The Wolf of Wall Street vs. วิกฤตของมาตรการในการจัดเรตภาพยนตร์ของไทยแล้วหรือ???

เมื่อวานได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่อง The Wolf of Wall Street (คนจะรวย ช่วยไม่ได้) ที่เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์บ้านโป่ง รอบหัวค่ำ ซึ่งมีกระแสมากมายที่ยกนิ้วให้หนังเรื่องนี้ขึ้นแท่นเต็ง OSCAR ตามปกติจะมาดูหนังกันก็เฉพาะแต่ผู้ใหญ่ไม่มีเด็กตอนซื้อตั๋วดูหนังทุกครั้งจึงไม่ได้ค่อยสนใจเรตของหนังสักเท่าไร สำหรับหนังเรื่องนี้เนื้อหาสาระ การดำเนินเรื่อง และการแสดงของบรรดานักแสดงถึงแม้ว่าจะมีความยาวถึง 3 ชั่วโมงแต่ก็ทำได้ค่อนข้างดีไม่เกิดความน่าเบื่อในการรับชมเท่าไรนัก แต่ประเด็นสำคัญ คือ เนื้อหาและฉากต่างๆ ของหนังจะมุ่งเน้นถึง การเสพติดยาหลายรูปแบบ การเสพสุรา การร่วมรักบนเตียงทั้งแบบปกติและวิตถาร การทำอนาจาร โป๊เปลือยเปิดเผยแบบเห็นทุกสัดส่วนทั้งบนและล่าง การฉ้อโกง การใช้ความรุนแรง ความสุรุ่ยสุร่าย มากมายแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะบทของพระเอก Leonardo DiCaprio ที่ติดยาเสพติดและเซ็กส์ตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่องแต่ก็ถือว่าแสดงได้สมบทบาทดีมาก

แต่อย่างไรก็ตาม ในการดูหนังคราวนี้แปลกกว่าทุกครั้ง (ยกเว้นครั้งที่เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะกับเยาวชน) ที่มีผู้ปกครองหลายครอบครัวต่างพาลูกของตนเองเข้ามาชมด้วย มีตั้งแต่อายุประมาณ 3 ขวบจน 10 กว่าขวบ คาดว่าตอนซื้อตั๋วทุกคนคงจะไม่ได้สนใจการจัดเรตของหนังเรื่องนี้เลย มีเด็กเล็กตะโกนร้องงอแงและวิ่งไปมาทั่วโรงโดยที่พ่อแม่ไม่สนใจจะควบคุมดูแลให้เกิดความสงบแต่อย่างใด มัวแต่นั่งดูหนังเพลิดเพลินบันเทิงอารมณ์ของตัวเองได้ตลอดทั้ง 3 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะสมกับลูกของตนเองสักแม้สักนิดเดียวเลยแต่ไม่ก็มีครอบครัวใดพาเด็กลุกออกไปจากโรง ความเป็นจริงเมื่อได้รับชมหนังเพียงแค่เริ่มต้นก็ควรจะเกิดความตระหนักใช้วิจารณญาณที่จะรีบนำเด็กเหล่านี้ออกจากโรงเสียด้วยซ้ำไป ไม่ควรเสียดายเงินค่าตั๋วหนังเลยแม้สักนิดเดียว ถ้าอยากจะดูหนังเรื่องนี้จริงๆ ก็ค่อยหาโอกาสกลับมาดูใหม่โดยไม่ต้องพาเด็กๆ มาด้วยก็จะเหมาะสมที่สุด แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือเมื่อหนังฉายจบและไฟสว่างเปิดให้ลุกออกจากที่นั่ง ปรากฎว่าในบรรดาผู้ที่มาชมภาพยนตร์นั้นกลายเป็นเยาวชนจำนวนประมาณสักครึ่งหนึ่งพอๆ กับผู้ใหญ่เลย มีทั้งพากันมาเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก เยาวชนในระดับมัธยมต้นและปลายในเครื่องแบบชุดนักเรียนที่มาชมกันเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม ทำให้รู้สึกถึงความย่ำแย่และไม่เข้าใจระบบการจัดเรตหนังและมาตรการควบคุมของบ้านเมืองเราเป็นอย่างมาก

พอออกจากโรงก็เลยต้องรีบตรวจสอบเรตหนังเรื่องนี้ในเมืองไทยทางอินเทอร์เน็ตทันที ปรากฎว่าได้รับเป็น "น18+" (อยู่ในระดับที่ 5) ซึ่งหมายความว่า เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป แต่มันหมายถึงแค่ "แนะนำ" เท่านั้น ไม่ได้ "ห้าม" ดังนั้นผู้ที่อายุต่ำกว่า 18  ปี ก็ยังสามารถเข้าชมได้และก็ไม่ได้บังคับว่าจะต้องมีผู้ปกครองเข้าชมพร้อมกันด้วยหรือไม่ ทางโรงภาพยนตร์จึงไม่จำเป็นจะต้องบังคับขอตรวจบัตรประชาชนแต่อย่างใด นี่เองจึงเป็นสาเหตุให้มีเยาวชนสามารถซื้อตั๋วเข้ามาดูหนังเรื่องนี้ได้สบาย คาดว่าผู้ที่อยากมาดูหนังเรื่องนี้ส่วนมากก็คงไม่ได้ตั้งใจสังเกตเรตหนังก่อนที่จะซื้อตั๋วกันเท่าไรหรอก อีกทั้งผู้ชมทั้งผู้ใหญ่และเด็กนักเรียนก็คงไม่ได้คาดคิดมาก่อนด้วยว่าเนื้อหาสาระของหนังเรื่องนี้จะนำเสนอออกมาในลักษณะที่ไม่เหมาะสมกับเด็กหรือตัวเองเช่นนี้ ในเมืองไทยตอนก่อนเริ่มฉายหนังก็ไม่ได้แสดงเรตหนังขึ้นมาย้ำให้ผู้เข้าชมทราบก่อนเหมือนในต่างประเทศด้วย แต่ด้วยความเสียดายเงินซื้อตั๋วมาแล้วก็คงพยายามดูต่อไปจนจบเรื่อง สุดท้ายก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่แผงอยู่ในบรรดาหนังเหล่านี้จะถูกซึมซับทีละเล็กทีละน้อยเข้าไปในตัวของเยาวชนเหล่านี้โดยขาดวิจารณญาณที่ดีบ้างหรือไม่

สำหรับหนังเรื่องนี้ในต่างประเทศจัดให้อยู่ในเรต R (Restricted) : Under 17 Requires Accompanying Parent Or Adult Guardian ซึ่งหมายความว่า ห้ามเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปีเข้าชมตามลำพัง ยกเว้นจะมีผู้ใหญ่ที่สามารถให้คำแนะนำเข้าดูพร้อมกันด้วย แสดงให้เห็นว่าในต่างประเทศยังได้จัดให้หนังเรื่องนี้มีเรตซึ่งมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากกว่าของไทยเลย แต่ทำไมประเทศไทยจึงปล่อยให้หลวมได้เช่นนี้

ยิ่งหนังเรื่องนี้ได้รับกระแสความนิยมอย่างกว้างขวางมากขึ้นเท่าใดและหากได้รับรางวัล OSCAR เพิ่มเข้าไปด้วยอีกก็ยิ่งทำให้น่าวิตกมากขึ้นเท่านั้น จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไรหากยังมัวปล่อยปละละเลยกับสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสำคัญแต่อาจจะเกิดผลกระทบอย่างมากกับเยาวชนของเราเหล่านี้ต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่