ตอน หลุมพรางแห่งรัก (ภาคอดีต)
คำโปรย : เป็นการเล่าถึงอดีตในวัยเรียนของดรีม หทัยภัทรพอรู้ลางๆ ถึงความสัมพันธ์ของดรีมและกิ่งทิพย์ จึงอยากเตือนเพื่อนรักด้วยความหวังดีว่าเขากำลังเล่นกับไฟ และ ความไม่จริงใจของกิ่งทิพย์ แต่ดรีม อลงกต ก็รู้สึกว่าใจตัวเองรักกิ่งทิพย์ เข้าให้แล้ว แต่ก็ยังตัดใจจากคุณมิ้นท์ไม่ขาด พยายามจะวนเวียนมาดักรอเจออยู่เสมอ แต่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะคุณมิ้นท์หลบหน้า ไม่ยอมพบเขา!
ตัวละครเด่นในฉากนี้ กิ่งทิพย์ - หทัยภัทร - ดรีม อลงกต
วันนี้กิ่งทิพย์เรียนไม่มีสมาธิเอาเสียแล้ว หงุดหงิดกระวนกระวายใจมาตั้งแต่ช่วงบ่าย เมื่อได้ยินจากเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งของเธอในโรงเรียน เล่าให้ฟังว่า ณรงค์ พี่ชายตัวดีของเธอทำพิษ เขาไม่ยอมเข้าชั้นเรียน มีสารวัตรนักเรียนเห็นว่าปีนรั้วออกไปมั่วสุมอยู่ที่โต๊ะสนุกเกอร์หลังตลาดในเมืองและมีเรื่องยกพวกตีกับเด็กช่างกลของโรงเรียนอีกแห่งด้วย จนครูใหญ่ต้องมีจดหมายไปถึงผู้ปกครอง ซึ่งก็คือคุณลุงของเธอนั่นเอง และคาดโทษว่า หากพี่ชายของเธอเกเร โดดเรียนอีก ก็จะมีการทำทัณฑ์บนไว้ และถ้าละเมิดกฎโรงเรียนอีก จนครบ 3 ครั้ง พี่ชายของเธอก็จะโดนย้ายโรงเรียนหรือโดนไล่ออกทันที....
เมื่อเจ้ารงค์กลับมาถึงบ้านก็เสียงดังเอะอะโวยวาย โยนกระเป๋า เข็มขัด ถุงเท้าไปทาง ถอดเสื้อผ้านักเรียนกองเอาไว้ให้เธอเป็นคนซักให้อีกตามเคย หันไปคว้าผ้าขาวม้ามาคาดเอวแทนกางเกง เจ้ารงค์มันเป็นหนุ่มรุ่นกระทง กำลังห้าว ชอบการตีรันฟันแทง และเลือดร้อนเป็นนิสัย
“เบื่อโว้ย...กลับมาบ้านไม่มีอะไรกินเลย เซ็งว่ะ” สบถอย่างหัวเสีย เมื่อเปิดตู้กับข้าว ไม่พบว่ามีอาหารมื้อเย็นทำเสร็จใหม่ๆ รอไว้ให้มันกินเหมือนประจำทุกวัน
“อีกิ่ง ไปทอดไข่เจียวให้กูกินหน่อยสิวะ” หันมาสั่งน้องสาว ซึ่งเพิ่งกลับมาถึงจากโรงเรียนเช่นกัน
“ฉันเหนื่อย เหนียวตัวด้วย ขอไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายก่อนไม่ได้เหรอพี่”
“ไม่ได้ !! กูหิว จะกินเดี๋ยวนี้ ไปตีไข่เลย เร็วๆ ” เจ้ารงค์ตะโคกกลับ สายตาขุ่นเคือง
“ฉันรำคาญพี่จริงๆ เลย เอาแต่ใจที่สุด ใจร้อนนักก็นู่น หน้าปากซอย ร้านข้าวแกง”
“ถุ๊ย! ฝีมือห่วย ทำกินไม่ได้ รสชาติยังกะน้ำล้างตีน กูกินไม่ลงหรอกว่ะ” เจ้ารงค์ทำปากเหยียด
กิ่งทิพย์เบือนหน้าหนีจากพี่ชาย ยิ่งนานวัน เธอก็เริ่มอิดหนาระอาใจในตัวเขามากขึ้นทุกที พอห่างพ่อห่างแม่ เจ้ารงค์มันก็ใช้อำนาจของความเป็นพี่เข้าข่มน้องสาว ประกอบกับคุณลุงของเธอ ซึ่งอยากได้ลูกชายใจจะขาด แต่เป็นหมันมีไม่ได้ พอรับเจ้ารงค์มาเลี้ยง ก็เอาอกเอาใจเข้าข้างมันจนมันเสียเด็ก รีบหันไปคว้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่หน้าห้อง แล้วตรงรี่จะเข้าห้องน้ำ ไปอาบน้ำเสียให้นานๆ ให้สบายใจสบายตัว อย่างน้อยๆ ก็เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ต้องปะทะคารมกับเขาชั่วครู่
“อีกิ่ง นี่ไม่ฟังกูเลยเหรอวะ กูบอกให้ไปหุงข้าว ทอดไข่” เห็นน้องสาวทำเป็นไม่สนใจ เจ้ารงค์เลยชักพาลรีพาลขวาง เดินปราดเข้ามาประชิดตัว ดันหลังน้องตัวให้เดินเข้าไปในครัวอย่างทุลักทุเล
“อุ๊ยว้าย!..ตาเถร” ผู้เป็นน้องอุทานอย่างตกใจ เจ้ารงค์มันกำลังโมโหหิว ตาลาย เลยเผลอเดินไปชนน้องตัวเองเข้าอย่างจัง จนเซถลา ล้มไปโดนโต๊ะที่ใช้วางจานกินข้าวและเครื่องครัวที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบ หกระเนเกลื่อนพื้น
“ขอฉันอาบน้ำก่อนละกัน เดี๋ยวทำให้ ใจเย็นๆ ได้ไหม”
“กูจะรีบกิน แล้วรีบไป นัดกับเพื่อนไว้ค่ำนี้” มันยืนกราน
“พี่ก็ดีแต่ใจร้อน ถือว่าฉันเป็นน้องล่ะสิ เลยได้ใจ จิกหัวใช้เอา รำคาญนะจะบอกให้”
“หนอย...กูเป็นพี่แท้ๆ แต่ใช้ไม่ได้ ต้องผัวสินะ ถึงใช้ได้น่ะ อีกิ่ง”
เจ้ารงค์มันรีบประชด เพราะรู้ข่าวลือมาจากเพื่อนของมันอีกคนที่อยู่โรงเรียนเดียวกับกิ่งทิพย์ คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นแฟนใหม่ของน้องมัน แต่มันเองก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเจ้าหมอนี่อย่างถนัดถนี่
“ใช่.. ขืนด่ามากๆ ฉันก็จะหนีไปหาผัวเสียเท่านั้น ให้ผัวใช้ ยังสบายใจกว่าจะมาทนฟังเสียงพี่ตัวเองบ่นว่า”
“อ๋อ...อีกิ่ง นะ หน้าด้าน กระแตมาบอกได้ว่าเป็นผัว กูจะเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้ชัด ผัวให้หมด”
“กรุณาอย่าเรียกไอ้ชัดว่าผัวได้ไหมพี่รงค์ พี่ก็รู้ว่าฉันกับมันน่ะเราเลิกกันไปตั้งนานแล้ว มันหน้าด้านมาตื๊อฉันเอง”
“แต่ยังไงมันก็เคยเป็นผัวเก่ามาก่อน กูรู้สันดานมันดี คนอย่างไอ้ชัดมันไม่ยอมปล่อยง่ายๆ หรอกจำไว้ ” ว่าพลางย้ำนิ้วจิ้มที่หน้าผากน้องสาวคนสวย
“ก็ตอนนี้ฉันมีผัวใหม่แล้ว ถ้าพี่เจอตัวมัน ก็ฝากบอกมันด้วยนะว่า อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก รำคาญ”
“เออแน่ะ...ผัวใหม่ ใช่ไอ้เด็กหลังวัดคนนั้นหรือเปล่าฮึ ท่าทางอ้อนแอ้นดีนี่ จะปกป้องอะไรได้เล่า ฮ่าๆๆ” เจ้ารงค์มันหัวเราะอย่างดูถูก
“อ้อ....ใช่สิ ถึงเขาจะเป็นเด็กวัดก็จริงอยู่ แต่เขาก็เรียนเก่ง นิสัยดี เรียบร้อยกว่าพี่ละกันน่า”
“ชิชะ นังนี่ โดนเดี๋ยวตบ ทำตีฝีปากใส่กูนะอีกิ่ง กูอ่ะเกลียดเด็กวัด อย่าให้เจอนะ จะแกล้งจับแก้ผ้าซะให้เข็ด”
เพื่อจะดักคอ และปรามๆ ความคึกคะนองของคนพี่ไว้ครึ่งหนึ่ง จึงตอบไปว่า
“อย่านะ...พี่ทำอะไรเขาไม่ได้หรอกน่า.. ดรีมเขามีเพื่อนเยอะ ถ้าพี่ทำเขา ระวังพี่จะโดนรุมนะ” สาวน้อยนิ่งตรองอยู่ครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“อ่อ...แล้วนี่นะ ฉันจะบอกให้ ขนาดกะเทยในโรงเรียนยังรักเขาเลย อีกอย่างดรีมก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่ใครจะมารังแกง่ายๆ ฉันเคยได้ยินคนเขาพูดกันนะว่า
ดรีมเขามีฉายาว่า “ไอ้สิงโตหลังโบถส์”
เจ้าคนพี่นึกประหลาดใจ มันคิดอย่างทื่อๆ ว่าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามว่า ไอ้ดรีมมันเป็นคนขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไร ช้ำยังมีแต่โรคร้ายประดาตัว จะตายวันตายพรุ่งอยู่รอมมะร่อ จนป้ามันต้องไปบนบานเจ้าพ่อไทรขอชีวิต จนชาวบ้านเขาหัวเราะกันทั้งบาง จะอย่างไรก็คือไอ้ขี้โรควันยังค่ำ จะมาเก่งกว่าคนอย่างมันได้อย่างไร
“อืม...ฉายานี้กูก็เคยได้ยินว่ะ แต่จะเก่งสักแค่ไหน มันก็คงไม่เหนือตีน หมัดศอก กูไปได้หรอก โดนชกหน้าทีก็คงคว่ำ จนลุกไม่ขึ้นแล้ว”
“พี่นี่มันเถื่อนถ่อยได้ใจจริงๆ เลยนะ พูดจากระด้างหู หยาบคายก็เท่านั้น ถ้าดรีมรู้ว่าฉันมีพี่ชายที่มีนิสัยเยี่ยงนี้ล่ะก็ ฉันคงได้ขายหน้าจนแทรกดินหนี ยังไงพี่ก็อย่าไปรังเกียจเขานะ ทำตัวดีดีหน่อยเวลาเจอเขา ถือว่าเห็นแก่ฉันที่เป็นน้องละกันนะพี่นะ” ขอร้องจนแทบจะกลายเป็นวิงวอน
“หมายความว่า ต่อไปจะให้ไอ้ดรีมอะไรนี่ มาเป็นน้องเขยกูเหรอวะ อีกิ่ง นี่ชักเพี้ยนไปกันใหญ่ แปลกคน สวยก็สวยแต่โง่ ผู้ชายเต็มอัฐอย่างไอ้ชัด ทะลึ่งไม่เอา ดันไปคว้าไอ้ขี้แยมาทำผัว อีบ้า!”
“หึ...อยากด่าอะไรก็ด่าไปเลย แต่พี่ห้ามฉันไม่ได้หรอก เรารักกัน ตั้งแต่คบกัน ฉันเพิ่งรู้ว่าคนอย่างเขาน่ะดีกว่าผู้ชายเลวๆ อย่างไอ้ชัดมันตั้งเยอะ”
“โอ๊....อย่างนั้นเชียวรึ ผัวของนี่คงจะวิเศษมาจากไหนสินะ กูชักอยากเจอตัวมันใกล้ๆ ซะแล้วว่ะ”
“หล่อมากๆจ๊ะ หล่อกว่าพี่ร้อยเท่า และที่สำคัญคือเขาชอบกิ่งมากด้วย”
“อย่าเอามันมาเหยียบบ้านกูละกัน บัดสีความจน มีน้องสาวกะเขาคนหนึ่ง ก็ไปคว้ายาจกมาทำผัว”
“กูจะบอกให้นะ อย่างไอ้ดรีมเนี่ย มันสู้ของไอ้ชัดไม่ได้หรอกโว้ย..อย่างมากก็แค่ล่มปากอ่าวให้อารมณ์ค้าง ใครๆ ก็รู้ว่ามันไก่อ่อน ไร้น้ำยา”
“นั่นปากเหรอน่ะ อย่ายั่วฉันนักนาพี่ จะบอกให้ ถ้าฉันทนไม่ไหว หนีกลับไปอยู่กับพ่อที่ปราจีนขึ้นมาล่ะก็ พี่จะลำบากนะ ใครจะคอยดูแล ซักผ้า ทำกับข้าวให้พี่กิน และฉันก็จะรายงานนิสัยพี่ให้พ่อได้รู้ให้หมด จากนั้นพี่จะก็อดเงินรายเดือนจากพ่อ อดซื้อมอเตอร์ไซด์คันใหม่ อดอะไรดีดีอีกหลายๆ อย่าง เชอะ!” คราวนี้เจ้าคนน้อง สาธยายต่อไปอย่างได้เปรียบ ทำให้เจ้ารงค์เริ่มสำนึกตัวได้บ้าง
“อิน้องขี้ฟ้อง ไป๊ ! รีบไปอาบน้ำเร็วๆ แล้วมาทอดไข่เจียวให้พี่กิน ด่วน...” มันสั่งเร็วปร๋อ เสียงที่เคยกร้าวแข็งเริ่มอ่อนลง
“แทนตัวเองว่าพี่เป็นด้วยเหรอไง” กิ่งทิพย์แอบทุบเบาๆ ที่ไหล่ของพี่ชายจอมหัวรั้นอย่างหมั้นเขี้ยว
“นี่...พี่รงค์จะบอกให้...ถ้าพี่อยากให้ฉันทำงานบ้าน ทำกับข้าวกับปลาให้พี่นะ พี่ก็อย่าดุ อย่าตะคอกฉันสิ ฉันเป็นน้องนะ ไม่ใช่ทาสพี่ พูดดีดีก็เป็น แต่ไม่ทำ”
อาหารมื้อเย็นของกิ่งทิพย์และเจ้ารงค์ ผ่านพ้นไปอย่างง่ายๆ และรวดเร็ว มีไข่เจียว ผักน้ำพริก และปลาทูนึ่ง เจ้าคนพี่สวาปามอย่างเอร็ดอร่อย พ้นไปสองจาน ส่วนน้องสาวก็ได้แต่นั่งมองดูพี่กินและตัวเองก็กินไปด้วยอย่างภูมิใจ
“เป็นไงละพี่ ขนาดทำแบบลวกๆ นะเนี่ย ยังอร่อยใช่ไหมละ ดูท่าทางพี่รงค์จะชอบไข่เจียวนะเนี่ย” กิ่งทิพย์ว่าพลางใช้ช้อนกลางตักไข่เจียวอีกคำใส่จานข้าวให้พี่ชายอย่างเอาใจ
“เออ....ยอมรับว่าอร่อยมากจริงเชียว” เจ้ารงค์พยักหน้า พลางยกนิ้วให้ นัยว่าชื่นชมในฝีมือของน้องมัน
“อย่างนี้แหละพี่ เขาเรียกเสน่ห์ปลายจวักค่ะ ต่อไปผัวจะรักผัวจะหลง” เจ้ารงค์ฟังน้องมันพร่ำแล้ว ก็ได้แต่หัวเราะหึหึ
“ขอให้มันจริงดังว่าเหอะวะ ไอ้พวกเด็กวัดเนี่ยนะ มันเสเพลกันจะตาย ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ค่ำไหนนอนนั่น ไม่ต้องรับผิดชอบ ระวังนะอีกิ่ง ถ้ามันเกิดเบื่อขึ้นมาวันไหน จะโดนทิ้งกลายเป็นหมาหัวเน่า ร้องไห้มาฟ้องกู ก็จะตบซ้ำให้ เพราะถือว่าสอนแล้วไม่จำ อินังน้องไม่รักดี”
“ดรีมเขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกพี่ เขารักจริง เชื่อฉันเหอะ ฉันมั่นใจว่าสยบเขาได้ แต่ตอนนี้ก็กังวลอยู่ เพราะคู่แข่งหัวใจฉันน่ะ ทั้งสวย รวย เรียนเก่ง แต่พี่เชื่อเหอะว่าน้องสาวพี่น่ะ ชนะขาดลอย ไม่เป็นสองรองใครแน่ๆ”
“มั่นใจเหลือเกินนะอีกิ่ง แล้วกูจะคอยดู ว่าไอ้ดรีมจะไล่ตาม หรือจะไล่ตามมัน”
“ปากคอพี่น่ะให้มันเพลาๆ ลงหน่อย สองคำอีสามคำ ฉันละเบื่อ จริงๆ พี่ก็รูปหล่อมีเสน่ห์นะ แต่ไม่ไหวอ่ะ ดุชะมัดเลย ผู้หญิงเป็นแฟนคงกลัว”
“กูไม่สนใจเรื่องผู้หญิงยิงเรือหรอก เอ่อ...เห็นลุงบอกว่า จะเรียนต่อด้านภาษา ไปสอบเป็นแอร์ไม่ใช่เหรอ”
“จ๊ะ ฉันจะเรียนต่อด้านไก๊ส์ เน้นภาษา อยากเป็นแอร์ใจจะขาด คงได้ทำฝึกอาหารอร่อยๆ แบบนี้บนเครื่องบินด้วย ให้ฉันทำเป็นหลายๆ อย่างก่อน จะกลับมาทำให้พี่กินบ่อยๆ นะ” เจ้ารงค์ยิ้ม รวบช้อนส้อมเข้าหากัน
“อ้าว...อิ่มแล้วรึ ไม่กินต่ออีกจานล่ะ เห็นว่าหิวจัดมา”
“ไม่ล่ะ จะรีบไป นัดเพื่อนไว้” เจ้ารงค์เดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำดื่มแก้กระหาย
“เพื่อนพี่สำคัญมากขนาดนั้นเลย เย็นมาถึงอยู่ไม่เคยติดบ้าน จะกลับอีกทีก็ตีหนึ่งยันตีห้า ครูใหญ่เขาฝากเตือนฉันกับลุงมาแล้วนะว่าให้คาดโทษพี่ จะไล่ออก” คำว่าไล่ออกไม่ทำให้เจ้ารงค์สะทกสะท้าน ด้วยสันดานที่รักในทางนักเลงของมัน ทั้งใจมันเองตอนนี้ก็ไม่คิดอยากเรียนต่ออยู่แล้ว
“ถ้าพี่เรียนไม่จบแล้ว พี่จะออกมาทำอะไรฉันอยากรู้ ริเป็นพวกหัวไม้ มันได้เงินใช้หรือไง” คนน้องทักท้วงอย่างนึกห่วง
“แล้วมันธุระกงการอะไรของเอ็งวะอีกิ่ง กู..เฮ้ย..พี่ โตแล้วโว้ย...ได้ต้องยุ่งหรอกน่า” พอนึกมาได้ว่าน้องสาวไม่ชอบคำหยาบ เลยเปลี่ยนสรรพนามทันท่วงที
“ฝากล้างจานด้วยนะ ขอบใจ ไปละ” เจ้ารงค์พออิ่มได้ทีก็ทำท่าจะผละหนีไปดื้อๆ
กิ่งทิพย์กำลังสาละวนอยู่กับการเก็บล้างถ้วยชามในครัวที่เพิ่งกินเสร็จ ฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข เพราะทำไปก็นึกถึงแต่คนหน้าเจ้าดรีมคนรักไป เลยอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นพิเศษ ขณะที่เจ้ารงค์ รีบสวมรองเท้าหนังคู่เก่ง คว้ามีดพกคู่ใจ ที่เหน็บไว้ข้างฝาบ้านถอดออกจากฝัก
“ช่างน่าครั่นคร้ามเสียจริง มีดลงอาคมของไอ้รงค์”
เจ้ารงค์เอ่ยพลางชูมีดขาวปลาบแวววาวในมือขึ้นดู กระหยิ่มใจว่าวันนี้ฤกษ์ดี คงได้ใช้งานมันครั้งแรก พอเดือนขึ้น มีดเล่มนี้คงได้แสดงอิทธิฤทธิ์ดังคาถาที่ปลุกเสกเอาไว้ แล้วเจ้าหนุ่มผู้คลั่งในไสยเวทย์และเชื่อในอภินิหารแห่งชายชาตรี ก็นั่งก้มหน้าก้มตาลับมีดกับหินขัดอยู่ครู่หนึ่ง เอามือจับคมดู รู้สึกหนับๆ จึงพอใจ แล้วเก็บมีดซ่อนซุกไว้ที่เอวของมันอย่างมิดชิด
“วันนี้ล่ะ ใครหน้าไหนมาทำซ่าส์กับกูเหอะ ได้มีเจ็บ มีหามกันบ้างล่ะวะ ฮ่าๆ” เจ้ารงค์หัวเราะในลำคออย่างแค้นๆ พลันความเดือดดื้อมุทะลุในนิสัยก็พุ่งขึ้นมา กระโจนขึ้น สตาร์ทมอเตอร์ไซด์เสียงดังกระหึ่ม กลิ่นควันรถลอยขโมงไปถึงในครัว อารามด้วยความตกใจ คนเป็นน้องสาวจึงรีบวิ่งแจ้นออกมาดูพี่ชายที่หน้าบ้าน
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! (หน้ากากสิง (สิงห์ผยอง)
คำโปรย : เป็นการเล่าถึงอดีตในวัยเรียนของดรีม หทัยภัทรพอรู้ลางๆ ถึงความสัมพันธ์ของดรีมและกิ่งทิพย์ จึงอยากเตือนเพื่อนรักด้วยความหวังดีว่าเขากำลังเล่นกับไฟ และ ความไม่จริงใจของกิ่งทิพย์ แต่ดรีม อลงกต ก็รู้สึกว่าใจตัวเองรักกิ่งทิพย์ เข้าให้แล้ว แต่ก็ยังตัดใจจากคุณมิ้นท์ไม่ขาด พยายามจะวนเวียนมาดักรอเจออยู่เสมอ แต่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะคุณมิ้นท์หลบหน้า ไม่ยอมพบเขา!
ตัวละครเด่นในฉากนี้ กิ่งทิพย์ - หทัยภัทร - ดรีม อลงกต
วันนี้กิ่งทิพย์เรียนไม่มีสมาธิเอาเสียแล้ว หงุดหงิดกระวนกระวายใจมาตั้งแต่ช่วงบ่าย เมื่อได้ยินจากเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งของเธอในโรงเรียน เล่าให้ฟังว่า ณรงค์ พี่ชายตัวดีของเธอทำพิษ เขาไม่ยอมเข้าชั้นเรียน มีสารวัตรนักเรียนเห็นว่าปีนรั้วออกไปมั่วสุมอยู่ที่โต๊ะสนุกเกอร์หลังตลาดในเมืองและมีเรื่องยกพวกตีกับเด็กช่างกลของโรงเรียนอีกแห่งด้วย จนครูใหญ่ต้องมีจดหมายไปถึงผู้ปกครอง ซึ่งก็คือคุณลุงของเธอนั่นเอง และคาดโทษว่า หากพี่ชายของเธอเกเร โดดเรียนอีก ก็จะมีการทำทัณฑ์บนไว้ และถ้าละเมิดกฎโรงเรียนอีก จนครบ 3 ครั้ง พี่ชายของเธอก็จะโดนย้ายโรงเรียนหรือโดนไล่ออกทันที....
เมื่อเจ้ารงค์กลับมาถึงบ้านก็เสียงดังเอะอะโวยวาย โยนกระเป๋า เข็มขัด ถุงเท้าไปทาง ถอดเสื้อผ้านักเรียนกองเอาไว้ให้เธอเป็นคนซักให้อีกตามเคย หันไปคว้าผ้าขาวม้ามาคาดเอวแทนกางเกง เจ้ารงค์มันเป็นหนุ่มรุ่นกระทง กำลังห้าว ชอบการตีรันฟันแทง และเลือดร้อนเป็นนิสัย
“เบื่อโว้ย...กลับมาบ้านไม่มีอะไรกินเลย เซ็งว่ะ” สบถอย่างหัวเสีย เมื่อเปิดตู้กับข้าว ไม่พบว่ามีอาหารมื้อเย็นทำเสร็จใหม่ๆ รอไว้ให้มันกินเหมือนประจำทุกวัน
“อีกิ่ง ไปทอดไข่เจียวให้กูกินหน่อยสิวะ” หันมาสั่งน้องสาว ซึ่งเพิ่งกลับมาถึงจากโรงเรียนเช่นกัน
“ฉันเหนื่อย เหนียวตัวด้วย ขอไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายก่อนไม่ได้เหรอพี่”
“ไม่ได้ !! กูหิว จะกินเดี๋ยวนี้ ไปตีไข่เลย เร็วๆ ” เจ้ารงค์ตะโคกกลับ สายตาขุ่นเคือง
“ฉันรำคาญพี่จริงๆ เลย เอาแต่ใจที่สุด ใจร้อนนักก็นู่น หน้าปากซอย ร้านข้าวแกง”
“ถุ๊ย! ฝีมือห่วย ทำกินไม่ได้ รสชาติยังกะน้ำล้างตีน กูกินไม่ลงหรอกว่ะ” เจ้ารงค์ทำปากเหยียด
กิ่งทิพย์เบือนหน้าหนีจากพี่ชาย ยิ่งนานวัน เธอก็เริ่มอิดหนาระอาใจในตัวเขามากขึ้นทุกที พอห่างพ่อห่างแม่ เจ้ารงค์มันก็ใช้อำนาจของความเป็นพี่เข้าข่มน้องสาว ประกอบกับคุณลุงของเธอ ซึ่งอยากได้ลูกชายใจจะขาด แต่เป็นหมันมีไม่ได้ พอรับเจ้ารงค์มาเลี้ยง ก็เอาอกเอาใจเข้าข้างมันจนมันเสียเด็ก รีบหันไปคว้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่หน้าห้อง แล้วตรงรี่จะเข้าห้องน้ำ ไปอาบน้ำเสียให้นานๆ ให้สบายใจสบายตัว อย่างน้อยๆ ก็เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ต้องปะทะคารมกับเขาชั่วครู่
“อีกิ่ง นี่ไม่ฟังกูเลยเหรอวะ กูบอกให้ไปหุงข้าว ทอดไข่” เห็นน้องสาวทำเป็นไม่สนใจ เจ้ารงค์เลยชักพาลรีพาลขวาง เดินปราดเข้ามาประชิดตัว ดันหลังน้องตัวให้เดินเข้าไปในครัวอย่างทุลักทุเล
“อุ๊ยว้าย!..ตาเถร” ผู้เป็นน้องอุทานอย่างตกใจ เจ้ารงค์มันกำลังโมโหหิว ตาลาย เลยเผลอเดินไปชนน้องตัวเองเข้าอย่างจัง จนเซถลา ล้มไปโดนโต๊ะที่ใช้วางจานกินข้าวและเครื่องครัวที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบ หกระเนเกลื่อนพื้น
“ขอฉันอาบน้ำก่อนละกัน เดี๋ยวทำให้ ใจเย็นๆ ได้ไหม”
“กูจะรีบกิน แล้วรีบไป นัดกับเพื่อนไว้ค่ำนี้” มันยืนกราน
“พี่ก็ดีแต่ใจร้อน ถือว่าฉันเป็นน้องล่ะสิ เลยได้ใจ จิกหัวใช้เอา รำคาญนะจะบอกให้”
“หนอย...กูเป็นพี่แท้ๆ แต่ใช้ไม่ได้ ต้องผัวสินะ ถึงใช้ได้น่ะ อีกิ่ง”
เจ้ารงค์มันรีบประชด เพราะรู้ข่าวลือมาจากเพื่อนของมันอีกคนที่อยู่โรงเรียนเดียวกับกิ่งทิพย์ คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นแฟนใหม่ของน้องมัน แต่มันเองก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเจ้าหมอนี่อย่างถนัดถนี่
“ใช่.. ขืนด่ามากๆ ฉันก็จะหนีไปหาผัวเสียเท่านั้น ให้ผัวใช้ ยังสบายใจกว่าจะมาทนฟังเสียงพี่ตัวเองบ่นว่า”
“อ๋อ...อีกิ่ง นะ หน้าด้าน กระแตมาบอกได้ว่าเป็นผัว กูจะเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้ชัด ผัวให้หมด”
“กรุณาอย่าเรียกไอ้ชัดว่าผัวได้ไหมพี่รงค์ พี่ก็รู้ว่าฉันกับมันน่ะเราเลิกกันไปตั้งนานแล้ว มันหน้าด้านมาตื๊อฉันเอง”
“แต่ยังไงมันก็เคยเป็นผัวเก่ามาก่อน กูรู้สันดานมันดี คนอย่างไอ้ชัดมันไม่ยอมปล่อยง่ายๆ หรอกจำไว้ ” ว่าพลางย้ำนิ้วจิ้มที่หน้าผากน้องสาวคนสวย
“ก็ตอนนี้ฉันมีผัวใหม่แล้ว ถ้าพี่เจอตัวมัน ก็ฝากบอกมันด้วยนะว่า อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก รำคาญ”
“เออแน่ะ...ผัวใหม่ ใช่ไอ้เด็กหลังวัดคนนั้นหรือเปล่าฮึ ท่าทางอ้อนแอ้นดีนี่ จะปกป้องอะไรได้เล่า ฮ่าๆๆ” เจ้ารงค์มันหัวเราะอย่างดูถูก
“อ้อ....ใช่สิ ถึงเขาจะเป็นเด็กวัดก็จริงอยู่ แต่เขาก็เรียนเก่ง นิสัยดี เรียบร้อยกว่าพี่ละกันน่า”
“ชิชะ นังนี่ โดนเดี๋ยวตบ ทำตีฝีปากใส่กูนะอีกิ่ง กูอ่ะเกลียดเด็กวัด อย่าให้เจอนะ จะแกล้งจับแก้ผ้าซะให้เข็ด”
เพื่อจะดักคอ และปรามๆ ความคึกคะนองของคนพี่ไว้ครึ่งหนึ่ง จึงตอบไปว่า
“อย่านะ...พี่ทำอะไรเขาไม่ได้หรอกน่า.. ดรีมเขามีเพื่อนเยอะ ถ้าพี่ทำเขา ระวังพี่จะโดนรุมนะ” สาวน้อยนิ่งตรองอยู่ครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“อ่อ...แล้วนี่นะ ฉันจะบอกให้ ขนาดกะเทยในโรงเรียนยังรักเขาเลย อีกอย่างดรีมก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่ใครจะมารังแกง่ายๆ ฉันเคยได้ยินคนเขาพูดกันนะว่า ดรีมเขามีฉายาว่า “ไอ้สิงโตหลังโบถส์”
เจ้าคนพี่นึกประหลาดใจ มันคิดอย่างทื่อๆ ว่าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามว่า ไอ้ดรีมมันเป็นคนขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไร ช้ำยังมีแต่โรคร้ายประดาตัว จะตายวันตายพรุ่งอยู่รอมมะร่อ จนป้ามันต้องไปบนบานเจ้าพ่อไทรขอชีวิต จนชาวบ้านเขาหัวเราะกันทั้งบาง จะอย่างไรก็คือไอ้ขี้โรควันยังค่ำ จะมาเก่งกว่าคนอย่างมันได้อย่างไร
“อืม...ฉายานี้กูก็เคยได้ยินว่ะ แต่จะเก่งสักแค่ไหน มันก็คงไม่เหนือตีน หมัดศอก กูไปได้หรอก โดนชกหน้าทีก็คงคว่ำ จนลุกไม่ขึ้นแล้ว”
“พี่นี่มันเถื่อนถ่อยได้ใจจริงๆ เลยนะ พูดจากระด้างหู หยาบคายก็เท่านั้น ถ้าดรีมรู้ว่าฉันมีพี่ชายที่มีนิสัยเยี่ยงนี้ล่ะก็ ฉันคงได้ขายหน้าจนแทรกดินหนี ยังไงพี่ก็อย่าไปรังเกียจเขานะ ทำตัวดีดีหน่อยเวลาเจอเขา ถือว่าเห็นแก่ฉันที่เป็นน้องละกันนะพี่นะ” ขอร้องจนแทบจะกลายเป็นวิงวอน
“หมายความว่า ต่อไปจะให้ไอ้ดรีมอะไรนี่ มาเป็นน้องเขยกูเหรอวะ อีกิ่ง นี่ชักเพี้ยนไปกันใหญ่ แปลกคน สวยก็สวยแต่โง่ ผู้ชายเต็มอัฐอย่างไอ้ชัด ทะลึ่งไม่เอา ดันไปคว้าไอ้ขี้แยมาทำผัว อีบ้า!”
“หึ...อยากด่าอะไรก็ด่าไปเลย แต่พี่ห้ามฉันไม่ได้หรอก เรารักกัน ตั้งแต่คบกัน ฉันเพิ่งรู้ว่าคนอย่างเขาน่ะดีกว่าผู้ชายเลวๆ อย่างไอ้ชัดมันตั้งเยอะ”
“โอ๊....อย่างนั้นเชียวรึ ผัวของนี่คงจะวิเศษมาจากไหนสินะ กูชักอยากเจอตัวมันใกล้ๆ ซะแล้วว่ะ”
“หล่อมากๆจ๊ะ หล่อกว่าพี่ร้อยเท่า และที่สำคัญคือเขาชอบกิ่งมากด้วย”
“อย่าเอามันมาเหยียบบ้านกูละกัน บัดสีความจน มีน้องสาวกะเขาคนหนึ่ง ก็ไปคว้ายาจกมาทำผัว”
“กูจะบอกให้นะ อย่างไอ้ดรีมเนี่ย มันสู้ของไอ้ชัดไม่ได้หรอกโว้ย..อย่างมากก็แค่ล่มปากอ่าวให้อารมณ์ค้าง ใครๆ ก็รู้ว่ามันไก่อ่อน ไร้น้ำยา”
“นั่นปากเหรอน่ะ อย่ายั่วฉันนักนาพี่ จะบอกให้ ถ้าฉันทนไม่ไหว หนีกลับไปอยู่กับพ่อที่ปราจีนขึ้นมาล่ะก็ พี่จะลำบากนะ ใครจะคอยดูแล ซักผ้า ทำกับข้าวให้พี่กิน และฉันก็จะรายงานนิสัยพี่ให้พ่อได้รู้ให้หมด จากนั้นพี่จะก็อดเงินรายเดือนจากพ่อ อดซื้อมอเตอร์ไซด์คันใหม่ อดอะไรดีดีอีกหลายๆ อย่าง เชอะ!” คราวนี้เจ้าคนน้อง สาธยายต่อไปอย่างได้เปรียบ ทำให้เจ้ารงค์เริ่มสำนึกตัวได้บ้าง
“อิน้องขี้ฟ้อง ไป๊ ! รีบไปอาบน้ำเร็วๆ แล้วมาทอดไข่เจียวให้พี่กิน ด่วน...” มันสั่งเร็วปร๋อ เสียงที่เคยกร้าวแข็งเริ่มอ่อนลง
“แทนตัวเองว่าพี่เป็นด้วยเหรอไง” กิ่งทิพย์แอบทุบเบาๆ ที่ไหล่ของพี่ชายจอมหัวรั้นอย่างหมั้นเขี้ยว
“นี่...พี่รงค์จะบอกให้...ถ้าพี่อยากให้ฉันทำงานบ้าน ทำกับข้าวกับปลาให้พี่นะ พี่ก็อย่าดุ อย่าตะคอกฉันสิ ฉันเป็นน้องนะ ไม่ใช่ทาสพี่ พูดดีดีก็เป็น แต่ไม่ทำ”
อาหารมื้อเย็นของกิ่งทิพย์และเจ้ารงค์ ผ่านพ้นไปอย่างง่ายๆ และรวดเร็ว มีไข่เจียว ผักน้ำพริก และปลาทูนึ่ง เจ้าคนพี่สวาปามอย่างเอร็ดอร่อย พ้นไปสองจาน ส่วนน้องสาวก็ได้แต่นั่งมองดูพี่กินและตัวเองก็กินไปด้วยอย่างภูมิใจ
“เป็นไงละพี่ ขนาดทำแบบลวกๆ นะเนี่ย ยังอร่อยใช่ไหมละ ดูท่าทางพี่รงค์จะชอบไข่เจียวนะเนี่ย” กิ่งทิพย์ว่าพลางใช้ช้อนกลางตักไข่เจียวอีกคำใส่จานข้าวให้พี่ชายอย่างเอาใจ
“เออ....ยอมรับว่าอร่อยมากจริงเชียว” เจ้ารงค์พยักหน้า พลางยกนิ้วให้ นัยว่าชื่นชมในฝีมือของน้องมัน
“อย่างนี้แหละพี่ เขาเรียกเสน่ห์ปลายจวักค่ะ ต่อไปผัวจะรักผัวจะหลง” เจ้ารงค์ฟังน้องมันพร่ำแล้ว ก็ได้แต่หัวเราะหึหึ
“ขอให้มันจริงดังว่าเหอะวะ ไอ้พวกเด็กวัดเนี่ยนะ มันเสเพลกันจะตาย ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ค่ำไหนนอนนั่น ไม่ต้องรับผิดชอบ ระวังนะอีกิ่ง ถ้ามันเกิดเบื่อขึ้นมาวันไหน จะโดนทิ้งกลายเป็นหมาหัวเน่า ร้องไห้มาฟ้องกู ก็จะตบซ้ำให้ เพราะถือว่าสอนแล้วไม่จำ อินังน้องไม่รักดี”
“ดรีมเขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกพี่ เขารักจริง เชื่อฉันเหอะ ฉันมั่นใจว่าสยบเขาได้ แต่ตอนนี้ก็กังวลอยู่ เพราะคู่แข่งหัวใจฉันน่ะ ทั้งสวย รวย เรียนเก่ง แต่พี่เชื่อเหอะว่าน้องสาวพี่น่ะ ชนะขาดลอย ไม่เป็นสองรองใครแน่ๆ”
“มั่นใจเหลือเกินนะอีกิ่ง แล้วกูจะคอยดู ว่าไอ้ดรีมจะไล่ตาม หรือจะไล่ตามมัน”
“ปากคอพี่น่ะให้มันเพลาๆ ลงหน่อย สองคำอีสามคำ ฉันละเบื่อ จริงๆ พี่ก็รูปหล่อมีเสน่ห์นะ แต่ไม่ไหวอ่ะ ดุชะมัดเลย ผู้หญิงเป็นแฟนคงกลัว”
“กูไม่สนใจเรื่องผู้หญิงยิงเรือหรอก เอ่อ...เห็นลุงบอกว่า จะเรียนต่อด้านภาษา ไปสอบเป็นแอร์ไม่ใช่เหรอ”
“จ๊ะ ฉันจะเรียนต่อด้านไก๊ส์ เน้นภาษา อยากเป็นแอร์ใจจะขาด คงได้ทำฝึกอาหารอร่อยๆ แบบนี้บนเครื่องบินด้วย ให้ฉันทำเป็นหลายๆ อย่างก่อน จะกลับมาทำให้พี่กินบ่อยๆ นะ” เจ้ารงค์ยิ้ม รวบช้อนส้อมเข้าหากัน
“อ้าว...อิ่มแล้วรึ ไม่กินต่ออีกจานล่ะ เห็นว่าหิวจัดมา”
“ไม่ล่ะ จะรีบไป นัดเพื่อนไว้” เจ้ารงค์เดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำดื่มแก้กระหาย
“เพื่อนพี่สำคัญมากขนาดนั้นเลย เย็นมาถึงอยู่ไม่เคยติดบ้าน จะกลับอีกทีก็ตีหนึ่งยันตีห้า ครูใหญ่เขาฝากเตือนฉันกับลุงมาแล้วนะว่าให้คาดโทษพี่ จะไล่ออก” คำว่าไล่ออกไม่ทำให้เจ้ารงค์สะทกสะท้าน ด้วยสันดานที่รักในทางนักเลงของมัน ทั้งใจมันเองตอนนี้ก็ไม่คิดอยากเรียนต่ออยู่แล้ว
“ถ้าพี่เรียนไม่จบแล้ว พี่จะออกมาทำอะไรฉันอยากรู้ ริเป็นพวกหัวไม้ มันได้เงินใช้หรือไง” คนน้องทักท้วงอย่างนึกห่วง
“แล้วมันธุระกงการอะไรของเอ็งวะอีกิ่ง กู..เฮ้ย..พี่ โตแล้วโว้ย...ได้ต้องยุ่งหรอกน่า” พอนึกมาได้ว่าน้องสาวไม่ชอบคำหยาบ เลยเปลี่ยนสรรพนามทันท่วงที
“ฝากล้างจานด้วยนะ ขอบใจ ไปละ” เจ้ารงค์พออิ่มได้ทีก็ทำท่าจะผละหนีไปดื้อๆ
กิ่งทิพย์กำลังสาละวนอยู่กับการเก็บล้างถ้วยชามในครัวที่เพิ่งกินเสร็จ ฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข เพราะทำไปก็นึกถึงแต่คนหน้าเจ้าดรีมคนรักไป เลยอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นพิเศษ ขณะที่เจ้ารงค์ รีบสวมรองเท้าหนังคู่เก่ง คว้ามีดพกคู่ใจ ที่เหน็บไว้ข้างฝาบ้านถอดออกจากฝัก
“ช่างน่าครั่นคร้ามเสียจริง มีดลงอาคมของไอ้รงค์”
เจ้ารงค์เอ่ยพลางชูมีดขาวปลาบแวววาวในมือขึ้นดู กระหยิ่มใจว่าวันนี้ฤกษ์ดี คงได้ใช้งานมันครั้งแรก พอเดือนขึ้น มีดเล่มนี้คงได้แสดงอิทธิฤทธิ์ดังคาถาที่ปลุกเสกเอาไว้ แล้วเจ้าหนุ่มผู้คลั่งในไสยเวทย์และเชื่อในอภินิหารแห่งชายชาตรี ก็นั่งก้มหน้าก้มตาลับมีดกับหินขัดอยู่ครู่หนึ่ง เอามือจับคมดู รู้สึกหนับๆ จึงพอใจ แล้วเก็บมีดซ่อนซุกไว้ที่เอวของมันอย่างมิดชิด
“วันนี้ล่ะ ใครหน้าไหนมาทำซ่าส์กับกูเหอะ ได้มีเจ็บ มีหามกันบ้างล่ะวะ ฮ่าๆ” เจ้ารงค์หัวเราะในลำคออย่างแค้นๆ พลันความเดือดดื้อมุทะลุในนิสัยก็พุ่งขึ้นมา กระโจนขึ้น สตาร์ทมอเตอร์ไซด์เสียงดังกระหึ่ม กลิ่นควันรถลอยขโมงไปถึงในครัว อารามด้วยความตกใจ คนเป็นน้องสาวจึงรีบวิ่งแจ้นออกมาดูพี่ชายที่หน้าบ้าน