ดูมาแล้วกับ "The Wolf of Wall Street:คนจะรวย ช่วยไม่ได้" (ไม่สปอย)
ในช่วงต้นปีแบบนี้ ถือเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวหนังรางวัล ยิ่งใกล้ประกาศ ยิ่งได้รางวัล คนก็ยิ่งอยากดู เป็นเรื่องปกติที่คอหนังต่างทราบกันดี "The Wolf of Wall Street:คนจะรวย ช่วยไม่ได้" ก็เป็นหนึ่งในหนังรางวัลที่ผู้คนอยากดูมากที่สุดในตอนนี้ ด้วยการเปิดตัวกับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ของพ่อหนุ่มลีโอ
ซึ่งขอบอกเลยว่ารางวัลนี้ช่างคู่ควรกับเขาสุดๆ เพราะพี่แกเล่นได้แบบสุดทีนมากๆ ทำได้ทุกอย่างที่ผู้กำกับต้องการ ไม่ว่ามันจะทรามและเถื่อนแค่ไหน ทุกๆฉากล้วนเต็มไปด้วยความสามารถที่เปี่ยมล้นของนักแสดงชายผู้นี้ เพราะถ้าฝีมือไม่ถึงจริงนักแสดงที่เป็นตัวชูโรงแบบโดดเด่นที่สุดของหนัง อาจจะพาหนังให้พบกับความหายนะแทนก็เป็นได้ แต่ด้วยความยามของหนังที่เกือบจะสามชั่วโมง ขอบอกเลยว่าพี่ลีโอเอาอยู่ทุกฉากจริงๆ
อวยพระเอกกันไปแบบไม่ลืมหูลืมตาแล้ว มาพูดเรื่องเนื้อหาของหนังบ้างดีกว่า "The Wolf of Wall Street" สร้างจากชีวิตจริงของ "จอร์แดน เบลฟอร์ท" (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) นายหน้าค้าหุ้นหนุ่มไฟแรงในวอลล์สตรีท ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาทำเงินได้อย่างมหาศาล ก่อนที่จะผลาญเงินไปมหาศาลยิ่งกว่ากับปาร์ตี้ เหล้ายา เซ็กส์ จนในที่สุดก็ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์และฟอกเงินในปี 1998 ถูกขัง 22 เดือนในเรือนจำของรัฐ และถูกแบนจากตลาดหุ้นไปตลอดชีวิต โดยปัจจุบัน เบลฟอร์ด ก็กลายเป็นนักเขียนหนังสือขายดี และเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐ
แม้จะดูเกี่ยวกับเรื่องหุ้น เรื่องตัวเลข แต่คนที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ก็ใช่ว่าจะดูไม่ได้ เพราะจริงๆแล้วหนังไม่ได้เน้นเรื่องพวกนั้นเท่าไหร่ แต่หนังไปโฟกัสการใช้ชีวิตของเบลฟอร์ด มากกว่าเรื่องทฤษฎีการเงินแบบหนัง "Margin Call" ที่คุณจะเอ๋อมากถ้าไม่มีความรู้เรื่องหุ้น หรือวอลล์สตรีทมาก่อน
ตัวหนังอุดมไปด้วยฉากเสพยา เซ็กส์ และร่างเปลือยของสตรีแบบไม่มีปิดบัง อีกทั้งคำหยายและเรื่องราวการโกง เพราะฉะนั้น เด็ก และสตรีมีครรภ์ เอ๊ย! เด็กๆน้องๆหนูๆ ควรจะมีผู้ปกครองพาไปชมด้วยนะจ๊ะ เพราะรู้สึกหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีการขอตรวจบัตรด้วย ทั้งที่หนังก็แรงอยู่พอตัว แรงกว่า Flight อีกมากๆเลยด้วย แต่ตอนนั้น Flight ได้เรต ฉ20+ ซึ่งต้องตรวจบัตร เป็นอะไรที่กระผมไม่เข้าใจจริงๆ ถ้าจำไม่ผิด Bling Ring ยังต้องตรวจเลยทั้งๆที่เรื่องนี้แรงกว่าเย้อออ???
กลับมาที่ตัวหนัง ถึงแม้จะมีความยาวถึงสามชั่วโมง แต่พอนั่งดูแล้วไม่ได้รู้สึกว่าหนังมันนานเลย นอกจากอาการปวดฉี่ที่บ่งบอก เพราะหนังทำออกมาได้ดูสนุกและน่าติดตามเอามากๆ ทั้งความฮา ความเกรียน ความโกง ดรามา มาครบแบบจัดเต็ม ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักนานยคนนี้มาก่อน แต่หนังก็ทำให้เราสนใจและอยากรู้จุดสุดท้ายของชายคนนี้ให้ได้
"The Wolf of Wall Street:คนจะรวย ช่วยไม่ได้" จัดว่าเป็นหนังรางวัลที่ดูง่าย และสนุกมาก ไม่ใช่ประเภทแบบเอื่อยๆตามสไตล์หน้าหนังรางวัลทั่วไป การแสดงของลีโอนาโด ดิคราปิโอ ก็ยอดเยี่ยมเอามากๆ หลังจากโดนค่อนขอดมานานว่าเอาแต่เล่นบทหน้าเครียด ซึ่งเรื่องนี้พี่แกได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ของจริง!!
ปล.ไทยประกันชีวิตโลโก้ในโปสเตอร์เล็กไปนิดนึงนะ
#คุยเรื่องหนัง #TheWolfofWallStreet #คนจะรวยช่วยไม่ได้
ดูมาแล้วกับ "The Wolf of Wall Street:คนจะรวย ช่วยไม่ได้" (ไม่สปอย)
ดูมาแล้วกับ "The Wolf of Wall Street:คนจะรวย ช่วยไม่ได้" (ไม่สปอย)
ในช่วงต้นปีแบบนี้ ถือเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวหนังรางวัล ยิ่งใกล้ประกาศ ยิ่งได้รางวัล คนก็ยิ่งอยากดู เป็นเรื่องปกติที่คอหนังต่างทราบกันดี "The Wolf of Wall Street:คนจะรวย ช่วยไม่ได้" ก็เป็นหนึ่งในหนังรางวัลที่ผู้คนอยากดูมากที่สุดในตอนนี้ ด้วยการเปิดตัวกับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ของพ่อหนุ่มลีโอ
ซึ่งขอบอกเลยว่ารางวัลนี้ช่างคู่ควรกับเขาสุดๆ เพราะพี่แกเล่นได้แบบสุดทีนมากๆ ทำได้ทุกอย่างที่ผู้กำกับต้องการ ไม่ว่ามันจะทรามและเถื่อนแค่ไหน ทุกๆฉากล้วนเต็มไปด้วยความสามารถที่เปี่ยมล้นของนักแสดงชายผู้นี้ เพราะถ้าฝีมือไม่ถึงจริงนักแสดงที่เป็นตัวชูโรงแบบโดดเด่นที่สุดของหนัง อาจจะพาหนังให้พบกับความหายนะแทนก็เป็นได้ แต่ด้วยความยามของหนังที่เกือบจะสามชั่วโมง ขอบอกเลยว่าพี่ลีโอเอาอยู่ทุกฉากจริงๆ
อวยพระเอกกันไปแบบไม่ลืมหูลืมตาแล้ว มาพูดเรื่องเนื้อหาของหนังบ้างดีกว่า "The Wolf of Wall Street" สร้างจากชีวิตจริงของ "จอร์แดน เบลฟอร์ท" (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) นายหน้าค้าหุ้นหนุ่มไฟแรงในวอลล์สตรีท ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาทำเงินได้อย่างมหาศาล ก่อนที่จะผลาญเงินไปมหาศาลยิ่งกว่ากับปาร์ตี้ เหล้ายา เซ็กส์ จนในที่สุดก็ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์และฟอกเงินในปี 1998 ถูกขัง 22 เดือนในเรือนจำของรัฐ และถูกแบนจากตลาดหุ้นไปตลอดชีวิต โดยปัจจุบัน เบลฟอร์ด ก็กลายเป็นนักเขียนหนังสือขายดี และเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐ
แม้จะดูเกี่ยวกับเรื่องหุ้น เรื่องตัวเลข แต่คนที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ก็ใช่ว่าจะดูไม่ได้ เพราะจริงๆแล้วหนังไม่ได้เน้นเรื่องพวกนั้นเท่าไหร่ แต่หนังไปโฟกัสการใช้ชีวิตของเบลฟอร์ด มากกว่าเรื่องทฤษฎีการเงินแบบหนัง "Margin Call" ที่คุณจะเอ๋อมากถ้าไม่มีความรู้เรื่องหุ้น หรือวอลล์สตรีทมาก่อน
ตัวหนังอุดมไปด้วยฉากเสพยา เซ็กส์ และร่างเปลือยของสตรีแบบไม่มีปิดบัง อีกทั้งคำหยายและเรื่องราวการโกง เพราะฉะนั้น เด็ก และสตรีมีครรภ์ เอ๊ย! เด็กๆน้องๆหนูๆ ควรจะมีผู้ปกครองพาไปชมด้วยนะจ๊ะ เพราะรู้สึกหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีการขอตรวจบัตรด้วย ทั้งที่หนังก็แรงอยู่พอตัว แรงกว่า Flight อีกมากๆเลยด้วย แต่ตอนนั้น Flight ได้เรต ฉ20+ ซึ่งต้องตรวจบัตร เป็นอะไรที่กระผมไม่เข้าใจจริงๆ ถ้าจำไม่ผิด Bling Ring ยังต้องตรวจเลยทั้งๆที่เรื่องนี้แรงกว่าเย้อออ???
กลับมาที่ตัวหนัง ถึงแม้จะมีความยาวถึงสามชั่วโมง แต่พอนั่งดูแล้วไม่ได้รู้สึกว่าหนังมันนานเลย นอกจากอาการปวดฉี่ที่บ่งบอก เพราะหนังทำออกมาได้ดูสนุกและน่าติดตามเอามากๆ ทั้งความฮา ความเกรียน ความโกง ดรามา มาครบแบบจัดเต็ม ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักนานยคนนี้มาก่อน แต่หนังก็ทำให้เราสนใจและอยากรู้จุดสุดท้ายของชายคนนี้ให้ได้
"The Wolf of Wall Street:คนจะรวย ช่วยไม่ได้" จัดว่าเป็นหนังรางวัลที่ดูง่าย และสนุกมาก ไม่ใช่ประเภทแบบเอื่อยๆตามสไตล์หน้าหนังรางวัลทั่วไป การแสดงของลีโอนาโด ดิคราปิโอ ก็ยอดเยี่ยมเอามากๆ หลังจากโดนค่อนขอดมานานว่าเอาแต่เล่นบทหน้าเครียด ซึ่งเรื่องนี้พี่แกได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ของจริง!!
ปล.ไทยประกันชีวิตโลโก้ในโปสเตอร์เล็กไปนิดนึงนะ
#คุยเรื่องหนัง #TheWolfofWallStreet #คนจะรวยช่วยไม่ได้