“บีเบอร์” เสี่ยง! โดนเนรเทศออกนอกสหรัฐฯ

เอเอฟพี - คดีเมาแล้วขับของ “จัสติน บีเบอร์” อาจจะสร้างปัญหาบานปลาย เมื่อมีความเห็นว่าพฤติกรรมละเมิดกฎหมายของศิลปินหนุ่มชาวแคนาดาวัย 19 ปี อาจลงเอยทำให้เขาโดนเนรเทศออกจากสหรัฐอเมริกาเลยก็ได้
       
       จัสติน บีเบอร์ ยังคงเก็บตัวเงียบ หลังถูกตั้งข้อหาขับขี่รถยนต์ขณะมีอาการมึนเมา จากการโดนจับระหว่างแข่งรถกับเพื่อน ที่ถนนของ ไมอามีบีช ฟลอริดา โดยมีข้อสงสัยออกมาว่าเขาอาจจะเมาสุรา และเพิ่งสูบกัญชามา
       
       ถึงตอนนี้ Twitter ของ บีเบอร์ แทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ผิดวิสัยของเขา ที่ปกติมักจะอัปเดตความเคลื่อนไหวของตนเองให้กับแฟนๆ จำนวน 49 ล้านคนที่กดตามอยู่ได้รับรู้เสมอ มีเพียงการโพสต์ภาพที่เขาโบกไม้โบกมือให้กับแฟนๆ บริเวณด้านนอกของห้องขัง และยังโพสต์ภาพ ไมเคิล แจ็กสัน ระหว่างต่อสู้กับคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กชาย เป็นการเปรียบเทียบด้วย โดย บีเบอร์ เขียนข้อความสั้นๆ ประกอบภาพเอาไว้ว่า “พวกเขาจะพูดอะไรก็พูดไป” เท่านั้น
       
       นอกจากคดีเมาแล้วขับที่ บีเบอร์ จ่ายเงินประกันตัวไป 2,500 เหรียญฯ แล้ว เขายังมีสิทธิ์จะโดนตั้งข้อหาขัดขืนการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ และใช้ใบอนุญาตขับขี่ที่หมดอายุด้วย ไม่เท่านั้นศิลปินหนุ่มขวัญใจสาวๆ ยังอยู่ระหว่างถูกสอบสวน ในกรณีที่เขาถูกกล่าวหาว่าใช้ไข่ดิบ ขว้างใส่บ้านของเพื่อนบ้าน จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นบ้านของเขา และพบยาเสพติดผิดกฎหมายอยู่ในบ้านจำนวนหนึ่ง จนมีการควบคุมตัวเพื่อนของ บีเบอร์ ที่เชื่อกันว่าเป็นเจ้าของยาเสพติดดังกล่าว

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
“บีเบอร์” เสี่ยง! โดนเนรเทศออกนอกสหรัฐฯ
ผู้เชี่ยวชาญทางกฏหมายเชื่อ "บีเบอร์" อาจเข้าข่ายถูกเนรเทศออกนอกสหรัฐฯ หากศาลตัดสินให้เขามีความผิดในคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
    
ทั้งหมดคือปัญหาทางกฎหมายของศิลปินหนุ่มน้อยชาวแคนาดา ที่ทำให้เกิดกระแสออกมาว่าคดีทั้งหมด อาจลงเอยทำให้เขาต้องถูกเนรเทศออกนอกสหรัฐฯ เลยทีเดียว
       
       ถึงช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่แล้วมีประชาชนจำนวนมากกว่า 8,000 คน ที่ร่วมลงชื่อผ่านแบบฟอร์มยื่นเรื่องร้องเรียนของทำเนียบข่าว เพื่อเรียกร้องให้ทางการตัดสินเนรเทศ บีเบอร์ ออกจากประเทศสหรัฐฯ ไปซะ โดยหนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อได้แสดงความเห็นว่า “บีเบอร์ ไม่เพียงมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยของคนอื่น แต่เขายังส่งอิทธิพลอันเลวร้ายไปสู่วัยรุ่นด้วย”
       
       จากข้อมูลของ Forbes บีเบอร์ น่าจะทำรายได้ประมาณ 58 ล้านเหรียญฯ ในปี 2013 จากการแสดงสด และงานบันเทิงในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ภายใต้วีซ่าประเภท O-1 ที่ออกให้กับคนที่ทำงานในวงการบันเทิง โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ ได้ระบุเอาไว้ในเว็บไซต์ของหน่วยงาน ว่าบุคคลที่จะได้รับ O-1 จะต้องมีคุณสมบัติด้านความสามารถที่โดดเด่น ซึ่งได้รับการรับรองในระดับประเทศ หรือมีชื่อเสียงในนานาชาติ และยังมีสิทธิ์พำนักอยู่ในสหรัฐฯ แค่ชั่วคราว เพื่อทำงานในสาขาตามความสามารถของตนเท่านั้น
       
       สเตซี ทอลชิน ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านการย้ายถิ่นฐาน ได้ให้ความเห็นกับหนังสือพิมพ์ Los Angeles Times ว่าแม้พฤติกรรมไม่เหมาะสมหลาย ๆ อย่างที่ผ่านมาของ บีเบอร์ อาจจะไม่ได้มีผลกระทบกับวีซ่าประเภท O-1 ของเขา แต่ถ้าเป็นคดีการทำร้ายร่างกาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาโดนตัดสินให้มีความผิดจริง ก็อาจมีปัญหาได้ ...
       
       “เขาคงต้องเตรียมทนายคดีอาญา กับทนายความตรวจคนเข้าเมืองเก่งๆ เอาไว้บ้าง” นักกฏหมายรายนี้ให้ความเห็น และยังเพิ่มเติมว่าถ้าเขาโดนตัดสินให้มีความผิดในคดียาเสพติด ก็คงจะเป็นปัญหาใหญ่เช่นเดียวกัน

    
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
“บีเบอร์” เสี่ยง! โดนเนรเทศออกนอกสหรัฐฯ
แต่สุดท้ายปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ "บีเบอร์" รอดตัว แตกต่างจากคนต่างด้าวในสหรัฐฯ โดยทั่วไปที่เจอคดีลักษณะนี้ ก็คือเรื่องของเงิน
ภายใต้กฎหมายคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ ระบุเอาไว้ชัดว่าหากบุคคลใดทำผิดกฎหมายยาเสพติดของสหรัฐฯ หรือของประเทศใดๆ แม้จะเป็นเพียงการครอบครองกัญชาในจำนวนที่เล็กน้อย แต่ก็สามารถเป็นเหตุผลของการถูกเนรเทศได้แล้ว
       
       ไมเคิล ไวลด์ส ทนายความตรวจคนเข้าเมืองอีกคน ให้ความเห็นกับ ABCNews.com ว่าถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการจะเล่นงาน บีเบอร์ จริงๆ ก็คงทำได้ “ถ้ากองตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาอยากจะเล่นงานเขา ก็คงทำให้เรื่องนี้เป็นคดีขึ้นมาได้ รวมกับเรื่องไข่ไก่อะไรนั้นอีก หน่วยงานรัฐหลายแห่งสามารถทำให้คดีเกิดขึ้นมาได้จริง”
       
       อย่างไรก็ตาม ไดอานา โชลล์ แห่ง สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน เชื่อว่าสุดท้ายด้วยชื่อเสียง, ความโด่งดัง และความร่ำรวย บีเบอร์ คงจะไม่ถูกเนรเทศออกไปด้วยเรื่องแค่นี้แน่
       
       “ถ้าเป็นคนอื่นโดนตัดสินลงโทษในคดีความผิดแบบนี้ บุคคลดังกล่าวก็คงโดนกักขังจนหมดสภาพก่อนจะถูกเนรเทศออกนอกประเทศไป …. นอกจากนั้นคนต่างด้าวส่วนใหญ่น่าจะประมาณ 84% ได้ก็คงไม่มีปัญญาจะไปหาทนายความมาช่วยอะไรได้ อย่าว่าแต่ทนายชื่อดังราคาแพงเลย”
       
       แต่หากสุดท้ายหากศิลปินหนุ่มชาวแคนาดาถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ ไปจริงๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพราะจากรายงานของศูนย์นโยบายคนเข้าเมืองแห่งกรุงวอชิงตัน ได้เปิดเผยว่า 1 ใน 10 ของผู้ที่ถูกเนรเทศออกนอกประเทศสหรัฐฯ มีสาเหตุมาจากคดีความผิดเล็กๆ น้อยๆ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรุนแรงแต่อย่างใด
       
เครดิต http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9570000010651
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่