สวัสดีครับ เพื่อนชาวพันทิป วันนี้ผมมีประสบการณ์อันน่าขมขื่นมาแบ่งปันให้กับพี่น้องชาวพันทิปได้รับรู้กับถึงชั่วร้ายของโจรในคราบพนักงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขออนุญาตเริ่มเลยนะ
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2014 ผมได้เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังโคลอมโบ ศรีลังกา ด้วยสายการบิน "ไทยสไมล์" เที่ยว TG2901 BKK - COLOMBO
ก่อนเวลาเดินทางผมได้ Check-in ที่เคาน์เตอร์ E11 ประมาณ 19.30 น. จากนั้นก็เข้าไปยังตัวอาคารผู้โดยสารเพื่อรอเรียกขึ้นเครื่อง ณ Gate D1A เมื่อถึงเวลาก็นั่งรถบัสออกไปขึ้นเครื่อง ณ ลานจอด การเดินทางเป็นปกติจนถึงสนามบินปลายทาง (เครื่องลงประมาณ 00.05) จากนั้นก็ไปรอรับกระเป๋า ซึ่งกระเป๋ามาถึงมือประมาณ 00.30-00.35 เนื่องจากผมก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรผิดปกติ เพราะเชื่อมั่นสายการบิน จึงได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมที่พัก ปรากฎว่า ขณะที่จะเอากุญแจมาไขเพื่อปลดล๊อค ก็พบว่า ซิบของกระเป๋าถูกรูดออกจากบริเวณที่ล๊อค และมีร่องรอยการตัดที่ชัดเจน เมื่อเปิดกระเป๋า พบว่า สัมภาระต่างๆถูกรื้อค้นกระจัดกระจายจนหมด และมีทรัพย์สินบางอย่างหายไป คือ External Harddisk และแว่นกันแดดยี่ห้อ Rayban หายไป โดยทิ้งกล่องที่ใช้ใส่อุปกรณ์ทั้งไว้ในกระเป๋า ไม่ได้นำไปด้วย (อยากจะบอกว่า ในกระเป๋าเดินทางผมใส่แว่นกันแดดไว้ 2 อัน คือ Rayban กับ โพลาไลท์ อันละประมาณ 400-500 บาท โจรมันไม่นำไปด้วย แต่ก็ถูกรื้อออกมาจากซอง เพราะมันคงรู้ราคาอยู่)
จากนั้น ผมจึงได้รีบโทรกลับมายังศูนย์ประสานงานด้านสัมภาระของการบินไทย 24 ชม. เพื่อแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสายการบินเองเช็คข้อมูลเบื้องต้นก็สันนิษฐานว่า น่าจะโดนงัดตั้งแต่ที่ประเทศไทย เพราะเป็นไฟล์ทที่มีคนเดินทางน้อย กระเป๋าไม่มาก และเวลาที่กระเป๋าถูกพักก่อนขึ้นเครื่องมีมากพอสมควร จึงเป็นช่องทางให้โจรสามารถทำมิดีมิร้ายกับกระเป๋าเดินทางได้ ก่อนจะจบการสนทนา ทางศูนย์ประสานก็แจ้งจะประสานไปทางสนามบินโคลัมโบด้วย เพื่อเช็คว่าเหตุการณ์นี้ อาจจะเกิดขึ้นที่ปลายทาง หลังจากก็วางสายไป ทั้งนี้ผมก็ได้ส่งอีเมล์ พร้อมภาพกลับมายังศูนย์ประสานงานด้วย
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ผมออกไปประชุมกับลูกค้า และกลับมาถึงโรงแรม ก็ได้รับข้อความที่ฝากไว้ที่เคาน์เตอร์โรงแรม ให้โทรกลับไปยังสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ผมก็ให้ไปตามการร้องขอ ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบิน, TAG no. ของกระเป๋า, ของที่เสียหาย และสูญหาย เป็นต้น จากนั้นก็วางสายไปเพื่อรอการแจ้งกลับ
เวลาต่อมาผมก็ได้การติดต่อจากทางการบินไทย ว่าได้ประสานงานให้เรียบร้อยแล้ว จะออกเป็นเอกสารเคลมสัมภาระให้ ส่วนเรื่องคดีความ เจ้าของเรื่องต้องมาแจ้งความเอง นั่นเป็นนัยสำคัญเบาๆที่ส่งสัญญาณว่า ผมจะไม่ได้ของคืนแล้วแน่ๆ ดังนั้น คงทำอะไรไม่ได้เลยตอนนี้ จนกว่าจะกลับถึงไทย ผมจึงได้ส่งเมล์แจ้งความประสงค์เรื่องจะร้องเรียนด้านคดีความเมื่อถึงประเทศไทยไปยังสายการบิน
เมื่อถึงวันเดินทางกลับ ผมเดินทางกลับด้วยสายการบิน "ไทยสไมล์" เหมือนเดิม ด้วยไฟล์ท TG 2902 COLOMBO - BKK วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2557 เวลา 01.20 เนื่องจากผมต้องประสานเรื่องเอกสารเคลม จึงต้องมาถึงสนามบินเร็วขึ้น (ประมาณ 22.30 น.) เมื่อถึงสนามบินผมก็ได้ประสานกับพนักงานภาคพื้นเรื่องเอกสาร เธอเดินไปแจ้งกับหัวหน้า สักพักเธอก็เดินกลับมาพร้อมเอกสารเคลมซึ่งทางสายการบินได้เดินเรื่องรอไว้แล้ว ให้ผมมาประสานกับฝ่ายติดตามสัมภาระอีกครั้งเมื่อถึงไทย
แต่เรื่องที่ผมท้าทาย และไม่คิดว่าจะได้แจ๊คพอตคือ ผมท้าทายโจรในคราบพนักงานอีกว่า ขากลับผมจะโดนอีกมั้ย จึงได้จัดสัมภาระอย่างเรียบร้อยและจำตำแหน่งต่างๆของสิ่งของในกระเป๋าอย่างชัดเจน และเรื่องที่คิดไว้ดันเกิดขึ้นจริงๆครับ เมื่อผมรับกระเป๋าเสร็จ สภาพภายนอกบ่งบอกเลยว่า กระเป๋าของผมโดนงัดอีกครั้ง เนื่องจากตำแหน่งของซิปที่โดนไปตั้งแต่ขาไปนั้นถูกรูดไปอยู่สุดปลายซิปอีกด้านเหมือนตอนที่โดนตอนขาเข้าศรีลังกาเลย ผมเลยเปิดกระเป๋าออกทันที และพบว่า สิ่งของหมดโดนรื้อกระจัดกระจายอีกครั้ง ของที่อยู่ในถุงในซองต่างๆก็ถูกรื้อทั้งหมด แว่นโพลาไลท์ที่โจรไม่ได้เอาไปครั้งแรก มันก็ยังคงรื้อออกจากซอง และทิ้งไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม ผมทั้งโมโห และทั้งแค้น จึงไปติดต่อฝ่ายสัมภาระ ว่า ผมโดนงัดกระเป๋าอีกแล้ว ทั้งไปและกลับ พนักงานพูดได้แค่ว่า เรื่องแบบนี้เกิดบ่อยมากที่สนามบินสุวรรณภูมิ (น้ำเสียงพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ) แล้วก็ถามราคาของที่หายของผมว่าราคาเท่าไหร่ แล้วก็บอกได้แค่ว่า ให้ผมทำเรื่องแล้วกันนะ ราคาก็คงได้ไม่เต็มนะ พร้อมส่งกระดาษพร้อมเบอร์ติดต่อให้ผมประสานเอา
*** ดูง่ายนะครับ
แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น ผมได้ไปแจ้งความต่อที่สถานีตำรวจสุวรรณภูมิซึ่งอยู่ที่อาคารผู้โดยสารชั้นหนึ่ง เพื่อลงบันทึกประจำวันและขออำนาจตำรวจเพื่อดูกล้องย้อนหลัง จากนั้นก็มีโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่การบินไทย ซึ่งดูแลด้านความปลอดภัยของผู้โดยสารและคดีต่างๆที่เกิดขึ้น มาหาที่ สน. เพื่อถามรายละเอียดต่างๆ และต้องขอบคุณพี่ตำรวจ และพี่การบินไทยท่านนั้นที่ประสานงานให้ พาไปดูกล้องที่อาคาาร AOB ของการท่า แต่สุดท้ายก็จับโจรไม่ได้ เนื่องจากโจรรู้มุมกล้องครับ และกล้องก็ไม่ได้มีมุมนั้นพอดี มันเอากระเป๋าผมลงจากสายพาน และวางแอบที่หลังเสา เห็นเพียงเท่านี้ ผมก็ถอดใจแล้วครับ สรุปว่า คนชั่วยังลอยนวลอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ อันตรายยังไม่หมดไปจากแผ่นดินไทยครับ
ต่อจากนี้ก็คงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ต่อไปครับ ผมคงต้องก้มหน้ารับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา
เพื่อนๆเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างมั้ยครับ เราจะสามารถทำอะไรอีกได้บ้างครับ ลองมาแชร์ให้ทราบกันบ้างนะครับ ขอบคุณครับ
บินสบายใจ พร้อมโดนงัดกระเป๋าเดินทางทั้งขาไป และขากลับ กับ Thai Smile
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2014 ผมได้เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังโคลอมโบ ศรีลังกา ด้วยสายการบิน "ไทยสไมล์" เที่ยว TG2901 BKK - COLOMBO
ก่อนเวลาเดินทางผมได้ Check-in ที่เคาน์เตอร์ E11 ประมาณ 19.30 น. จากนั้นก็เข้าไปยังตัวอาคารผู้โดยสารเพื่อรอเรียกขึ้นเครื่อง ณ Gate D1A เมื่อถึงเวลาก็นั่งรถบัสออกไปขึ้นเครื่อง ณ ลานจอด การเดินทางเป็นปกติจนถึงสนามบินปลายทาง (เครื่องลงประมาณ 00.05) จากนั้นก็ไปรอรับกระเป๋า ซึ่งกระเป๋ามาถึงมือประมาณ 00.30-00.35 เนื่องจากผมก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรผิดปกติ เพราะเชื่อมั่นสายการบิน จึงได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมที่พัก ปรากฎว่า ขณะที่จะเอากุญแจมาไขเพื่อปลดล๊อค ก็พบว่า ซิบของกระเป๋าถูกรูดออกจากบริเวณที่ล๊อค และมีร่องรอยการตัดที่ชัดเจน เมื่อเปิดกระเป๋า พบว่า สัมภาระต่างๆถูกรื้อค้นกระจัดกระจายจนหมด และมีทรัพย์สินบางอย่างหายไป คือ External Harddisk และแว่นกันแดดยี่ห้อ Rayban หายไป โดยทิ้งกล่องที่ใช้ใส่อุปกรณ์ทั้งไว้ในกระเป๋า ไม่ได้นำไปด้วย (อยากจะบอกว่า ในกระเป๋าเดินทางผมใส่แว่นกันแดดไว้ 2 อัน คือ Rayban กับ โพลาไลท์ อันละประมาณ 400-500 บาท โจรมันไม่นำไปด้วย แต่ก็ถูกรื้อออกมาจากซอง เพราะมันคงรู้ราคาอยู่)
จากนั้น ผมจึงได้รีบโทรกลับมายังศูนย์ประสานงานด้านสัมภาระของการบินไทย 24 ชม. เพื่อแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสายการบินเองเช็คข้อมูลเบื้องต้นก็สันนิษฐานว่า น่าจะโดนงัดตั้งแต่ที่ประเทศไทย เพราะเป็นไฟล์ทที่มีคนเดินทางน้อย กระเป๋าไม่มาก และเวลาที่กระเป๋าถูกพักก่อนขึ้นเครื่องมีมากพอสมควร จึงเป็นช่องทางให้โจรสามารถทำมิดีมิร้ายกับกระเป๋าเดินทางได้ ก่อนจะจบการสนทนา ทางศูนย์ประสานก็แจ้งจะประสานไปทางสนามบินโคลัมโบด้วย เพื่อเช็คว่าเหตุการณ์นี้ อาจจะเกิดขึ้นที่ปลายทาง หลังจากก็วางสายไป ทั้งนี้ผมก็ได้ส่งอีเมล์ พร้อมภาพกลับมายังศูนย์ประสานงานด้วย
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ผมออกไปประชุมกับลูกค้า และกลับมาถึงโรงแรม ก็ได้รับข้อความที่ฝากไว้ที่เคาน์เตอร์โรงแรม ให้โทรกลับไปยังสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ผมก็ให้ไปตามการร้องขอ ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบิน, TAG no. ของกระเป๋า, ของที่เสียหาย และสูญหาย เป็นต้น จากนั้นก็วางสายไปเพื่อรอการแจ้งกลับ
เวลาต่อมาผมก็ได้การติดต่อจากทางการบินไทย ว่าได้ประสานงานให้เรียบร้อยแล้ว จะออกเป็นเอกสารเคลมสัมภาระให้ ส่วนเรื่องคดีความ เจ้าของเรื่องต้องมาแจ้งความเอง นั่นเป็นนัยสำคัญเบาๆที่ส่งสัญญาณว่า ผมจะไม่ได้ของคืนแล้วแน่ๆ ดังนั้น คงทำอะไรไม่ได้เลยตอนนี้ จนกว่าจะกลับถึงไทย ผมจึงได้ส่งเมล์แจ้งความประสงค์เรื่องจะร้องเรียนด้านคดีความเมื่อถึงประเทศไทยไปยังสายการบิน
เมื่อถึงวันเดินทางกลับ ผมเดินทางกลับด้วยสายการบิน "ไทยสไมล์" เหมือนเดิม ด้วยไฟล์ท TG 2902 COLOMBO - BKK วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2557 เวลา 01.20 เนื่องจากผมต้องประสานเรื่องเอกสารเคลม จึงต้องมาถึงสนามบินเร็วขึ้น (ประมาณ 22.30 น.) เมื่อถึงสนามบินผมก็ได้ประสานกับพนักงานภาคพื้นเรื่องเอกสาร เธอเดินไปแจ้งกับหัวหน้า สักพักเธอก็เดินกลับมาพร้อมเอกสารเคลมซึ่งทางสายการบินได้เดินเรื่องรอไว้แล้ว ให้ผมมาประสานกับฝ่ายติดตามสัมภาระอีกครั้งเมื่อถึงไทย
แต่เรื่องที่ผมท้าทาย และไม่คิดว่าจะได้แจ๊คพอตคือ ผมท้าทายโจรในคราบพนักงานอีกว่า ขากลับผมจะโดนอีกมั้ย จึงได้จัดสัมภาระอย่างเรียบร้อยและจำตำแหน่งต่างๆของสิ่งของในกระเป๋าอย่างชัดเจน และเรื่องที่คิดไว้ดันเกิดขึ้นจริงๆครับ เมื่อผมรับกระเป๋าเสร็จ สภาพภายนอกบ่งบอกเลยว่า กระเป๋าของผมโดนงัดอีกครั้ง เนื่องจากตำแหน่งของซิปที่โดนไปตั้งแต่ขาไปนั้นถูกรูดไปอยู่สุดปลายซิปอีกด้านเหมือนตอนที่โดนตอนขาเข้าศรีลังกาเลย ผมเลยเปิดกระเป๋าออกทันที และพบว่า สิ่งของหมดโดนรื้อกระจัดกระจายอีกครั้ง ของที่อยู่ในถุงในซองต่างๆก็ถูกรื้อทั้งหมด แว่นโพลาไลท์ที่โจรไม่ได้เอาไปครั้งแรก มันก็ยังคงรื้อออกจากซอง และทิ้งไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม ผมทั้งโมโห และทั้งแค้น จึงไปติดต่อฝ่ายสัมภาระ ว่า ผมโดนงัดกระเป๋าอีกแล้ว ทั้งไปและกลับ พนักงานพูดได้แค่ว่า เรื่องแบบนี้เกิดบ่อยมากที่สนามบินสุวรรณภูมิ (น้ำเสียงพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ) แล้วก็ถามราคาของที่หายของผมว่าราคาเท่าไหร่ แล้วก็บอกได้แค่ว่า ให้ผมทำเรื่องแล้วกันนะ ราคาก็คงได้ไม่เต็มนะ พร้อมส่งกระดาษพร้อมเบอร์ติดต่อให้ผมประสานเอา
*** ดูง่ายนะครับ
แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น ผมได้ไปแจ้งความต่อที่สถานีตำรวจสุวรรณภูมิซึ่งอยู่ที่อาคารผู้โดยสารชั้นหนึ่ง เพื่อลงบันทึกประจำวันและขออำนาจตำรวจเพื่อดูกล้องย้อนหลัง จากนั้นก็มีโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่การบินไทย ซึ่งดูแลด้านความปลอดภัยของผู้โดยสารและคดีต่างๆที่เกิดขึ้น มาหาที่ สน. เพื่อถามรายละเอียดต่างๆ และต้องขอบคุณพี่ตำรวจ และพี่การบินไทยท่านนั้นที่ประสานงานให้ พาไปดูกล้องที่อาคาาร AOB ของการท่า แต่สุดท้ายก็จับโจรไม่ได้ เนื่องจากโจรรู้มุมกล้องครับ และกล้องก็ไม่ได้มีมุมนั้นพอดี มันเอากระเป๋าผมลงจากสายพาน และวางแอบที่หลังเสา เห็นเพียงเท่านี้ ผมก็ถอดใจแล้วครับ สรุปว่า คนชั่วยังลอยนวลอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ อันตรายยังไม่หมดไปจากแผ่นดินไทยครับ
ต่อจากนี้ก็คงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ต่อไปครับ ผมคงต้องก้มหน้ารับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา
เพื่อนๆเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างมั้ยครับ เราจะสามารถทำอะไรอีกได้บ้างครับ ลองมาแชร์ให้ทราบกันบ้างนะครับ ขอบคุณครับ