ลูกอยากเป็นนักฟิสิกส์ ควรจะสนับสนุนเขาดีไหม?

ลูกชายเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น พอจะขึ้น ม.ปลาย คงจะต้องวางแผนให้ดีว่าจะมุ่งเรียนวิชาชีพทางไหนต่อไป เขามีผลการเรียนวิชาทางด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดี

เจ้าตัวเขามีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนักฟิสิกส์ (คงจะได้แรงบันดาลใจมาจาก วอร์เนอร์ ไฮเซนเบอร์ก ฟริตจอฟ คาปรา และด็อกเตอร์ชัยวัฒน์ คุประตกุล เป็นแน่แท้)  ก็ชักจะหนักใจ เพราะการเป็นนักฟิสิกส์ ในเมืองไทยเรา คงจะทำมาหากินกับการเป็นครูบาอาจารย์สอนหนังสือเท่านั้น (สายวิชาการและเน้นการทำวิจัย) ส่วนทางภาคเอกชนเท่าที่เห็นมักไม่ค่อยมีตำแหน่งงานในสาขาวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์อย่างวิชาฟิสิกส์เท่าไหร่

ที่จริง เจ้าลูกชายคนนี้ อยากจะให้ลองสมัครสอบในคณะแพทย์ เพราะวิชาชีพแพทย์ ยังไงก็ไม่ตกงาน แถมรายได้ก็ยังพอเลี้ยงตัวได้อย่างไม่ขัดสนนัก แต่เจ้าตัวไม่สนใจวิชาชีพแขนงนี้เลย

คุยกับภรรยา แม่ของเจ้าลูกชายตัวดี เธอก็บอกด้วยเสียงหวานๆ และมองมาด้วยดวงตาคู่สวย พร้อมรอยยิ้มจากดวงหน้าหวานๆ มาว่า "อะไรที่เป็นความสุขของลูก ก็ควรตามใจเขาไปเถอะ ลูกมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วยไม่ใช่หรือ?"  อืมม์ ก็จริงของคุณภรรยาคนสวยเธอเนอะ!!!!!!!!!

สำหรับผม ก็ดีใจไปกับลูกด้วย ที่เขาค้นพบความถนัดของตัวเอง แต่อีกใจหนึ่งก็แอบเสียดาย ที่เมืองไทยจะขาดนายแพทย์ไปอีก 1 คน !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

อย่างนี้ ควรตามใจเจ้าตัว ให้เอาดีทางการเป็นนักฟิสิกส์ ไปเลยดีไหม?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
ผมเป็น postdoc อยู่ที่มหาลัยในอเมริกาแห่งหนึ่ง ผมจะเล่าแต่ส่วนแย่ๆให้ฟัง ถ้าลูกคุณยังอยากเป็นอยู่ ได้โปรดสนับสนุน

1.  ถ้าทำงานนี้ pure science จริงๆ โดยเฉลี่ยแล้ว ได้เงินน้อยกว่างานสาขาอื่นที่ต้องการ  Phd เช่นกัน ให้ทำใจไว้ได้เลย ส่วนที่จะหวังว่าอาจจะค้นพบอะไรสำคัญๆ แล้วจะรวย ก็ขอให้เลิกนึกไปก่อน ให้อยู่กับปัจจุบัน
2.  ความสุขได้จากการที่เราวันๆคิดๆว่าปัญหาตรงหน้ามันคืออะไร แก้อย่างไร เข้าใจได้อย่างไร ถ้าลูกคุณมีความสุขจากตรงนี้ แล้วเขาหาจากที่อื่นไม่ได้ คุณก็ไม่ควรไปเอาความสุขมาจากเขา ส่วนความสุขที่ได้จากการค้นพบมันสั้นเกินกว่าจะเอามานับรวม ถ้าลูกคุณมองว่าวันๆนั่งคิดถึงแต่ปัญหาด้านฟิสิกส์มันเป็นทุกข์ ก็ไปทำอย่างอื่น
3. เป็นงานที่พึ่งใครไม่ได้ นอกจากตัวเราเองหรือ คุณGoogle ความเครียดมันจะมาถ้าคุณคิดอะไรไม่ออก แค่ฉลาดบางทีไม่พอ มันต้องการความคิดนอกระบบ และความบังเอิญไปเห็นเข้าแล้วดันเข้าใจ
4. (สมัยผมนะ) เลิกแคร์สังคม เพราะระหว่างทางพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูง จะพร้อมใจกันบอกว่า เปลี่ยนสาขาที่เรียนได้ไหม พวกเขาพร้อมจะกลับมาซ้ำเติม ถ้าลูกคุณเกิดไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่เขาอยากเห็น เส้นทางมันยาวนะกว่าจะถึงจุดๆหนึ่ง
5. ถ้าลูกคุณอยากเกี่ยวข้องกับประชาคมโลก ภาษาอังกฤษ สำคัญเกือบเท่า เนื้อหาฟิสิกส์ และเลข  ถ้าลูกคุณเกิดเมืองไทย ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาอยู่บ้าง

เป็นนักฟิสิกส์มันก็แค่อาชีพหนึ่ง ความภูมิใจมันก็พอๆกับทุกอาชีพ ถ้าจะคิดแค่ว่ามันเท่ห์เพราะมันดูฉลาด เก่ง ผู้คนนับถือ ก็ไปทำอย่างอื่นเถอะ มีชีวิตให้อยู่กับสิ่งที่เป็นเราจริงๆ ไม่ใช่แค่คำว่า Prof Dr อะไรพวกนี้ ไร้สาระ
ความคิดเห็นที่ 3
บุตรชาย ไม่สนใจอาชีพแพทย์เลย ถ้าจะให้เรียนตามใจผู้ปกครอง ประเทศเราก็จะได้แพทย์ที่ไม่สนใจทางการแพทย์เพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ซึ่งประเทศเราก็มีอะไรแบบนั้นเยอะแล้ว

อาชีพสายวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ก็เห็นจะจริงอย่างคุณว่ามา นั่นคือคงจะหางานทำยากสักหน่อย งานหลักๆ็คงต้องเป็นอาจารย์ และรายได้อาจจะสู้แพทย์ไม่ได้ ยกเว้นจะไปค้นพบอะไรสำคัญๆที่ทำให้มีชื่อเสียงหรือมีสิทธิบัตร ซึ่งก็ดูจะเพื้อฝันไปสักหน่อย

อย่างไรก็ตาม เขาพึ่งจะขึ้นชั้นมัธยมปลาย เมื่อฮอร์โมนแตกพล่านจนได้ที่ ความคิดก็อาจจะเปลี่ยนไป ก็ขอให้เขาเลือกทางชีวิตที่เป็นคนดีของสังคมก็แล้วกันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่