เคสที่ 1

ที่ผ่านมาผมซื้อของเงินสดตลอด กดทีเดียว ทีละเยอะๆ แล้วก็รอเงินรายได้ในครั้งต่อๆไป

เช่นเงินเข้าวันละ  3000 บาท ครบเดือนก็ 90,000 แต่ไม่ทันครบ 90,000 ก็เอาเงินไปซื้อของแบบเงินสดตลอดครับ มีของจุกจิก ตามประสาคนไม่มีอะไรเลย (ผมมีกรุงเทพตัวเปล่าๆ ไม่มีอะไรเลย)

ทำแบบนี้มาตลอด จนเงินเหลือในบัญชี ประมาณ 20,000 ตลอดระยะเวลา 5 ปี รวมเงิน 4 ล้านกว่าบาทที่ผมใช้ไปและโอนให้ที่บ้าน

ผมเดินรายการแบบนี้มา 5 ปีแล้ว แบบนี้สถาบันการเงินจะตีรายได้ผมต่อเดือนเท่าไรครับ

----

เคสที่ 2

ด้านบนอันนั้นเป็นนิสัยเก่าผม ตามประสาคนไม่มีของใช้ เลยใช้เงินเยอะไปหน่อย ซื้อสดอย่างเดียวในราคาต่ำกว่าแสน (เคยซื้อสดแพงที่สุดคือ กล้อง Nikon D800 99,000 บาท กดไปซื้อ เงินบัญชีเกลี้ยงทันทีและเก็บเงินใหม่)

หลังจากที่ได้ซื้อของใช้จนหมดอยากตลอด 5 ปีแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มเก็บเงิน ไม่ซื้อของจุกจิกแล้ว

เงินเข้าวันละ 3,000 พอครบเดือนก็เหลือ 50,000 และสะสมเรือยๆ ตอนนี้มี 200,000 บาท ส่วน 40,000 นั้นหักค่าใช้จ่าย

ถ้าผมทำนิสัยแบบนี้ แน่นอนว่า ผมจะเก็บเงิน ได้เยอะกว่าเก่า เพราะผมแทบไม่ใช้เงินเลย (แบบว่า ไม่สนใจของชิ้นเล็กๆแล้ว ตอนนี้สนใจของระดับล้าน เช่น รถ และ บ้าน)

โอกาศที่จะมีเงินเก็บเยอะๆ มีสูง

แล้วอย่างนี้ ผมจะไปกู้เขามามันก็ง่าย แต่ส่วนมากเลือกจะซื้อสดมากกว่า

ยกเว้นซื้อผ่อน แล้วเอาเงินไปลงทุนต่อ

ถ้าผมเดินบัญชีแบบหลังในระยะเวลา 1 ปี ผมจะมีเงิน 50,000x12=600,000  บาท

หลังจากที่ผมเดินบัญชีไปแล้ว 1 ปี มีเงินเก็บ 600,000 บาท

สถาบันการเงินจะตีรายได้ผมต่อเดือนเท่าไร (90,000 หรือ 50,000)