเร็วมาก
6 เดือนแรก ดอกเบี้ย 0% .. 6 เดือนต่อมา MRR ลบเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่เหลือ i = 3 แก่ๆ ค่อนไปทาง 4%
แต่ระยะเวลาต่อจากนั้น MLR - 1 กว่าๆ ..เลยโดนดอกเบี้ยในอัตรา 6 แก่ๆ .. เวลามองใบเสร็จแล้วสะเทือนอารมณ์ค่ะ
..ต้องทนให้ครบ 3 ปีตามสัญญา ถึงจะ refinance ไปหาดอกเบี้ยที่ถูกกว่าได้ ..เหตุการณ์ประมาณนี้ เป็นต้นค่ะ
..เรื่องกู้สลากออมสิน ..ดอกเบี้ยอยู่แถวๆ 4% +/- นิดหน่อยค่ะ ..ถ้าซื้อสลาก 5 แสน ก็จะกู้ได้ 4.75 แสน
คิดดอกเบี้ยต่อปีกลมๆ 19,000 บ. การันตีถูกรางวัลเล็กสุด เลขท้าย 4 ตัว เดือนละ 150+150 = 300 บ.
..ตลอดทั้งปี จะถูกรางวัลอย่างน้อย 3,600 บ.
บวกดอกเบี้ยของตัวสลาก เมื่อครบอายุ 3 ปี .. 10,000 หน่วย x 3 บ. = 30,000
บุญพาวาสนาส่งเพราะเป็นลูกกตัญญู อาจถูกรางวัลใหญ่ขึ้น ..แต่ฟันธงให้ไม่ได้จ้า ^^
แต่ต้องไม่ลืมว่า ระหว่างปี ไม่ต้องตามจ่ายค่างวดก็จริง แต่พอครบปี ต้องไปจ่ายเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ย
หลงจ้ง ก็ 475,000 + 19,000 = 494,000 หรือ ต้องหยอดกระปุกเดือนละ 41,200 บ. โดยประมาณ
หรือไม่งั้นก็ใกล้ๆ ครบสัญญา ก็ไปต่อดอก .. คือจ่ายดอกเบี้ย แล้วทำสัญญาใหม่ ..ไปจนกว่าจะหาเงินมาจ่ายต้นเค้าได้
..ซึ่งบอกตรงๆ พี่ว่า ถ้า cash flow ไม่คล่องจริง ..ไม่มีกำไร หรือเหลือใช้จริง .. ปวดหัวแน่นอน
ดังนั้น ในทางเลือกนี้ ..ให้พิจารณาเองละกันค่ะ
และโดย คหสต. พี่เห็นว่า Simply is the best ..
โดยเฉพาะถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องการบริหารจัดการการเงินถึงขั้นมองขาด
แล้วพยายามดิ้นรน ทำอะไรที่เกินความรู้ที่มีในพุง
บางทีอาจกลายเป็นการยิ่งดิ้น ยิ่งจมก็ได้นะคะ
หรือไม่ก็กลายเป็น ลิงแก้แห .. ยุ่งไปกันใหญ่
..ถ้า 5 แสนนี้เป็นเงินเย็น เจียดมาช่วยลดภาระให้พ่อแม่ได้เลย โดยเราไม่ได้เดือดร้อน
เพราะไปเอาเงินร้อน เงินทุนหมุนเวียนมาใช้
ถ้าเป็นพี่.. พี่ว่า พี่เอา 5 แสนนี้ไปเคลียร์วง 5.5 แสนของคุณพ่อ เหลือวงนี้ 5 หมื่น + ดอกเบี้ย
เดือนถัดๆ ไป ก็รีบช่วยกันปิด ให้หมดไปซะวงหนึ่งไวๆ
เหลือวง 1.2 ล้านของคุณแม่ .. คุณพ่อคุณแม่ยังมีแรงหา ยังมีความสามารถในการชำระหนี้เองอยู่แล้วส่วนหนึ่ง
คุณช่วยอีกส่วนหนึ่ง เช่นที่บอกว่า ช่วยสบทบทุนได้เดือนละหมื่น ..
ส่วนนี้ก็ไปช่วยตัดต้นได้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ
โดยไม่จำเป็นต้องไปหาทางเปลี่ยนชื่อบ้านให้เป็นทรัพย์สิน ( ซึ่งยังเป็นหนี้สิน ) ของคุณเอง
..ยกเว้น จำเป็น !
ยังไงก็ลองพิจารณาให้รอบด้านนะคะ
โชคดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ถามผู้รู้เรื่องการเคลียร์หนี้ ยอดประมาณ 1.75 ล้านค่ะ
อยากจะเคลียร์หนี้ในส่วนนี้ เพราะพ่อกับแม่จ่ายแต่ดอกต้นลดน้อยยยยมาก แต่ก็ไม่มีเงินสดพอที่จะไปปิด
ส่วนตัวมีเงินที่พอจะจัดสรรมาได้ 500,000 บาท ค่ะ
มีความคิดอยู่ 3 ทางว่า
1. กู้ โดยทำเรื่องซื้อ-ขายบ้าน จากพ่อแม่ ให้หนี้กู้ยืมเป็นชื่อเรา เอาเงินไปปิด
(เรียนตรงๆว่า เห็นพ่อแม่มาเยอะ เป็นหนี้แล้วทุกข์ ส่วนตัวกลัวการเป็นหนี้ที่สุด
เลยไม่มีความรู้เรื่องการกู้ยืม เรื่องภาษีซื้อขาย ไม่แน่ใจว่า วิธีนี้ทำได้ด้วยหรือไม่ค่ะ
ข้อดีคิดว่า เอาดอกบ้านไปลดภาษีได้ กับคิดว่าดอกเบี้ยน่าจะน้อยกว่าที่จ่ายอยู่ปัจจุบัน)
2. เอาเงิน 500,000 ไปซื้อสลากออมสิน แล้วกู้ออกมาตัดยอด
>>อาจหามาเพิ่มสำหรับการซื้อได้อีกสัก 500,000บาทค่ะ
(แต่ยังไม่ทราบเรื่องดอกของการกู้สลากค่ะ ทราบแค่กู้ได้ 95% ดอกน่าจะน้อยกว่า 6.375%
ข้อดีคิดว่า มีลุ้นรางวัลใหญ่ และถูกรางวัลทุกงวด)
3. เอาเงิน 500,000 นั่นแหละไปตัดยอดเลย แล้วพยายามหามาโปะเพิ่ม
(ซึ่งคงจ่ายได้ไม่เกินเดือนละ 1หมื่นบาทค่ะ เพิ่มเติมจากที่พ่อและแม่จ่ายรวมกันประมาณ 1หมื่นนิด ๆ ค่ะ)
รบกวนขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ ด้วยนะคะ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ ^/\^