ปชป.แจกปี๊ปคลุมหัว !!!
(ม็อบตาสว่าง รู้เช่นเห็นชาติหรือยัง)

เราทุกคนรับรู้ข่าวการเคลื่อนไหวของคุณสุเทพมาตลอด
การรื้อฟื้นและกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มทหารปฏิวัติเดิม
การคืนดีกับกลุ่มสนธิ จำลอง
การเชื่อมสัมพันธ์กับกลุ่มทุนเก่า
คือก้าวย่างของกลุ่ม ปชป.ตลอดมา เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นเอง

สุเทพทดสอบพลังมวลชนที่สามเสนกรณีนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
เมื่อเห็นว่าจุดติด จึงย้ายมาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน
ประจวบกับกลุ่มอธิการบดี ที่เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อมีสัญญาน

ดังนั้น ปชป. จึงกล้าพอที่จะตัดสินใจลาออกยกพรรค
สุเทพมั่นใจในกองทัพ (เพื่อนเก่า)
และสภาพแวดล้อมว่าจะสามารถบีบให้นายกฯยิ่งลักษณ์
ต้องลาออกจากการรักษาการ  อันจะนำมาซึ่งนายก ม.7
โดยคณะรัฐมนตรีจะมาจาก ปชป. และนักวิชาการ (กลุ่มอิงเผด็จการ)

สุเทพหวังจะใช้โอกาสนี้ทำลายล้างพรรคเพื่อไทยให้มลายราพนาสูรให้ได้ (เพราะหากยังอยู่ปชป.ก็แพ้เรื่อยไป)

แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของระบอบประชาธิปไตย (เมื่อเกิดแล้วไม่ยอมปล่อยง่ายๆ)
ด้วยสิทธิและเสรีภาพที่จะเลือกเส้นทางอนาคตของตัวเอง
(คนเราเมื่อเท่ากันแล้วจะไม่ยอมให้ใครมาชี้นิ้วกดขี่ได้อีก)
ด้วยพลังของประชาธิปไตยที่เป็นสากลและด้วยมวลชนนปช.
และประชาชนทุกผู้ ที่เบื่อจะถูกดูถูกว่าเป็นไพร่ตลอดกาล

การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. จึงมิอาจหยุดยั้งได้อีกต่อไป
สุเทพจึงเหลือทางเดียวคือ หยุดผลการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้

สุเทพและปชป. (เป็นไปได้ว่าได้หารือกับองค์กรมฤตยูทั้งหลายแล้ว)
จึงวางแผนทำให้การเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นโมฆะให้ได้
(มีผู้ทรงความรู้ ออกมาชี้นำแล้วว่าจะเป็นโมฆะอย่างไร เพื่อเปิดโอกาสให้ปชป. ได้ลงเลือกตั้งในครั้งต่อไป)

โจทย์ใหญ่และน่าละอายที่สุดที่ ปชป.
จะต้องกระทำก็คือการกลืนสะเลดและน้ำลายตัวเองด้วยการไปลงคะแนน
โดยอ้างว่าจะไปกา No Vote เพื่อรักษาสิทธิไว้ต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยในสภา สิ่งที่ต้องถามดักหน้าคือ

1. คุณเคยบอกว่าการเลือกตั้งไม่ได้แก้ปัญหาอะไร (แล้วจะไปลงคะแนนทำไม)

2. คุณเคยบอกว่าสภาไทยเป็นสภาทาส (แล้วคุณอยากจะกลับเข้าไปอีกทำไม)

3. คุณเคยบอกว่าการเคารพสิทธิครั้งนี้คือการเคารพสิทธิคนโกง
(ถ้าคุณไปลงคะแนน ก็แปลว่า คุณกำลังเคารพสิทธิคนโกงตามที่คุณพูดใช่ไหม)

4. คุณเคยตั้งเงื่อนไขไว้ว่าจะต้องปฏิรูป
(อย่าอธิบายน่ะว่ายังไม่รู้จะปฏิรูปอะไร)
ก่อนเลือกตั้ง แล้วทำไมคุณจึงจะกลับใจมาเลือกตั้งก่อนปฏิรูปล่ะ

5. คุณอรรถวิชช์ (ตี๋เล็กหน้าหยก) ออกมาอธิบายหน้าตาเฉยว่าต้องไปลงคะแนน
เพราะพรรคเคยมอบให้ทำหน้าที่ยื่นถอดถอน (บุคคลที่ ปชป.ไม่ชอบ)
ดังนั้นหากไม่ไปลงคะแนนจะเสียสิทธิ
กปปส. ฟังแล้วคิดว่า มันส์ไหมครับ(เป็นผมเจอหน้าคงต้องฟาดกบาลเลย)

6. คุณนิพิฏฐ์และคุณวิรัตน์ (จอมฟ้อง) วิ่งโร่ไปฟ้องศาล (ของคุณ)
ตั้งแต่ 31 ม.ค. ว่าการเลือกตั้งต้องเป็นโมฆะ
(จะให้ศาลประกาศก่อนวันเลือกตั้งเลยหรือ พวกคุณกลัวต้องไปลงคะแนนแล้ว
กปปส. จะเขกหัวคุณฐานโกหกใช่ไหม)

แล้วยังมีหน้าไปฟ้องด้วยว่า
การเลือกตั้งล่วงหน้าทำไม่ได้ ทำให้ประชาชนเสียสิทธิ
ผมมึนเลย ก็พวกคุณไม่ใช่หรือที่ไปขัดขวางแล้วมาฟ้องคนอื่นได้อย่างไร (อย่างนี้เรียกว่าพาล)

7. คุณอภิสิทธิ์ (หัวหน้าพรรคที่ปฏิเสธการเลือกตั้ง)
ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่า เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล ไม่สามารถไปชี้นำได้
(แล้วที่ผ่านมาทำไมชี้นำตลอด) สำหรับตัวเองขออุบเอาไว้ก่อน (ฮั่นแน่ คิดอะไรในใจครับ)

พี่น้อง กปปส. ครับ ท่านรู้หรือไม่ว่า
ในการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา
มีผู้นำม็อบหลายคนแอบไปลงคะแนน (เห็นไหมเขาหลอกคุณมาตลอด)

คราวนี้ก็เช่นกัน คุณคอยดูว่าจะมี ม็อบและ ปชป. ผู้ใดไปลงคะแนนบ้าง
และคุณคอยฟังเขาให้ดีนะ ว่าเขาจะประดิษฐ์วาทะกรรมอะไรออกมาหลอกคุณอีก
เชื่อขนมกินได้ เขาจะต้องบอกคุณว่า เขาจะต้องเซฟ ปชป.
เอาไว้เป็นปากเสียงของเหล่าม็อบ และของพี่น้องชาวใต้เพื่อสู้กับระบอบทักษิณ (แผ่นเสียงตกร่อง)

อย่าให้เขาหลอกอีกเลยครับ ผมขอแนะนำทุกท่านให้กลับไปบ้าน
และลงคะแนนเถอะครับ (เป็นสิทธิอันเป็นสมบัติของท่าน)

มีตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ควรปฏิบัติตาม ก็คือ ท่านอดีตนายกรัฐมนตรี
ก็ยังกรุณาไปใช้สิทธิเลยครับ

สุดท้ายอำนาจอะไรทั้งหลาย ก็เพลาๆ และพอทีเถอะครับ
สงสารลูกหลานตาดำๆ นะครับ

ที่มา : facebook ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี