สวัสดีตอนเช้านะคะชาวพันทิปผู้น่ารักทุกท่าน สำหรับเรื่องของ จขกท. เกิดขึ้นเมื่อคืนประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆค่ะ
ปกติแล้ว จขกท. ทำงานเดินทางกลับบ้านก็จะดึก มีวิธีนั่งรถหลายทาง (บ้าน จขกท.อยู่ชานเมืองนะคะ)
วันนี้นั่งเรือ ต่อรถเมล์ ต่อสองแถวเพื่อจะไปต่อมอร์เตอร์ไซค์พี่วินอีกที
ระหว่างที่เจ้าของกระทู้กำลังลงจากสองแถวเพื่อจะขึ้นสะพานลอยนั้น
ก็เห็นแม่ลูกคู่นึง (ลูกก็เล็กนะคะ พอยืนได้แต่พูดยังไม่ได้) กับกล่องขนาดใหญ่ 1 ใบ (ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นอะไร)
และก็ถุงที่คล้องแขนอีก 1 ถุง ท่าทางเงอะๆ เงิ่นๆ อยู่ตรทางลง-ทางขึ้นสพานลอย จริงๆแล้ว จขกท.
ก็คิดว่าพี่เค้าจะขึ้นรถสองแถวคันที่ จขกท.ลง ก็เลยถามพี่เค้าไปว่า "หนูช่วยยกกล่องขึ้นขึ้นรถไหมคะพี่"
ลูกก็ร้อง หูกล่องข้างนึงก็ขาดแล้ว คิดในใจพี่แกจะยกขึ้นยังไงเนี่ย (สรุป ในกล่องเป็นทีวี 14 นิ้ว หลังตุงหนักมว๊าก)
พี่ผญ.เค้าบอกว่าพี่จะไปมอร์ไซค์ฯค่ะ บ้านพี่อยู่ซ.สง่า (ซ.ฝั่งตรงข้ามกับที่ จขกท.ยืนอยู่มีสะพานลอย ถนนประมาณ 8 เลน , 4:4)
ก็เลยพาพี่เค้าเดินไปเรียกมอร์เตอร์ฝั่งนี้ (ฝั่งวัดครุนอก) ตรงหน้าร้านคุณหมอฟัน พี่ๆไปซ.สง่าค่ะ จขกท. ก็อุ้มทีวี 14 นิ้ว
ไปเรียกพี่วิน พร้อมกับพี่ ผญ. คนนั้นอุ้มลูกอยู่ ตอนนั้นมีพี่วินอยู่ประมาณ 4-5 คน สิ่งที่พวกพี่วินบอก คือ
"โห่น้อง ไปไม่ได้หรอก ใครจะไป น้องไปเรียกไปฝั่งโน้นโน่น" (โอเอ็มจี : โอมายยยยก๊อด)
พวกพี่วิน 4-5 คนปฏิเสธทันควัน ไม่มีใครช่วยอะไรเลย ไล่เราสามคนให้ข้ามถนน 8 เลนไปเนี่ยนะ
พร้อมกับทำท่าทางเหมือนเราจะไปฟรี หรือถ้าไปไม่ได้ก็แนะนำอะไรดีๆ
ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย (คิดในใจ) เราก็บอกพี่วินนะ หนูอ่ะ ไม่รู้จักพี่เค้าหรอกนะ แต่พี่เค้ากะลูกจะไปยังไง?
พวกพี่วินไม่สนใจจ้า ตอนนั้นพี่ผญ. ก็หน้าเสียเลยนะ แบบไม่รู้จะไปไง แท็กซี่ไหมเราก็คิดนะ
แต่สำหรับบางคนแท็กซี่ก็คงจะแพงไปสำหรับเค้า เค้านั่งรถเมล์มาจากห้าง เค้าก็คงตัดสินใจแล้วแหละ
เลยไม่ได้บอกพี่เค้าว่าจะไปแท็กซี่ไหม
จขกท.ก็เลยบอกพี่ผญ.ที่อุ้มลูกว่า ไม่เป็นไรพี่เดี๋ยวหนูช่วยพาพี่ไปเอง (ในใจตอนนั้นสงสารพี่เค้ากะลูกนะ)
และอีกใจก็คิดว่า ตรูจะไปไงหว่า ผญ.ตัวเล็กๆอย่างฉัน มีตัวเปล่ากับถุงผ้า 1 ใบ ไม่มีอาวุธ
ไม่มีรถ ซ.สง่าอยู่ไหนยังไม่รู้เลยพูดตรงๆ อยู่แถวนั้นมา 20 ปี ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ ฮ่าาาา
แต่ด้วยแรงฮึกเหิม (หวังจะให้พี่วินเห็นว่าน้ำใจเป็นไง เช๊อะ สะบัดบ๊อบใส่) เลยแบกทีวีหลังตุง 14 นิ้ว เดินข้ามถนนไป
(ข้ามสะพานลอยไม่ไหว พูดเลย) พร้อมกับพี่ผญและลูกน้อย เพื่อไปเรียกพี่วินฝั่งโน้น (ฝั่งวัดครุใน) หวังว่าจะมีคนช่วยเรา
ในที่สุดสายตาของพี่วินคนนึงก็สบมาที่ จขกท. ทันที (วิ๊งๆ คิดในใจ เสร็จตรู บ้าหราาา) ก็เลยพยักหน้าให้พี่วินขับมาหา
พี่เค้าก็มานะจ๊ะ (แสดงว่าเราสวยไม่ใช่เล่น ป่าว พี่เค้ามองหาลูกค้าอยู่แล้ว) เราบอกพี่วินไปว่าเรื่องเป็นไงและจะไปที่ไหน
พี่เค้าก็จะเอากล่องทีวีหลังตุง 14 นิ้วทีเราไปไว้ข้างหน้าเพื่อให้พี่ผญกับลูกน้อยซ้อนท้าย แต่สรุปกล่องมันใหญ่มว๊ากกกก
ไว้ข้างหน้าไม่ได้ พี่วินแนะนำว่าต้องมีคนซ้อนอุ้มทีวีไปด้วยถึงจะไปได้นะ งามไส้จะมีใครละ
แววตาพี่ผญ. ก็สาดมาที่เรา ปิ๊งๆ (พี่เค้าคงอยากจะบอกเราว่าช่วยพี่เค้าที แต่เค้าไม่กล้าพูดนะ สายตาประมาณนั้น)
จขกท. เลยบอกพี่ผญ.ว่าเดี๋ยวหนูอุ้มทีวีหลังตุง 14 นิ้วซ้อนพี่วิน ไปส่งพี่ที่บ้านเอง พี่นั่งมอร์ไซค์ฯอีกคันนำไปเลยนะ
สรุป ก็นั่งซ้อนพี่วินไป ตามพี่ผญ. ซึ่งจากตรงนั้น (วัดครุใน) ก็ไปใกล้พอสมควร เข้าซอยลึกด้วย ที่สำคัญ
ซ.บ้านพี่เค้า รถยนต์ รวมถึงแท็กซี่ก็เข้าไปไม่ได้ เป็นทางลาดปูนผ่านคลอง ประมาณนี้
พอถึงบ้าน (ซึ่งยังต้องเดินไปอีกชั้น 2 เป็นห้องเช่านั่นเอง) พี่เค้าก็บอกเราว่า พี่จะซื้อทีวีไปให้พ่อกับแม่ที่บ้านนอก
(เราได้ยินแบบนั้นแล้วน้ำตาจะไหล) ก็เลยบอกพี่ผญ. เดี๋ยวเรายกทีวีไปส่งที่ห้องเอง พร้อมบอกพี่วินที่มาส่งเรา
ว่า รอด้วยนะพี่ (ณ จุดๆนั้นถ้าพี่วินไม่รอ ก็ไม่รู้จะออกจากซ.ยังไง ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว) พอถึงห้อง พี่เค้าก็วางลูกและก็รีบมารับทีวีที่เรา
พร้อมกับขอบคุณเราหลายๆครั้ง เราก็บอกไม่เป็นไรพี่โชคดีนะ
เดินลงมาจากห้องพี่ผญ. เจอพี่วินรออยู่ด้วย (ดีใจชะมัด นึกว่าต้องเดินออกจากซ. คนเดียวสะแล้ว) ก็บอกพี่วินว่าจะไปไหน
พอถึงหน้าบ้านก็ถามพี่วินว่าเท่าไหร่ พี่วินบอก 10 บาทครับ (นี่มันราคาปกติจากปากซอยครุในไปบ้านอยู่แล้ว)
จ่ายเงินไปมือสั่นไป พี่วินบอกมือสั่น เหนื่อยหรอ เราบอกป่าว หนักค่ะพี่ ฮ่าาาาาา
พี่วินคนนี้ ไม่คิดเงินจากครุในไปซ.สง่า (15 บาท) และจากซ.สง่ามาครุใน (น่าจะ 20 บาท)
ต้องขอบคุณพี่วินคนนี้มาก พี่เค้าอยู่วิน "ใต้สะพานลอยวัดครุใน" เบอร์ 3 ที่มีน้ำใจกับเรา 3 คน ซึ่งต่างกับพวกวินฝั่งวัดครุนอก
ที่ไม่คิดจะช่วยเราเลย ขอบคุณพี่วินเบอร์ 3 จริงๆ นะคะ ดีใจที่ยังมีพี่วินดีๆอยู่
ปล.เมื่อ เราถึงบ้านก็เล่าให้พ่อฟังอย่างภูมิใจ อารมณ์เด็กๆลูกคนเล็ก อิอิ
บอกพ่อว่าการที่เราช่วยคนอื่น ลุกให้คนนั่งบนรถเมล์บ้าง ถือของบ้าง บลาๆ
เมื่อวันนึงที่หนูไปทำงานไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ จะได้มีคนลุกให้พ่อกับแม่นั่งบนรถเมล์บ้าง
ช่วยพ่อแม่แบบนี้บ้าง พ่อแม่จะได้ไม่ลำบากนะ (พ่อแม่ จขกท. อายุ 60+ แล้วนะคะ)
เมื่อพ่อฟังจบก็ยิ้มอย่างภูมิใจ แค่นี้ลูกคนนึงก็มีความสุขแล้ว
หลายๆอย่างทำให้เรารู้
"คนเราไม่จำเป็นต้องรวยหรือมีเงินมากก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ ด้วยแรงกายและแรงใจที่เรามีนั่นเอง"
ขอบคุณที่อ่านจบนะคะ
ปล. รูปนี้เป็นพี่วินที่ช่วย จขกท. นะคะ และคันข้างหน้าก็คือ พี่ผญ.กับลูกน้อย
เรื่องใจใจ กับ วินมอร์ไซค์
ปกติแล้ว จขกท. ทำงานเดินทางกลับบ้านก็จะดึก มีวิธีนั่งรถหลายทาง (บ้าน จขกท.อยู่ชานเมืองนะคะ)
วันนี้นั่งเรือ ต่อรถเมล์ ต่อสองแถวเพื่อจะไปต่อมอร์เตอร์ไซค์พี่วินอีกที
ระหว่างที่เจ้าของกระทู้กำลังลงจากสองแถวเพื่อจะขึ้นสะพานลอยนั้น
ก็เห็นแม่ลูกคู่นึง (ลูกก็เล็กนะคะ พอยืนได้แต่พูดยังไม่ได้) กับกล่องขนาดใหญ่ 1 ใบ (ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นอะไร)
และก็ถุงที่คล้องแขนอีก 1 ถุง ท่าทางเงอะๆ เงิ่นๆ อยู่ตรทางลง-ทางขึ้นสพานลอย จริงๆแล้ว จขกท.
ก็คิดว่าพี่เค้าจะขึ้นรถสองแถวคันที่ จขกท.ลง ก็เลยถามพี่เค้าไปว่า "หนูช่วยยกกล่องขึ้นขึ้นรถไหมคะพี่"
ลูกก็ร้อง หูกล่องข้างนึงก็ขาดแล้ว คิดในใจพี่แกจะยกขึ้นยังไงเนี่ย (สรุป ในกล่องเป็นทีวี 14 นิ้ว หลังตุงหนักมว๊าก)
พี่ผญ.เค้าบอกว่าพี่จะไปมอร์ไซค์ฯค่ะ บ้านพี่อยู่ซ.สง่า (ซ.ฝั่งตรงข้ามกับที่ จขกท.ยืนอยู่มีสะพานลอย ถนนประมาณ 8 เลน , 4:4)
ก็เลยพาพี่เค้าเดินไปเรียกมอร์เตอร์ฝั่งนี้ (ฝั่งวัดครุนอก) ตรงหน้าร้านคุณหมอฟัน พี่ๆไปซ.สง่าค่ะ จขกท. ก็อุ้มทีวี 14 นิ้ว
ไปเรียกพี่วิน พร้อมกับพี่ ผญ. คนนั้นอุ้มลูกอยู่ ตอนนั้นมีพี่วินอยู่ประมาณ 4-5 คน สิ่งที่พวกพี่วินบอก คือ
"โห่น้อง ไปไม่ได้หรอก ใครจะไป น้องไปเรียกไปฝั่งโน้นโน่น" (โอเอ็มจี : โอมายยยยก๊อด)
พวกพี่วิน 4-5 คนปฏิเสธทันควัน ไม่มีใครช่วยอะไรเลย ไล่เราสามคนให้ข้ามถนน 8 เลนไปเนี่ยนะ
พร้อมกับทำท่าทางเหมือนเราจะไปฟรี หรือถ้าไปไม่ได้ก็แนะนำอะไรดีๆ
ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย (คิดในใจ) เราก็บอกพี่วินนะ หนูอ่ะ ไม่รู้จักพี่เค้าหรอกนะ แต่พี่เค้ากะลูกจะไปยังไง?
พวกพี่วินไม่สนใจจ้า ตอนนั้นพี่ผญ. ก็หน้าเสียเลยนะ แบบไม่รู้จะไปไง แท็กซี่ไหมเราก็คิดนะ
แต่สำหรับบางคนแท็กซี่ก็คงจะแพงไปสำหรับเค้า เค้านั่งรถเมล์มาจากห้าง เค้าก็คงตัดสินใจแล้วแหละ
เลยไม่ได้บอกพี่เค้าว่าจะไปแท็กซี่ไหม
จขกท.ก็เลยบอกพี่ผญ.ที่อุ้มลูกว่า ไม่เป็นไรพี่เดี๋ยวหนูช่วยพาพี่ไปเอง (ในใจตอนนั้นสงสารพี่เค้ากะลูกนะ)
และอีกใจก็คิดว่า ตรูจะไปไงหว่า ผญ.ตัวเล็กๆอย่างฉัน มีตัวเปล่ากับถุงผ้า 1 ใบ ไม่มีอาวุธ
ไม่มีรถ ซ.สง่าอยู่ไหนยังไม่รู้เลยพูดตรงๆ อยู่แถวนั้นมา 20 ปี ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ ฮ่าาาา
แต่ด้วยแรงฮึกเหิม (หวังจะให้พี่วินเห็นว่าน้ำใจเป็นไง เช๊อะ สะบัดบ๊อบใส่) เลยแบกทีวีหลังตุง 14 นิ้ว เดินข้ามถนนไป
(ข้ามสะพานลอยไม่ไหว พูดเลย) พร้อมกับพี่ผญและลูกน้อย เพื่อไปเรียกพี่วินฝั่งโน้น (ฝั่งวัดครุใน) หวังว่าจะมีคนช่วยเรา
ในที่สุดสายตาของพี่วินคนนึงก็สบมาที่ จขกท. ทันที (วิ๊งๆ คิดในใจ เสร็จตรู บ้าหราาา) ก็เลยพยักหน้าให้พี่วินขับมาหา
พี่เค้าก็มานะจ๊ะ (แสดงว่าเราสวยไม่ใช่เล่น ป่าว พี่เค้ามองหาลูกค้าอยู่แล้ว) เราบอกพี่วินไปว่าเรื่องเป็นไงและจะไปที่ไหน
พี่เค้าก็จะเอากล่องทีวีหลังตุง 14 นิ้วทีเราไปไว้ข้างหน้าเพื่อให้พี่ผญกับลูกน้อยซ้อนท้าย แต่สรุปกล่องมันใหญ่มว๊ากกกก
ไว้ข้างหน้าไม่ได้ พี่วินแนะนำว่าต้องมีคนซ้อนอุ้มทีวีไปด้วยถึงจะไปได้นะ งามไส้จะมีใครละ
แววตาพี่ผญ. ก็สาดมาที่เรา ปิ๊งๆ (พี่เค้าคงอยากจะบอกเราว่าช่วยพี่เค้าที แต่เค้าไม่กล้าพูดนะ สายตาประมาณนั้น)
จขกท. เลยบอกพี่ผญ.ว่าเดี๋ยวหนูอุ้มทีวีหลังตุง 14 นิ้วซ้อนพี่วิน ไปส่งพี่ที่บ้านเอง พี่นั่งมอร์ไซค์ฯอีกคันนำไปเลยนะ
สรุป ก็นั่งซ้อนพี่วินไป ตามพี่ผญ. ซึ่งจากตรงนั้น (วัดครุใน) ก็ไปใกล้พอสมควร เข้าซอยลึกด้วย ที่สำคัญ
ซ.บ้านพี่เค้า รถยนต์ รวมถึงแท็กซี่ก็เข้าไปไม่ได้ เป็นทางลาดปูนผ่านคลอง ประมาณนี้
พอถึงบ้าน (ซึ่งยังต้องเดินไปอีกชั้น 2 เป็นห้องเช่านั่นเอง) พี่เค้าก็บอกเราว่า พี่จะซื้อทีวีไปให้พ่อกับแม่ที่บ้านนอก
(เราได้ยินแบบนั้นแล้วน้ำตาจะไหล) ก็เลยบอกพี่ผญ. เดี๋ยวเรายกทีวีไปส่งที่ห้องเอง พร้อมบอกพี่วินที่มาส่งเรา
ว่า รอด้วยนะพี่ (ณ จุดๆนั้นถ้าพี่วินไม่รอ ก็ไม่รู้จะออกจากซ.ยังไง ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว) พอถึงห้อง พี่เค้าก็วางลูกและก็รีบมารับทีวีที่เรา
พร้อมกับขอบคุณเราหลายๆครั้ง เราก็บอกไม่เป็นไรพี่โชคดีนะ
เดินลงมาจากห้องพี่ผญ. เจอพี่วินรออยู่ด้วย (ดีใจชะมัด นึกว่าต้องเดินออกจากซ. คนเดียวสะแล้ว) ก็บอกพี่วินว่าจะไปไหน
พอถึงหน้าบ้านก็ถามพี่วินว่าเท่าไหร่ พี่วินบอก 10 บาทครับ (นี่มันราคาปกติจากปากซอยครุในไปบ้านอยู่แล้ว)
จ่ายเงินไปมือสั่นไป พี่วินบอกมือสั่น เหนื่อยหรอ เราบอกป่าว หนักค่ะพี่ ฮ่าาาาาา
พี่วินคนนี้ ไม่คิดเงินจากครุในไปซ.สง่า (15 บาท) และจากซ.สง่ามาครุใน (น่าจะ 20 บาท)
ต้องขอบคุณพี่วินคนนี้มาก พี่เค้าอยู่วิน "ใต้สะพานลอยวัดครุใน" เบอร์ 3 ที่มีน้ำใจกับเรา 3 คน ซึ่งต่างกับพวกวินฝั่งวัดครุนอก
ที่ไม่คิดจะช่วยเราเลย ขอบคุณพี่วินเบอร์ 3 จริงๆ นะคะ ดีใจที่ยังมีพี่วินดีๆอยู่
ปล.เมื่อ เราถึงบ้านก็เล่าให้พ่อฟังอย่างภูมิใจ อารมณ์เด็กๆลูกคนเล็ก อิอิ
บอกพ่อว่าการที่เราช่วยคนอื่น ลุกให้คนนั่งบนรถเมล์บ้าง ถือของบ้าง บลาๆ
เมื่อวันนึงที่หนูไปทำงานไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ จะได้มีคนลุกให้พ่อกับแม่นั่งบนรถเมล์บ้าง
ช่วยพ่อแม่แบบนี้บ้าง พ่อแม่จะได้ไม่ลำบากนะ (พ่อแม่ จขกท. อายุ 60+ แล้วนะคะ)
เมื่อพ่อฟังจบก็ยิ้มอย่างภูมิใจ แค่นี้ลูกคนนึงก็มีความสุขแล้ว
"คนเราไม่จำเป็นต้องรวยหรือมีเงินมากก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ ด้วยแรงกายและแรงใจที่เรามีนั่นเอง"
ขอบคุณที่อ่านจบนะคะ
ปล. รูปนี้เป็นพี่วินที่ช่วย จขกท. นะคะ และคันข้างหน้าก็คือ พี่ผญ.กับลูกน้อย